#1
|
||||
|
||||
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๖๖
__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด (-/\-) (-/\-) (-/\-) |
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๖ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ กระผม/อาตมภาพเดินทางไปยังวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีศรีไพบูลย์แต่เช้า เพื่อร่วมทอดผ้าป่าการศึกษา โดยขอร่วมเป็นเจ้าภาพในจำนวนเงิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท ทางวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีศรีไพบูลย์นั้น เกิดจากดำริของพระเดชพระคุณพระธรรมคุณาภรณ์ (ไพบูลย์ กตปุญฺโญ ป.ธ.๘) อดีตเจ้าอาวาสวัดไชยชุมพลชนะสงคราม (พระอารามหลวง) อดีตเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งท่านเป็นคนพนมทวน อำเภอที่ตั้งของวิทยาลัยสงฆ์แห่งนี้เอง
หลังจากที่ท่านได้ปรารภการจัดตั้งวิทยาลัยให้กับบุตรหลานชาวพนมทวน เพื่อที่จะได้เรียนให้ถึงระดับปริญญาตรีแล้ว พระเดชพระคุณพระเทพปริยัติโสภณ, ดร. (ปัญญา วิสุทฺธิปญฺโญ ป.ธ.๙) เจ้าอาวาสวัดไชยชุมพลชนะสงคราม (พระอารามหลวง) เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรีรูปปัจจุบัน ซึ่งเป็น "ลูกศิษย์ก้นกุฏิ" ติดตามหลวงพ่อไพบูลย์มาตั้งแต่ยังเป็นสามเณรเล็ก ๆ ก็มาสานต่อความปรารถนาของพระเดชพระคุณหลวงพ่อไพบูลย์ จนกระทั่งประสบความสำเร็จ ก็คือได้สร้างวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีศรีไพบูลย์นี้ขึ้นมา โดยมีกระผม/อาตมภาพเป็นประธานคณะกรรมการจัดหาทุนในการสร้างวิทยาลัยสงฆ์แห่งนี้ โดยในการประชุมคณะกรรมการทุกฝ่ายนั้น กระผม/อาตมภาพตั้งคำถามในที่ประชุมว่า "ถ้าสร้างวิทยาลัยสงฆ์ขึ้นมาแล้วหาคนเรียนไม่ได้ จะนำเอาสิ่งก่อสร้างเหล่านี้ไปทำอะไรบ้าง ? ถ้าไม่สามารถทำให้กระผม/อาตมภาพเห็นว่าคุ้มค่ากับความเหนื่อยยากที่สร้างขึ้นมา กระผม/อาตมภาพก็จะไม่หาทุนในการจัดสร้างให้" ทางพระเดชพระคุณพระเทพปริยัติโสภณ, ดร. ซึ่งขณะนั้นคือพระราชวิสุทธิเมธี ท่านได้ตอบว่า "สามารถใช้อาคารในการประชุม ในการปฏิบัติธรรมประจำปีของคณะสงฆ์ทุกอำเภอ ในการสอบนักธรรม ในการสอบบาลีของคณะสงฆ์จังหวัดกาญจนบุรี ตลอดจนกระทั่งเป็นที่ประชุม สัมมนาของหน่วยราชการ และองค์กรปกครองท้องถิ่นส่วนต่าง ๆ ทั้งในจังหวัดกาญจนบุรีและทั่วประเทศที่ขอความร่วมมือมา" เมื่อได้รับคำตอบเช่นนี้ กระผม/อาตมภาพจึงได้แจ้งในที่ประชุมว่า ถ้าอย่างนั้นก็คุ้มค่ากับการจัดสร้าง แล้วก็ดำเนินการจัดหาทุน เพื่อที่จะดำเนินการสร้างอาคารเรียนหลังแรก โดยได้รับความเมตตาจากท่านเจ้าคุณพระสุพรรณวชิราภรณ์, ดร. (ประไพ ปุญฺญกาโม ป.ธ.๓) เจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อนร่วมรุ่นปริญญาเอกของกระผม/อาตมภาพ ซึ่งในขณะนั้นก็คือพระครูวิบูลเจติยานุรักษ์ เป็นผู้อำนวยการวิทยาลัยสงฆ์สุพรรณบุรีศรีสุวรรณภูมิ ท่านได้มอบแบบแปลนอาคารเรียนมาให้โดยไม่คิดมูลค่า
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-10-2023 เมื่อ 01:05 |
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
เมื่อกระผม/อาตมภาพทำการเร่งรัดในการจัดสร้างและการจัดหาทุน กลับทำให้วิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีศรีไพบูลย์ ซึ่งได้รับการยกขึ้นเป็นวิทยาลัยสงฆ์ทีหลัง มีอาคารเรียนที่เสร็จเรียบร้อยก่อนทางวิทยาลัยสุพรรณบุรีศรีสุวรรณภูมิ แล้วทุกวันที่ ๖ ตุลาคม ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิดของหลวงพ่อไพบูลย์ ทางคณะสงฆ์จังหวัดกาญจนบุรี นำโดยพระเดชพระคุณพระเทพปริยัติโสภณ, ดร. เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี และอีกตำแหน่งหนึ่งก็คือผู้อำนวยการวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีศรีไพบูลย์ จะทำการทอดผ้าป่าบูชาคุณหลวงพ่อไพบูลย์ เพื่อหาทุนในการบริหารจัดการวิทยาลัยสงฆ์ ซึ่งกระผม/อาตมภาพก็รับเป็นเจ้าภาพใหญ่ให้ทุกปี
สำหรับปีนี้เนื่องจากว่าพายุโซนร้อนโคอินุ ซึ่งกำลังจะแปรสภาพเป็นไต้ฝุ่น กำลังอาละวาดหนัก เมื่อไปถึงปลัดโย (พระปลัดรัชชานนท์ ติกฺขปญฺโญ) ซึ่งทำหน้าที่พิธีกรอยู่ ก็บอกว่า "ขอบารมีหลวงพ่อเล็กช่วยห้ามฝนเอาไว้หน่อยครับ พวกผมเครียดจนเส้นเลือดในสมองจะแตกอยู่แล้ว เนื่องเพราะว่าบรรดาพรมต่าง ๆ ที่ปูเอาไว้ ถ้าฝนลงมาเมื่อไรก็เน่าหมดอย่างแน่นอน" เหตุที่ปลัดโยกล่าวเช่นนั้นก็เพราะว่าได้จัดการตั้งเต็นท์ปูพรมสำหรับดำเนินงานในครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการมอบทุนการศึกษา การทำบุญเจริญพระพุทธมนต์ต่าง ๆ กระผม/อาตมภาพพนมมือไหว้ไปทางรูปหล่อพระเดชพระคุณหลวงพ่อไพบูลย์ กล่าวว่า "ขอหลวงพ่อไพบูลย์ท่านดีกว่าครับ งานของท่านเอง บ้านก็บ้านของท่านเอง" ปลัดโยบอกว่า "มีหลวงพ่อเล็กอยู่ อุ่นใจกว่าครับ" กระผม/อาตมภาพก็ได้แต่กลืนน้ำลาย งานนี้ถ้าหากว่าฝนลง ก็แปลว่าเสียชื่อตนเอง ถ้าหากว่าฝนไม่ลง ก็ไม่รู้ว่าตนเองจะต้องไปรับเละในส่วนใดบ้าง..! แต่ในเมื่อถึงเวลาก็ต้องเข้าภาษิตที่ว่า "เราก็ชายหมายมาดว่าชาติเชื้อ ถึงปะเสือก็จะสู้ดูสักหน" โชคดีที่งานทุกอย่างดำเนินการจนเสร็จสิ้นลงภายในเวลา โดยที่ฝนฟ้าไม่ได้มารบกวน ขณะที่พระสงฆ์ทั้งหลายกำลังจะฉันเพลนั้น นายยงยุทธ สงพะโยม ผู้อำนวยการโรงเรียนทองผาภูมิวิทยา ซึ่งได้รับคำสั่งให้ย้ายมาเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนเทพมงคลรังษี ซึ่งตั้งอยู่ข้างวัดเทวสังฆาราม หรือว่าวัดเหนือ ก็ได้เดินทางมาถวายสักการะ อยู่ในลักษณะว่าลาจากโรงเรียนทองผาภูมิวิทยา โดยกล่าวว่า "หลวงพ่อช่วยกระผมเอาไว้มากเหลือเกิน โรงเรียนทองผาภูมิวิทยาทุกวันนี้โด่งดังได้ ก็ด้วยเหตุที่หลวงพ่อทุ่มเทงบประมาณให้ทุกอย่าง โดยเฉพาะให้ทุนการศึกษาทุกระดับชั้น ช่วยให้ผมเองพลอยมีผลงานเด่น จนได้รับรางวัลผู้บริหารดีเด่นของกระทรวงศึกษาธิการ ดังนั้น..เมื่อโยกย้ายแล้ว หลวงพ่อติดภารกิจ ไม่ได้อยู่ให้กราบลา จึงต้องเดินทางมาลาด้วยตนเอง แม้ว่าจะอยู่ไกลแค่ไหนก็ตาม ไม่อย่างนั้นแล้วก็จะไม่สบายใจ" กระผม/อาตมภาพก็ได้แต่อวยชัยให้พรไป
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-10-2023 เมื่อ 01:09 |
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
โดยเฉพาะปีนี้ทางโรงเรียนทองผาภูมิวิทยานั้น นางธันย์ชนก โพธิ์ทอง รองผู้อำนวยการโรงเรียนทองผาภูมิวิทยา สอบผู้อำนวยการได้ อาจารย์ของทางโรงเรียนทองผาภูมิวิทยาจำนวน ๕ คน โดยมีท่านอาจารย์ธรรมจักร นิลรักษา เป็นต้น สอบรองผู้อำนวยการได้ ซึ่งเป็นที่แตกตื่นกับที่อื่นเป็นอย่างยิ่ง..!
เนื่องเพราะว่าสถานศึกษาเดียวกัน มีผู้สอบได้มากถึงขนาดนี้ โดยที่เลขาฯ พัฒน์ (พระพัฒน์ ฐิตาจาโร) เลขานุการเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน ซึ่งกระผม/อาตมภาพมอบหมายให้เข้าประชุมคณะกรรมการสถานศึกษาของโรงเรียนทองผาภูมิวิทยาเป็นประจำ ได้มาแอบกระซิบว่า "เมื่อครูเขาปรารภเรื่องการสอบ กระผมก็แนะนำให้ใช้ "คาถาท่านปู่พระอินทร์" แบบที่หลวงพ่อเคยแนะนำมา ไม่นึกว่าจะได้ผลเด็ดขาดขนาดนี้..!" กระผม/อาตมภาพเองก็ยังเสียดาย เนื่องเพราะว่าเด็กนักเรียนรุ่นหลังของเรานั้น ส่วนใหญ่แล้วไม่ค่อยจะมีกำลังใจในการภาวนา จนกระทั่งพระท่านต้องให้ออก "วัตถุมงคลเสริมปัญญา" เท่ากับบังคับให้เด็ก ๆ ได้ภาวนากันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน ซึ่งตอนนี้อยู่ในขั้นตอนของการออกแบบ ได้แบบที่ถูกใจแล้ว กำลังจะกัดแม่พิมพ์ ถ้าหากว่าออกมา ก็คงจะมีการภาวนากันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน อย่างน้อย ๆ ก็เหมาโรงเรียนกันอย่างแน่นอน..!" โดยเฉพาะในระยะนี้กระผม/อาตมภาพจะเข้า "แอพพลิเคชั่นเสบียงบุญ" ซึ่งเป็นแอพพลิเคชั่นของสำนักงานส่วนพระองค์ ในการสะสมบุญทุกครั้ง ญาติโยมทั้งหลายถ้าหากว่าจะทำความดี ไม่ว่าจะเป็นการสวดมนต์ ไหว้พระ หรือว่าเจริญสมาธิภาวนา สามารถเข้าแอพพลิเคชั่นนี้ แล้วกดสะสมบุญ เพื่ออุทิศเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ตลอดจนกระทั่งพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ โดยเฉพาะระยะนี้เป็นการสะสมบุญถวายแก่สมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ซึ่งการสะสมบุญนี้ เท่ากับเป็นเครื่องยืนยันการทำคุณงามความดีของเรา ถ้าเป็นการสวดมนต์ ไหว้พระ เจริญกรรมฐานทั่วไป กระผม/อาตมภาพก็จะกดใช้เวลา ๑ ชั่วโมง ถ้าเป็นการภาวนาพระคาถาเงินล้าน กระผม/อาตมภาพก็จะกดใช้เวลา ๒ ชั่วโมง แต่ว่าท่านทั้งหลายไม่จำเป็นที่จะต้องกดเวลาทีละมาก ๆ ขนาดนี้ เพราะว่าจะทำให้ตนเองเครียดจนเกินไป เนื่องเพราะว่ามีเวลาตั้งแต่ ๑๐ นาที ๑๕ นาที ๒๐ นาที ไล่ขึ้นไปจนเป็นชั่วโมง ในแต่ละครั้งเราจะสะสมมากหรือน้อยก็ได้ และในขณะเดียวกัน เมื่อถึงเวลาท่านกดแอพพลิเคชั่นเพื่อสะสมบุญแล้ว พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ยังพระราชทาน "คลื่นเสียงอัลฟ่า" เอาไวในแอพพลิเคชั่นด้วย คลื่นเสียงนี้จะช่วยปรับคลื่นสมองของบุคคลที่เข้าสมาธิภาวนา เนื่องเพราะว่าโดยปกติแล้ว สมองคนทั่วไปก็จะแผ่คลื่นเบต้า ซึ่งเป็นคลื่นของความคิดที่ยุ่งเหยิง วุ่นวายมาก แต่ถ้าหากว่าเวลาใดที่สมาธิของท่านทรงตัว ก็จะแผ่คลื่นอัลฟา คือคลื่นแห่งความสงบ ระงับ เยือกเย็น ออกมา
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-10-2023 เมื่อ 11:36 |
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
ใหม่ ๆ ที่ท่านทั้งหลายกดฟัง ต้องทนสักนิดหนึ่ง ไม่เช่นนั้นแล้ว ระหว่างที่คลื่นเสียงนี้สะสางชักนำความวุ่นวายไม่เป็นระเบียบในสมองของท่านทั้งหลายอยู่ อาจจะรู้สึกตึง ๆ รำคาญเหมือนกับคนปวดหัว หรือว่าความดันขึ้น แต่ว่าผ่านไปในระยะเวลาไม่นาน ถ้าหากว่าความคิดในหัวของท่านโดนสะสางจนสงบระงับ สมาธิเริ่มเกิดแล้ว ต่อไปก็จะไม่มีอาการเช่นนี้อีก
สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ดี สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีก็ดี ตลอดจนกระทั่งท่านเจ้าคุณพระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณี และพระบรมวงศานุวงศ์ก็ตาม ได้ใช้แอพพลิเคชั่นนี้ในการสะสมบุญ ทำสมาธิ เพื่อเป็นตัวอย่างแก่พุทธศาสนิกชนทั้งหลาย โดยเฉพาะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้น สะสมบุญอย่างเป็นหลักเป็นฐาน เป็นงานเป็นการ เพราะว่าเห็นประโยชน์อย่างยิ่ง จึงอยากจะให้บรรดาพสกนิกรต่าง ๆ มีความสงบระงับ มีกำลังสมาธิในการทำการทำงานเฉพาะหน้า ให้ได้ประสิทธิภาพประสิทธิผล จึงได้มีปรารภให้จัดทำแอพพลิเคชั่นนี้ขึ้นมา ถือว่าเป็น "แอพพลิเคชั่นพระราชทาน" ก็แล้วกัน ขอให้ทุกท่านช่วยกันสะสมเสบียงบุญ ทั้งเพื่อตัวเอง และถวายเป็นพระราชกุศล ตลอดจนถวายเป็นพระกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ตลอดจนกระทั่งพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ และขอให้ทุกคนตั้งใจสะสมเสบียงบุญอย่างสม่ำเสมอ เพื่อมรรคผลนิพพานของเราในกาลต่อไป สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๖ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-10-2023 เมื่อ 01:15 |
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|