#1
|
||||
|
||||
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๖๖
__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด (-/\-) (-/\-) (-/\-) |
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๘ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ ช่วงเช้ากระผม/อาตมภาพ หลังจากสะสม "เสบียงบุญ" ด้วยการภาวนาพระคาถาเงินล้าน ๑๐๘ จบแล้ว ก็มาทำรายงานการปฏิบัติงานของหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบลท่าขนุน งานของหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบลนั้น มีงานอยู่ทั้งหมดด้วยกัน ๘ ด้าน ได้แก่ ด้านศีลธรรมและวัฒนธรรม ด้านสุขภาพอนามัย ด้านสัมมาชีพ ด้านสันติสุข ด้านการศึกษาสงเคราะห์ ด้านการสาธารณสงเคราะห์ ด้านกตัญญูกตเวทิตาธรรม และด้านสามัคคีธรรม
ความจริงกระผม/อาตมภาพจะทำให้เสร็จภายในวันที่ ๓๐ กันยายนแล้ว แต่เนื่องจากว่าเมื่อทำรายงานการปฏิบัติงานของสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดกาญจนบุรีแห่งที่ ๒๓ (วัดท่าขนุน) และ รายงานลานธรรมลานวิถีไทยวัดท่าขนุนแล้ว ไม่สามารถที่จะส่งผ่านในกลุ่มไลน์ได้ เนื่องเพราะว่าไฟล์ใหญ่เกินไป จึงหมดอารมณ์ที่จะทำต่อ ปล่อยแช่เย็นมาจนถึงวันนี้ เมื่อทำเสร็จเรียบร้อยในช่วงประมาณ ๑๑ โมง ก็ได้ลองทำการส่งอีกครั้งหนึ่ง ปรากฏว่าวันนี้ "ผีเข้า" ไฟล์ใหญ่แค่ไหนก็ส่งผ่านได้หมด จึงทำให้ส่งช้าไปหลายวัน แต่ความจริงแล้วการส่งงานนั้น ทางคณะสงฆ์อำเภอกำหนดให้ ๕ วันหลังสิ้นปีงบประมาณ แล้วทางคณะสงฆ์อำเภอจะส่งต่อทางคณะสงฆ์จังหวัด ทางคณะสงฆ์จังหวัดจะส่งให้ทางคณะสงฆ์ภาค แต่ว่ากระผม/อาตมภาพนั้น มีไลน์ส่วนตัวของเลขานุการทั้งเจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะจังหวัด และเจ้าคณะภาค จึงส่งยาวไปทีเดียวเลย ทำให้ไม่ล่าช้า เนื่องเพราะว่าการส่งไลน์ถึงเลขานุการเจ้าคณะภาคนั้น จะส่งภายในวันที่ ๑๕ ตุลาคม เรื่องของการทำรายงานต่าง ๆ นั้น ส่วนหนึ่งที่มีปัญหาก็เพราะว่า บรรดาผู้ที่ต้องทำรายงาน มักจะไปปล่อยให้ครบรอบปีแล้วถึงไปเริ่มทำ จะทำให้มีงานจำนวนมาก จนกระทั่งหมดอารมณ์ที่จะทำไปเอง อีกส่วนหนึ่ง อย่างเช่นรายงานของสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดนั้น ส่วนใหญ่แล้วเจ้าสำนักก็เป็นผู้ที่รักสงบ ชอบในการปฏิบัติธรรมมากกว่า เมื่อขอให้ท่านต้องมาทำรายงานส่ง ก็เหมือนกับเอา "ยาขมหม้อใหญ่" ไปถวายท่าน แล้วท่านเองถ้าไม่มีเลขานุการที่ทำงานด้านนี้แทนได้ ทางด้านผู้รับผิดชอบอย่างเช่น สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดก็ดี สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดก็ดี ส่วนใหญ่ก็ทวงแล้วทวงอีก ทวงจนหมดกระทั่งอารมณ์ไปเอง..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-10-2023 เมื่อ 01:30 |
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
เรื่องแบบนี้จะเห็นว่า หลักการนำคนลงไปให้เหมาะสมกับงานนั้น ยังเป็นเรื่องที่ใช้การได้อยู่ทุกยุคทุกสมัย กระผม/อาตมภาพก็เคยทักท้วงไปแล้วว่า ส่วนใหญ่เจ้าสำนักปฏิบัติธรรมนั้นท่านรักสงบ แต่ว่าทางผู้บังคับบัญชาก็ไป "ขุด" ท่านออกมากระโดดโลดเต้น ในเมื่อท่านมีวิสัยรักสงบ ไม่เต้นตาม ก็กลายเป็นฝืนคำสั่งผู้บังคับบัญชา บุคคลที่สามารถไปได้ในลักษณะ "สะเทินน้ำสะเทินบก" แบบกระผม/อาตมภาพนั้นหาได้น้อยมาก
แม้กระทั่งท่านเจ้าคุณประไพ - พระสุพรรณวชิราภรณ์, ดร. (ประไพ ปุญฺญกาโม ป.ธ.๓) เจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมเรียนกันมา ตั้งแต่สมัยประกาศนียบัตรบริหารกิจการคณะสงฆ์ ปริญญาตรี ปริญญาโท จนกระทั่งจากพระครูเจ้าคณะอำเภอ ท่านเลื่อนขึ้นไปเป็นพระราชาคณะเจ้าคณะจังหวัด ท่านยังปรารภว่า "กระผมไม่ใช่พี่เล็กนี่ จะได้เป็นเกจิอาจารย์แล้วมีคนเชื่อถือ ถึงเวลาต้องการความช่วยเหลือ แค่ออกปากก็ได้แล้ว" กระผม/อาตมภาพตอบกลับไปว่า "ในเมื่อผมเองเป็นเกจิอาจารย์ แล้วสามารถมาเรียนจบปริญญาเอก กลายเป็นนักวิชาการได้ แล้วทำไมนักวิชาการอย่างคุณ ถึงไม่พยายามมาลองเป็นพระเกจิอาจารย์ดูบ้าง ?" เล่นเอาอีกฝ่ายค้อนปะหลับปะเหลือก บ่นให้ได้ยินประมาณว่า "เรื่องมันไม่ได้ง่ายอย่างที่พี่ว่ามานี่หว่า..!" เรื่องพวกนี้เราจะเห็นได้ว่า ถ้าหากการปฏิบัติธรรมของเรา ยังไม่สามารถที่จะปรับใช้กับชีวิตประจำวันได้อย่างแท้จริงประการหนึ่ง เรื่องของการเป็นนักวิชาการ แล้วไม่สามารถที่จะนำเอาการปฏิบัติธรรมเข้าไปรวมได้อีกประการหนึ่ง ทั้งสองอย่างนี้ก็ทำให้อยู่ในลักษณะขาด ๆ เกิน ๆ ไม่ค่อยจะสมบูรณ์ แต่ก็เป็นเรื่องที่ไม่สามารถที่จะตำหนิกันได้ เนื่องเพราะว่าวิสัยของแต่ละรูปแต่ละท่านนั้นไม่เหมือนกัน ในเมื่อรักชอบหรือถนัดด้านใดด้านหนึ่ง ท่านก็ไปของท่านในด้านเดียว ไม่สามารถที่จะรับด้านอื่นเข้ามาได้ เมื่อฉันเพลเสร็จแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ได้เดินทางไปยังวัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) โดยออกจากวัดอุทยานที่พักประมาณเที่ยงตรง จนถึงเวลาบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนนี้ ก็เป็นเวลาจะบ่าย ๒ โมงอยู่รอมร่อแล้ว ยังติดอยู่ในซอยวัดไร่ขิง ไม่ได้กระดิกกระเดี้ยไปไหนเลย..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-10-2023 เมื่อ 01:33 |
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
เหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าทางวัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) นั้น นอกจากจะจัดพิธีบำเพ็ญกุศลครบ ๑๐๑ ปีชาตกาลพระเดชพระคุณพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (ปัญญา อินฺทปญฺโญ ป.ธ.๖) อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค ๑๔ แล้ว ยังมีพระมหาเถระรูปสำคัญ ก็คือพระเดชพระคุณพระราชวิสุทธาจารย์ (ปราณี อินฺทวํโส ป.ธ.๓) อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค ๑๔ ได้มรณภาพลง และจะต้องจัดงานถวายน้ำสรงศพภายในวันเดียวกัน จึงทำให้รถราม้าช้างมากันอย่างชนิดที่เรียกว่าแออัดยัดเยียดไปหมด..!
ซอยวัดไร่ขิงนั้น แต่ดั้งเดิมมาก็เป็นเพียงถนนที่เลียบไปกับแม่น้ำท่าจีนเท่านั้นเอง เมื่อมีผู้คนมากเข้า รถมากเข้า ไม่สามารถที่จะขยายให้กว้างไปกว่านี้ได้ รถออกจากข้างทางมาหนึ่งคันก็ติดไปทั้งซอยแล้ว จึงทำให้เรื่องของการจราจรนั้นมีปัญหามาโดยตลอด โดยเฉพาะถ้าหากว่าวัดไร่ขิงมีงานประจำปี หรือว่างานปิดทองหลวงพ่อวัดไร่ขิง เรื่องของรถติดถือว่าเป็นปกติ กระผม/อาตมภาพจึงฉวยโอกาสสั่งสม "เสบียงบุญ" ด้วยการภาวนาไปครึ่งชั่วโมง เมื่อเห็นว่ารถติดไม่กระดิกกระเดี้ยจริง ๆ และก็คงจะไม่มีเวลาอีกแล้ว จึงได้ทำการบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนอยู่ในขณะนี้ สำหรับท่านที่รอกระผม/อาตมภาพส่งรูปวัตถุมงคล "ของแพง" ไปให้ไอ้ตัวเล็กลงในเว็บวัดท่าขนุน เพื่อให้ท่านทั้งหลายได้ร่วมบุญนั้น วันนี้น่าจะ "ชวด" เนื่องเพราะว่าไม่มีเวลาที่จะไปทำให้ ตามหมายกำหนดการ กว่าที่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งเสด็จมาเป็นองค์ประธาน ในพิธีบำเพ็ญกุศลครบ ๑๐๑ ปีชาตกาลพระเดชพระคุณพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (ปัญญา อินฺทปญฺโญ ป.ธ.๖) และมีการสวดมาติกา บังสุกุล รับถวายผ้าไตรพระราชทานเสร็จ ไม่ทราบเหมือนกันว่าสองทุ่มจะกลับถึงที่พักหรือไม่..!? ท่านทั้งหลายลองไปดูของเก่า ซึ่งยังลงคากระทู้เอาไว้อยู่ มีบางรายการซึ่งเป็นของที่หายากอย่างยิ่ง อย่างเช่นว่า ตะกรุดช้างศึก/ม้าศึก ซึ่งเป็นตะกรุดสำหรับออกสงครามโดยเฉพาะ เอาไว้ป้องกันสัตว์ที่ไม่รู้ภาษา ให้ปลอดภัยจากอาวุธ มีด ดาบ หอก ปืนไฟ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำได้ยากมาก แต่ว่าหลวงพ่อโพธิ์ วัดวังหมาเน่า ท่านได้ทำเอาไว้ตั้งแต่สมัยโน้น นานนับเป็นร้อยปีมาแล้ว ดอกนี้ก็เป็นดอกที่เรียกว่าสมบูรณ์ที่สุด เท่าที่เคยพบมา ถ้ายังไม่รู้ว่าหลวงพ่อโพธิ์ วัดวังหมาเน่าเป็นใคร ? ก็ขอบอกว่าลูกศิษย์องค์สำคัญของท่าน ก็คือหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ถ้ายังไม่รู้จักหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ก็ขอบอกว่าบรรดา "ตะกรุดคู่ชีวิต" ที่โด่งดังคับประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นหลวงพ่อพิธ วัดฆะมัง หลวงพ่อเตียง วัดเขารูปช้าง หลวงพ่อทบ วัดชนแดน นั้น ล้วนแล้วแต่เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ซึ่งเรียนวิชาไปจากหลวงพ่อโพธิ์ วัดวังหมาเน่าทั้งสิ้น..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 09-10-2023 เมื่อ 11:40 |
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
หรือว่าในส่วนของคชสีห์ หรือว่าราชสีห์ตาพลอย ของหลวงพ่อหอม วัดชากหมากนั้น ท่านทั้งหลายจะเห็นว่าส่วนใหญ่แล้วงดงามมาก เนื่องเพราะว่าเป็นส่วนที่กระผม/อาตมภาพคัดแยกเอาไว้ เพื่อที่จะนำออกแสดงในพิพิธภัณฑ์วัดท่าขนุน
แต่เมื่อทางผู้ออกแบบบอกว่า พิพิธภัณฑ์นั้นถ้าวางของเฉย ๆ จะมีคนสนใจน้อยมาก จึงปรับการออกแบบเป็นพิพิธภัณฑ์แสง สี เสียง ทำให้วัตถุมงคลที่กระผม/อาตมภาพสะสมมา ๓๐ - ๔๐ ปี จึงต้องนำออกมาทยอยให้ท่านทั้งหลายได้บูชา แล้วนำปัจจัยนั้นไปสร้างพิพิธภัณฑ์แทน จึงต้องเป็นของที่คัดแล้วคัดอีกว่าจะต้องสมบูรณ์ หรือว่าค่อนข้างสมบูรณ์ ไม่ใช่ชำรุดทรุดโทรมอยู่ในลักษณะที่ทนดูกันไม่ได้ อีกไม่นานถ้าหากว่ามีพื้นที่ส่วนที่ว่างเหลืออยู่ กระผม/อาตมภาพจะทยอยคัดบางส่วนไปลงในพิพิธภัณฑ์ แต่ว่าไม่แน่ใจว่า ส่วนนั้นจะเป็นส่วนของการเก็บเอาไว้ในลักษณะสำรองเท่านั้น หรือว่าจะเป็นส่วนที่เปิดให้เข้าชมกันได้ ก็ต้องแล้วแต่ทางผู้ออกแบบท่านจะดำเนินการ ของเราถ้าหากว่ามีสมบูรณ์อยู่แล้ว จะทำอย่างไรก็ได้ แต่ถ้าไม่มีของอยู่ในมือต่างหาก จึงเป็นเรื่องที่น่าหนักใจเป็นอย่างยิ่ง..! ท่านที่มาบูชาวัตถุมงคลจากเว็บวัดท่าขนุนในระยะหลัง จึงมักจะได้ของดี ของสวย ซึ่งบางทีหลาย ๆ ปีถึงจะหลุดมาสักชิ้นหนึ่ง แต่ว่าท่านทั้งหลายต้องบอกว่า "เป็นผู้มีบุญ" เนื่องเพราะว่ามาถึงก็สามารถที่จะบูชาได้เลย ถ้ากระผม/อาตมภาพมีเวลาว่างแล้ว ในวันต่อไปจะนำวัตถุมงคงชิ้นอื่น มาถ่ายรูปส่งให้ท่านทั้งหลายได้บูชากันต่อไป สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๘ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-10-2023 เมื่อ 01:54 |
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|