#1
|
||||
|
||||
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๕
__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด (-/\-) (-/\-) (-/\-) |
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๒๕ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ กระผม/อาตมภาพได้เดินทางไปยังวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีศรีไพบูลย์แต่เช้า เพื่อเข้าร่วมงานประชุมพระสังฆาธิการ ระดับเจ้าคณะอำเภอ รองเจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะตำบล รองเจ้าคณะตำบล และเลขานุการทุกระดับ ในเขตปกครองคณะสงฆ์จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งในงานนั้น นายชำนาญ ชื่นตา รองผู้ว่าการจังหวัดกาญจนบุรี ได้มาบอกเล่าให้พระสังฆาธิการทั้งหลายได้ทราบ ถึงเรื่องของการขอสัญชาติไทยให้กับพระภิกษุสามเณรที่บวชและศึกษาธรรม ซึ่งมีเป็นจำนวนมากที่ไม่มีบัตรประจำตัว
ตรงส่วนนี้กระผม/อาตมภาพได้ขอความชัดเจนไปว่า ทางจังหวัดจะสามารถทำได้หรือไม่ ? ด้วยการที่ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดมีหนังสือคำสั่งสัก ๑ ฉบับ เพื่อให้ทุกอำเภอได้มีนโยบายในการทำเป็นไปแนวเดียวกัน ก็คือออกหนังสือรับรอง หรือว่าทำการขึ้นทะเบียนพระภิกษุสามเณรที่เกิดในเมืองไทย แม้ว่าจะเป็นลูกต่างด้าว แต่ก็ได้เรียนหนังสือไทย และบรรพชาอุปสมบทอยู่ในพระพุทธศาสนาแล้ว อย่างน้อยให้มีบัตรผู้พลัดถิ่น หรือบุคคลไร้สัญชาติที่ขึ้นต้นด้วยเลข ๐ แต่เท่ากับว่ามีหมายเลขประจำตัว ๑๓ หลัก ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันว่าเป็นบุคคลผู้มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งชัดเจน โดยสามารถที่จะใช้บัตรที่มีหมายเลข ๑๓ หลักนี้ เพื่อไปออกหนังสือสุทธิ ยืนยันการบรรพชาอุปสมบทของตน แล้วในขณะเดียวกันก็จะได้ศึกษาในระดับปริญญาต่อไปอีกด้วย ไม่เช่นนั้นแล้วก็จะทำให้พระภิกษุสามเณรเหล่านี้ ขาดโอกาสในการศึกษา แล้วทำให้ต้องสึกหาลาเพศไป เนื่องเพราะว่าหนังสือสุทธิก็ไม่มี จะศึกษาต่อก็ไม่ได้ เหตุเพราะว่าไม่มีหมายเลขประจำตัว ๑๓ หลัก จึงไม่สามารถที่จะมีหนังสือสุทธิยืนยันการบรรพชาอุปสมบทได้ ตรงนี้ทางด้านท่านรองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี บอกว่าจะนำเรียนผู้ว่าราชการจังหวัด ซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้มารับตำแหน่งใหม่ แต่ว่ายังไม่ได้เดินทางมารับตำแหน่งของตน เพื่อที่จะให้ท่านได้รับทราบว่าทางคณะสงฆ์มีการร้องขอมาในลักษณะนี้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-08-2022 เมื่อ 00:09 |
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
กระผม/อาตมภาพไม่ได้เห็นแก่พระภิกษุสามเณรเท่านั้น หากแต่ว่าเด็กที่เกิดในเมืองไทย โดยเป็นลูกต่างด้าว เรียนหนังสือไทยจนถึงระดับมัธยมแล้ว มีปัญหาที่ไม่สามารถศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีได้ เพราะว่าไม่มีบัตร ไม่มีหมายเลขประจำตัว ๑๓ หลัก ซึ่งมีจำนวนหลายพันคน ถ้าหากว่ามีพระภิกษุสามเณรนำร่องไปแล้ว ก็จะทำให้เด็กทั้งหลายเหล่านี้ได้มีโอกาสเดินตามรอยไปด้วย
ถ้าเกรงว่าบรรดาต่างด้าวจะแห่กันมาบวชเพื่อเอาสัญชาติไทยหรือว่าบัตรไทย ก็ให้ทางด้านจังหวัดกำหนดคุณสมบัติลงไปให้ชัดเจน อย่างเช่นว่า อย่างน้อยต้องบวชมา ๕ พรรษา เรียนจบนักธรรมชั้นเอกหรือเปรียญธรรม ๓ ประโยค เป็นต้น ถึงจะขอให้มีบัตรไทยได้ ถ้าเป็นเช่นนี้เราก็จะมีพระภิกษุสามเณรบวชอยู่ในพระพุทธศาสนาอย่างอุ่นหนาฝาคั่งทีเดียว และการศึกษาของคณะสงฆ์ของเรา ก็จะก้าวหน้ามากขึ้นกว่านี้ เพราะว่าจะมีบุคลากรที่เข้ามาศึกษาเพิ่มเติมอีกมาก เมื่อพระภิกษุสามเณรนำร่องไปแล้ว การที่จะดำเนินการเพื่อเด็ก ๆ ที่เรียนอยู่ในระดับมัธยมปลาย ให้ได้เข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี ก็จะได้ใช้กฎเกณฑ์กติกาที่ใกล้เคียงกัน ทำให้เด็กทั้งหลายเหล่านี้มีโอกาสได้รับการศึกษา จะได้ช่วยเป็นกำลังในการพัฒนาประเทศชาติของเราด้วย หลังจากที่จบการบรรยายและการประชุมในช่วงเช้าแล้ว กระผม/อาตมภาพฉันเพลเสร็จก็ขออนุญาตลาการประชุม เดินทางไปยังวัดอุทยาน ตำบลบางขุนกอง อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี เพื่อร่วมในงานหล่อพระพุทธรูปหลวงพ่ออู่ทองและรูปหล่ออดีตเจ้าอาวาส คือท่านพระครูนนทมงคลวิศิษฐ์, ดร. หรือว่าหลวงพ่อศรี โอภาโส อดีตเจ้าคณะตำบลบางขุนกอง อดีตเจ้าอาวาสวัดอุทยาน ในงานนี้พระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี (ธงชัย ธมฺมธโช) กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะใหญ่หนกลาง มาเป็นองค์ประธานในการหล่อพระและรูปเหมือนหลวงพ่อศรี กระผม/อาตมภาพได้รับนิมนต์ให้มานั่งปรกคุมธาตุ ๑ ใน ๘ ทิศ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-08-2022 เมื่อ 00:11 |
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
ในงานนี้มีบางสิ่งบางอย่างที่เห็นแล้ว รู้สึกว่าเป็นส่วนที่เกินมาโดยใช่เหตุ โดยเฉพาะในส่วนของไทยธรรมต่าง ๆ ซึ่งกระผม/อาตมภาพได้ทักท้วงไปตั้งแต่งานฉลองเจ้าอาวาสพระอารามหลวงของพระครูวาทีวรวัฒน์, ดร. (กล้า วีรรตโน) เจ้าอาวาสวัดมหาธาตุวรวิหาร จังหวัดเพชรบุรี ที่ขอให้กระผม/อาตมภาพเป็นเจ้าภาพในการทำย่ามที่ระลึกในงาน กระผม/อาตมภาพต้องเป็นเจ้าภาพไปเป็นเงิน ๑๕๐,๐๐๐ บาท โดยที่ไม่ได้เห็นประโยชน์อะไรเลย..!
เนื่องเพราะว่าถ้าหากว่าไปเปรียบกับย่ามเจ้าคุณ หรือว่าย่ามรองสมเด็จ ย่ามสมเด็จพระราชาคณะ ผู้ที่รับไปก็ย่อมต้องใช้ย่ามของบุคคลที่มีสมณศักดิ์สูงกว่า การทำย่ามพระครูจึงกลายเป็นการทำไปแล้วสิ้นเปลืองไปโดยใช่เหตุ สามารถนำเงินจำนวนนี้ไปใช้ประโยชน์ได้มากกว่า อย่างเช่นว่า ถ้าจะทำก็ให้ทำเป็นผ้ารับประเคน ซึ่งจะมีโอกาสได้ใช้ประโยชน์มากกว่าหลายเท่า โดยเฉพาะถ้าหากว่าทำได้สวยเท่ากับย่าม เป็นต้น นอกจากนี้ในส่วนของการที่ทำขวดบรรจุแอลกอฮอล์ล้างมือเป็นแก้วเจียรนัย ก็ต้องถือว่าเป็นการสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ เนื่องเพราะว่าขวดบรรจุแอลกอฮอล์นั้นเมื่อใช้แล้วก็ทิ้ง แล้วถ้าหากว่าตั้งใจจะให้ผู้ใช้ได้ใช้ตลอดไป โดยการเติมอยู่เรื่อย ๆ ถ้าตกแตกก็เป็นที่น่าเสียดายมาก เพราะว่าเป็นขวดแก้วเจียรนัยที่ราคาแพงมาก..! ในเรื่องของไทยธรรมบางส่วน ถ้าหลายท่านไปเห็นของวัดท่าขนุนแล้วก็อาจจะงงว่า ทำไมมีแต่ผ้าไตรกับซองปัจจัยที่ถวายพระเท่านั้น ? เนื่องเพราะว่าถ้าเราไม่ทำพัดคือตาลปัตร ไม่ทำย่าม ไม่ทำไทยธรรมอื่น ๆ เราก็จะมีปัจจัยเหลือเป็นแก้วสารพัดนึก ใส่ซองถวายแก่พระเถรานุเถระที่มาในจำนวนที่มากขึ้น สะดวกต่อท่านทั้งหลายที่จะนำไปใช้อีกด้วย เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ บางทีก็เป็นเรื่องที่เราต้องพินิจพิจารณาเอาเอง ว่าส่วนไหนเป็นรายจ่ายที่ไม่ควรจะมี เมื่อมีก็เกินมาเสียเปล่า ในขณะเดียวกัน รายจ่ายส่วนไหนที่ควรจะมี เมื่อมีแล้วก็ได้รับการใช้งานอย่างชัดเจน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-08-2022 เมื่อ 00:14 |
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ก็ขึ้นอยู่กับตัวเราด้วย เพราะว่าบางท่านก็อาจจะเห็นว่าเรื่องทั้งหลายเหล่านั้นเป็นสิ่งจำเป็น แต่ในสายตาของกระผม/อาตมภาพก็คือ เป็นส่วนเกินเสียเปล่า อาจจะเป็นเพราะว่าเรามองเห็นความสำคัญไม่เท่ากัน ก็อาจจะทำให้ท่านทั้งหลายเหล่านั้นมีรายจ่ายที่มากขึ้นโดยใช่เหตุ ทั้ง ๆ ที่สามารถตัดรายจ่ายส่วนนั้นมา แล้วนำไปใช้ในส่วนอื่นที่สำคัญกว่าก็ได้ แต่ก็อย่างที่ว่า..เป็นเรื่องของใครของมันในการลำดับความสำคัญของงานที่ไม่เท่ากัน
กระผม/อาตมภาพไม่ชอบอะไรที่รกรุงรัง ถวายผ้าไตรไป ๑ ชุด ถ้าพระท่านไม่ได้ใช้งาน ก็ยังให้พระภิกษุสามเณรในวัดได้ใช้ ถ้าหากว่าพระภิกษุสามเณรในวัดไม่ได้ใช้ ก็ยังนำไปถวายต่อวัดอื่น ๆ ได้ ส่วนในเรื่องของปัจจัย ท่านคิดจะต้องการอะไร ก็สามารถที่จะให้ไวยาวัจกรไปจัดการหามา เพราะว่ามีแก้วสารพัดนึกอยู่ในมืออยู่แล้ว ในงานของวัดท่าขนุน บางทีก็มีญาติโยมประเภทที่ "อยากจะได้บุญ" แต่ไม่ได้ดูว่าทำให้คนอื่นเกะกะเสียเปล่า ๆ อย่างเช่นว่าขนไทยธรรมมา แต่ก็เอามาไม่พอ มาแค่ ๙ ชุด แต่ว่าพระในงานมีอยู่ ๔๐ - ๕๐ รูป เมื่อถวายไปก็ลักลั่นกัน ขณะเดียวกัน บางท่านก็นำไทยธรรมในส่วนเกินมา เป็นของที่จำเป็นต้องใช้ต้องฉันในวันนั้นเลย ทำให้ไม่สามารถที่จะเก็บกลับไปวัดของตนเองได้ จึงทำให้กลายเป็นส่วนเกินประดักประเดิดขึ้นมา ทางผู้รับก็ไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไร เพราะว่าต้องฉันเพลที่วัดท่าขนุนอยู่แล้ว ส่วนทางผู้ให้คิดอยู่อย่างเดียวว่า "เราจะถวาย" แล้วก็ถวายมาโดยที่ไม่ได้คิดว่าผู้รับจะจัดการอย่างไรเหมือนกัน จึงทำให้บางท่านถวายไทยธรรมมา ๓ ชุด ๕ ชุดต่อพระรูปหนึ่ง บางทีก็บรรจุมาอย่างดี มีการจัดเป็นชุด ๆ มา แต่ไม่ได้ดูว่าพระเถระในวัดนั้น บางทีก็อาศัยรถคนอื่นเขามา ไม่สามารถที่จะขนไทยธรรมทั้งหลายเหล่านั้นกลับไปวัดของตนเองได้ จึงทำให้กลายเป็นส่วนเกิน จะไม่รับ..ญาติโยมก็เสียน้ำใจ รับมาแล้วก็ไม่รู้จะจัดการอย่างไรให้ลงตัว เพราะไม่คิดว่าอยู่ ๆ จะมีผู้มีจิตศรัทธาขนเอาข้าวของมาเพิ่มเติมให้จนมากมายขนาดนี้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-08-2022 เมื่อ 00:17 |
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#6
|
||||
|
||||
เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ต่อให้เป็นเรื่องของกองบุญการกุศล ก็เป็นเรื่องที่ท่านจำเป็นต้องใช้ปัญญาในการทำบุญ จะขอยกตัวอย่างก็คือว่า มีญาติโยมตั้งใจที่จะถวายเพลพระ แต่ไม่ทราบว่าพระวัดป่านั้นฉันเพลด้วยการฉันในบาตร ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ท่านทั้งหลายตั้งใจทำอาหารไป เป็นแกง เป็นต้ม เป็นยำทั้งหมด ก็ทำให้พระท่านลำบาก ไม่สามารถที่จะฉันในบาตรได้
โดยเฉพาะพระสายอีสานมักจะฉันข้าวเหนียว ในเมื่อเจอกับข้าวกลายเป็นต้ม เป็นแกง เป็นน้ำไปเสียหมด ตักใส่บาตรก็เหลวโจ๋งเจ๋งไปเลย ไม่สามารถที่จะฉันได้ถนัด ทำให้ท่านที่ทำบุญโดยไม่ได้พินิจพิจารณา จนกลายเป็นสร้างความลำบากให้แก่พระเสียเปล่า เป็นต้น ดังนั้น...ต่อให้เป็นเรื่องของการบุญการกุศล ท่านทั้งหลายก็ควรที่จะศึกษาหาความรู้ และใช้ปัญญาในการทำบุญ ทำแล้วให้พระท่านได้ใช้ประโยชน์จริง ๆ ไม่ใช่ทำไปแล้วก็กลายเป็นของที่เกะกะเต็มกุฏิเสียเปล่า จนกระทั่งบางท่าน อยู่ไปนาน ๆ ไม่รู้จักผ่องถ่ายไปให้คนอื่น บางทีข้าวของก็เต็มกุฏิจนแทบจะไม่มีที่นอนเอง..! ท้ายนี้จึงขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมทั้งหลายได้นำไปพินิจพิจารณาว่า ในเรื่องของการสร้างกองบุญการกุศลนั้น ต่อไปเราควรที่จะทำอะไรให้เหมาะสมแก่กาลเทศะบ้าง พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๒๕ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-08-2022 เมื่อ 00:19 |
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|