ไก่ภายในวัดท่าขนุน

[ชินเชาวน์]

[ชินเชาวน์]

พูดถึงไก่วัดขนุน สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยไปนอนค้างที่วัดอาจจะยังไม่รู้ ว่าไก่ที่นี่แสบไม่ใช่ย่อย
และชอบแกล้งคนยิ่งนัก โดยเฉพาะเหล่านาคทั้งหลายที่เตรียมตัวบวชที่วัดท่าขนุน
กล่าวคือ ในคืนเดือนแจ้ง ซึ่งเป็นเวลาที่นาคทั้งหลายที่กำลังเหนื่อยอ่อนมาทั้งวัน กำลังจะได้หลับพักผ่อนอย่างมีความสุข (หรือเปล่า?)
ไก่ที่นี่ มักจะพากันขันยกวัด ซึ่งถ้าเป็นไก่แถวบ้านเรา แสดงว่าพระอาทิตย์กำลังจะขึ้นแล้วใช่ไหมครับ...
(ถ้าพระอาทิตย์กำลังขึ้นแสดงว่า คนอื่น ๆ เขาไปทำวัตรเสร็จจนจะไปบิณฑบาตกันแล้ว ซึ่งทุกคนที่อยู่ที่วัดคงจะเข้าใจแล้วว่า หากอยู่ที่วัดท่าขนุน ถ้าชีวิตยังไม่สิ้น คุณต้องลงทำวัตร)
แต่ไก่ที่นี่ไม่ได้ขันตามเวลาปกติหรอก ถ้ามีตัวใดตัวหนึ่งเผลอขันออกมา ทุก ๆ ตัวก็จะขันตามกันเป็นโดมิโน ถ้าเราออกไปดูข้างนอกที่พัก พระจันทร์ยังสวยเด่นเป็นสง่าอยู่เลย แต่เหล่าพ่อไก่แม่ไก่เล่นขันต้อนรับน้องใหม่เสียอย่างนั้น
เรื่องนี้ผมก็เคยเจอมากับตัวเอง และเหล่านาครุ่นที่ผ่านมา (ขณะนี้บวชเป็นพระแล้ว) ก็เจอกับตัว แล้วมาเล่าให้ผมฟัง ผมเองฟังแล้วก็ได้แต่หัวเราะหึ ๆ ในลำคอ...(๕๕๕ เจอเหมือนกันเลย...)

[ป้านุช]

ครอบครัวใหม่จ้ะ

[คนเก่า]

นึกถึงที่ท่านทิดเล่าถึงครั้งบวชอยู่กับพระอาจารย์
ขณะกำลังนอนสบายในเวลาเช้ามืดแต่ได้เวลาเจริญพระกรรมฐานแล้ว
ก็มักมีเสียงพ่อไก่ขันด้วยเสียงอันดังฟังเป็นภาษาไทยว่า
...อยู่ไปก็รกโลก

เป็นเหตุให้ลูกวัด เอ๊ย ลูกเจี๊ยบนอนไม่ติด ต้องกระวีกระวาดลุกขึ้นทันที

[คุณ๓]

ไก่ขัน เพื่อโมทนาบุญหรือเปล่าคะ

[มุนินโท]

ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ คุณ๓

ไก่ขัน เพื่อโมทนาบุญหรือเปล่าคะ

ตัวนี้ไม่ใช่ไก่ขัน...

แต่เป็นเพียงเจ้าแม่ไก่ของวัดท่าขนุน...
กำลังสบายอุรากับการฟักไข่ให้ความอบอุ่นกับน้องไข่หลาย ๆ ฟอง อยู่ในวิมานที่บุญวิหารทานตามมาให้ผลในชาติเป็นแม่ไก่...!!!
(งานนี้ไม่รู้ว่าเทวดาท่านจะโกรธ จะเคือง หรือเห็นว่าเป็นเรื่องน่าสงสารแม่ไก่ในความไม่รู้ประสา ว่าที่ไผเป็นที่ไผ...)

[ป้าเม้า]

เรื่องของไก่

แจ้ : "อู๊ยส์..เพิ่งรอดจากสารทจีนมา สด ๆ ร้อน ๆ เฮ้อ!..โล่งอกซะที"

โต้ง : "แกอย่าเพิ่งตายใจไป อาทิตย์หน้านี่ก็สารทพวนแล้ว" (แรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๙)

[ป้าเม้า]

"ยังค่ะ..ยังไม่ตาย..นั่นแค่ซ้อมเป็นไก่ตรุษจีนค่ะ"

[ตัวเล็ก]

เมื่อครั้งตัวเล็กกำลังเดินไปทางหอฉัน ได้ยินเสียงไก่ร้อง "กระต๊าก ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ" ยาวมาก เป็นระยะ เกือบทั้งวัน

ด้วยความขี้สงสัยของตัวเล็ก จึงกราบเรียนถามพระอาจารย์ว่า

ตัวเล็ก : หลวงพ่อคะ ไก่ร้องทำไมคะ ? ร้องยาวมาก นานมาก นี่ก็จะบ่ายแล้ว ไม่ใช่เช้าสักหน่อย ไม่เห็นจะต้องปลุกใครเลย

พระอาจารย์ : ไก่กำลังประกาศเพื่อให้พี่น้องรู้ว่า ได้ออกไข่แล้ว กำลังจะมีสมาชิกใหม่ ไม่ได้อยู่ ๆ ก็พาใครหน้าแปลกเข้ามาในบ้าน นี่บอกพรรคพวกให้รู้ตัวก่อน

ตัวเล็ก : อ้อ...ความรู้ใหม่วันนี้ กราบขอบพระคุณค่ะ

และแล้วเราก็ไปเดินตามหาว่าไก่ตัวไหนที่ร้องไม่หยุด ปรากฎว่า ไก่ซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้

ขอบพระคุณภาพจาก คุณสถาพร อินสกุล ค่ะ

[ตัวเล็ก]

ตัวเล็กเข้าใจมาตลอดว่า ไก่ที่มีหงอนสีแดง ๆ บนหัวคือไก่ตัวผู้ ส่วนไก่ตัวที่ไม่มีหงอนคือไก่ตัวเมีย
สุดท้ายก็ยังหาคำตอบไม่ได้ เลยลองเสี่ยงชีวิตที่จะโดนสั่งประหาร เพื่อที่จะได้รู้คำตอบที่แท้จริงสักที เลยวิ่งไปถามพระอาจารย์ว่า...

ตัวเล็ก : หลวงพ่อคะ เราจะรู้ได้อย่างไรว่า ไก่ตัวไหนเป็นตัวผู้ ตัวไหนเป็นตัวเมียคะ ? ตัวเมียต้องไม่มีหงอนใช่ไหมคะ ? แต่เท่าที่หนูเดินดู ก็มีหงอนทั้งนั้นเลยค่ะ

พระอาจารย์ : ไก่ตัวผู้ จะมีหงอนสีแดงใหญ่ ๆ แต่ไก่ตัวเมียจะมีเป็นหงอนเล็ก ๆ

สุดท้าย ตัวเล็กเลยต้องไปวิ่งไล่ดูไก่อีกทีเพื่อจะได้จำได้ว่า อ้อ...นี่ไก่ตัวผู้...นี่ไก่ตัวเมีย

จากรูปด้านบน พ่อไก่เดินนำ แม่ไก่เดินตามค่ะ

นิทานเรื่องนี้ สอนให้รู้ว่า "ไม่รู้...ให้ถาม เพราะจินตนาการฆ่าคนให้ตายได้ทั้งเป็น"

ขอบพระคุณรูปภาพ โดยคุณสถาพร อินสกุล

[ตัวเล็ก]

ภาพนี้ให้ชื่อว่า ... หมายังแล


ภาพนี้ให้ชื่อว่า ... หมาหยอกไก่

ขอบพระคุณภาพจากคุณสถาพร อินสกุล

[สายท่าขนุน]

พระอาจารย์เคยชี้ให้ดูไก่ในวัด ดูเหมือนเป็นไก่ตัวผู้ธรรมดา
ท่านว่า ถ้าเห็นไก่ตัวไหนที่มีขาสีเขียวครามแบบนี้ อย่าเข้าใกล้ นั่นคือไก่ป่า เขาจะดุและขี้ระแวงกว่าไก่บ้านมาก