กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 27-05-2014, 15:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,692
ได้ให้อนุโมทนา: 152,019
ได้รับอนุโมทนา 4,417,889 ครั้ง ใน 34,282 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันเสาร์ที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๗

ขอให้ทุกคนขยับนั่งในท่าที่สบายของตน กำหนดความรู้สึกทั้งหมดไว้ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้าออกยาว ๆ สัก ๒ – ๓ ครั้งเพื่อระบายลมหยาบให้หมด หลังจากนั้นก็ปล่อยให้การหายใจเป็นไปโดยธรรมชาติ เพียงแต่เอาความรู้สึกกำหนดรู้ตามลมหายใจของเราไปด้วย หายใจเข้า..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมเข้าไป หายใจออก..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมออกมา จะกำหนดการกระทบฐานเดียว สามฐาน เจ็ดฐาน หรือกำหนดรู้ตลอดกองลมก็ได้ จะใช้คำภาวนาอย่างไรก็ได้ตามที่เรามีความถนัดมาแต่เดิม

วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๑๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ วันนี้อยากให้ทุกท่านทบทวนว่า การปฏิบัติธรรมของเราที่ผ่านมานั้น หาความก้าวหน้าไม่ได้หรือไม่สามารถรักษาระดับเอาไว้ได้ เป็นเพราะเราขาดการปฏิบัติอย่างไร ?

ลองนึกไปถึงตั้งแต่ลืมตาตื่นขึ้นมา ทันทีที่รู้สึกตัว เรานึกถึงภาพพระพร้อมกับลมหายใจเข้าออกได้หรือไม่ ? เรามีการทบทวนศีลทุกสิกขาบทของเราหรือไม่ ? เราได้ตั้งกำลังใจไว้หรือไม่ว่า ถ้าหากว่าวันนี้ชีวิตของเราสิ้นสุดลง เราจะไปที่ไหน ?

ระหว่างที่เราอาบน้ำแต่งตัวก็ดี เตรียมข้าวปลาอาหารก็ดี เรามีความรู้สึกว่า การกระทำอย่างนี้อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตหรือเปล่า ? ถ้าเป็นการกระทำครั้งสุดท้ายในชีวิต แล้วเราตายลงไปตอนนี้ เราคิดว่าเราจะไปที่ไหน ? ระหว่างที่เดินทางไปทำงาน ไม่ว่าจะอยู่บนรถไฟก็ดี รถเมล์ก็ดี รถแท็กซี่หรือรถส่วนตัวก็ตาม เรากำหนดรู้ลมหายใจเข้าออกของเราได้หรือไม่ ? เรากำหนดภาพพระของเราได้หรือไม่ ? จิตของเราเกาะพระนิพพานเป็นปกติหรือไม่ ?

ระหว่างที่ทำงานอยู่ เรามีความรู้ตัวทั่วพร้อมหรือไม่ ? คิดบ้างหรือไม่ว่า ถ้าเราทำงานครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย เราควรจะทุ่มเทให้เต็มที่ เพื่อให้ผลงานนั้นออกมาให้ดีที่สุด ถ้าเราตายลงไป จะได้เป็นการจากไปอย่างสง่างามที่สุด เพราะเราทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างให้กับการงานอย่างเต็มที่แล้ว ถึงอยู่คนเขาก็เกรงใจ ถึงไปคนเขาก็คิดถึง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-05-2014 เมื่อ 02:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 63 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 29-05-2014, 18:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,692
ได้ให้อนุโมทนา: 152,019
ได้รับอนุโมทนา 4,417,889 ครั้ง ใน 34,282 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในระหว่างที่พักกินอาหารกลางวัน เรามีเวลาเกาะลมหายใจเข้าออกบ้างหรือไม่ ? เราเห็นทุกข์เห็นโทษของร่างกายที่เรียกร้องอาหารอย่างน้อยวันละ ๓ มื้อบ้างหรือไม่ ? เห็นความทุกข์ที่กินเสร็จแล้วต้องไปทำความสะอาด แปรงฟัน เข้าห้องน้ำ หรือไม่ ?

เมื่อถึงเวลากลับเข้ามาทำงานใหม่ เรารู้สึกหรือไม่ว่างานที่เราทำนั้นเราต้องทำให้ดีที่สุด บุคคลที่มีเวลาน้อย ชีวิตจะตายลงไปเมื่อไรก็ไม่รู้แน่ เราต้องทุ่มเทสร้างผลงานให้ดีที่สุด ฝากชื่อไว้กับโลกนี้ว่าไม่เสียทีที่เกิดมาเป็นมนุษย์ ได้พบพระพุทธศาสนา ได้นำหลักธรรมมาประยุกต์ใช้ในการทำงาน ถึงตายลงไปแหงนหน้าก็ไม่อายฟ้า ก้มหน้าก็ไม่อายดิน

เมื่อเลิกงานเดินทางกลับบ้าน เราคิดบ้างหรือไม่ว่าถ้าเกิดอุบัติเหตุอันตรายถึงแก่ชีวิต เราจะไปไหน ? กลับถึงบ้านไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการทำความสะอาดบ้าน ซักเสื้อผ้า หุงข้าว อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าก็ตาม แม้กระทั่งกำลังกินอาหารอยู่ เรานึกรู้ถึงลมหายใจเข้าออกหรือคำภาวนาได้หรือไม่ ? สามารถกำหนดภาพพระไว้ได้หรือไม่ ?

ก่อนนอนเรามีเวลาทบทวนศีลทุกสิกขาบทของเรา ว่ามีข้อบกพร่องตรงที่ใดบ้างหรือไม่ ? ถ้าจุดใดบกพร่อง ให้ตั้งใจว่าตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป เราจะเป็นผู้มีศีลบริสุทธิ์บริบูรณ์ ถ้าเราหมดอายุขัยตายลงไป หรือเกิดอุบัติเหตุอันตรายใด ๆ ตายลงไปในคืนนี้ เราขอไปอยู่ที่พระนิพพานแห่งเดียว เราสามารถกำหนดกำลังใจได้อย่างนี้หรือไม่ ? เมื่อนอนลงก่อนที่จะหลับ เราจับลมหายใจเข้าออก จับภาพพระ หรือเกาะพระนิพพานได้หรือไม่ ?

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เราสามารถทำได้พร้อมกับการทำหน้าที่ในชีวิตประจำวัน ไม่มีอะไรขัดขวางกันเลย ทุกอย่างจะหนุนเสริมกันไปหมด ถ้าเรามีสติอยู่เฉพาะหน้า งานการทุกอย่างก็จะออกมาดีเลิศ ถ้ากำลังใจของเราเกาะความดีใน ศีล สมาธิ ปัญญา เกาะพระพุทธเจ้า เกาะพระนิพพานไว้ เราก็ไม่ต้องกระทบกระทั่งกับใคร

ถ้าเป้าหมายในการดำเนินชีวิตเราชัดเจน ก็คือทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด ตายลงไปเมื่อไรเราขอไปอยู่ที่พระนิพพานแห่งเดียว ก็นับว่าท่านทั้งหลายไม่เสียทีที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ได้พบพระพุทธศาสนา ได้ปฏิบัติธรรมแล้วน้อมนำไปใช้ในชีวิตประจำวันของตน ลำดับต่อไปขอให้ทุกคนตั้งใจภาวนาหรือพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันเสาร์ที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๗

(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยคะน้าอ่อน)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย นายกระรอก : 05-03-2019 เมื่อ 00:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 53 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 16:40



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว