#1
|
||||
|
||||
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๕
__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด (-/\-) (-/\-) (-/\-) |
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๓๐ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๕ กระผม/อาตมภาพได้เดินทางไปยังวัดถ้ำแก้ว ตำบลโพไร่หวาน อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี เพื่อร่วมเป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรมศพนายจิตต์ ขำทวี ซึ่งเป็นโยมพ่อของพระครูปภากรวชิรกิจ หรือว่าหลวงพ่ออำนวย ปภากโร เจ้าคณะตำบลโพไร่หวาน เจ้าอาวาสวัดถ้ำแก้ว ซึ่งเป็นเพื่อนพระอุปัชฌาย์รุ่นเดียวกัน
คำว่า เพื่อนพระอุปัชฌาย์รุ่นเดียวกัน ในที่นี้ เกิดจากการที่รุ่นของกระผม/อาตมภาพนั้น เมื่ออบรมพระอุปัชฌาย์กันแล้ว ในส่วนของผู้ที่มาจากคณะสงฆ์หนกลาง ก็ได้รวมตัวกันปฏิบัติธรรมอยู่ที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมธรรมโมลี ตำบลหนองน้ำแดง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา และได้ปรึกษาหารือกันว่า ในเมื่อพวกเราเป็นพระอุปัชฌาย์ ซึ่งถือว่าเป็นเจ้าคณะปกครองที่มีความสำคัญที่สุด เพราะว่าเป็นผู้ที่ให้การบวชกุลบุตร ก็ควรที่จะจับกลุ่มกันก่อตั้งเป็นองค์กรขึ้นมา เมื่อถึงเวลามีอะไรก็จะได้ช่วยเหลือกัน ในขณะเดียวกันจะได้ทำกิจกรรมอื่น ๆ ร่วมกัน ในนามขององค์กรพระอุปัชฌาย์รุ่นนี้ จึงได้จัดตั้งองค์กรพระอุปัชฌาย์รุ่นที่ ๕๑ ในเขตปกครองคณะสงฆ์หนกลางขึ้นมา ในรุ่นนี้มีบรรดาเจ้าคุณระดับรองเจ้าคณะภาคบ้าง เจ้าคุณเจ้าอาวาสพระอารามหลวงบ้าง ๗ - ๘ รูปด้วยกัน ในที่ประชุมได้มีการเสนอชื่อบุคคลที่จะมาทำหน้าที่ประธานรุ่น และรองประธานรุ่นอีก ๒ รูป มีผู้เสนอชื่อของท่านเจ้าคุณชำนาญ วัดชินวราราม หรือถ้าหากว่าในนามที่คนทั่วไปรู้จักคือ หลวงพ่อชำนาญ วัดบางกุฎีทอง ซึ่งท่านได้เลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระมงคลวโรปการ แล้วให้ไปครองวัดชินวราราม (พระอารามหลวง) มีผู้ยกมือสนับสนุนประมาณห้าหกสิบรูป อีกฝ่ายหนึ่งเสนอชื่อพระครูโสภิตปัญญากร (เชาวลิตร ชิตงฺกุโร) เจ้าอาวาสวัดป่าประดู่ (พระอารามหลวง) รองเจ้าคณะอำเภอเมืองระยอง ซึ่งก็มีผู้ยกมือสนับสนุนสี่ห้าสิบรูป แล้วก็มีผู้กล้าหาญเสนอชื่อ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เจ้าคณะตำบลท่าขนุน เขต ๒ เข้าไปชิงตำแหน่งด้วย ซึ่งมีผู้เสนอเพียงรูปเดียวและไม่มีใครยกมือสนับสนุนเลย..! ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ทางที่ประชุมพระอุปัชฌาย์ทุกรูปได้ลงความเห็นว่า ให้ทั้ง ๓ รูปไปตกลงกันเองว่า ให้รูปใดรูปหนึ่งทำหน้าที่ประธาน อีก ๒ รูปให้ทำหน้ารองประธานรูปที่ ๑ และรองประธานรูปที่ ๒ กันเอาเอง เมื่อเข้าไปปรึกษาหารือกันภายในห้องซึ่งจัดเอาไว้ต่างหากสำหรับทั้ง ๓ รูป ก็คือท่านเจ้าคุณชำนาญ หลวงพ่อเชาวลิตร วัดป่าประดู่ และตัวกระผม/อาตมภาพเอง หลวงพ่อเชาวลิตรกล่าวว่า "กระผมจะสละสิทธิ์ของตนเอง ยกตำแหน่งให้กับหลวงพ่อพระครูสุธีปริยัตยาภรณ์ (สมพงค์ อุทโย ป.ธ.๗) เจ้าอาวาสวัดชุมพลนิกายาราม พระอารามหลวง เจ้าคณะอำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ให้ท่านรับตำแหน่งแทน" ปรากฏว่าหลวงพ่อชำนาญจับมือหลวงพ่อวัดป่าประดู่แล้วกล่าวว่า "ถ้าหากว่าไม่ใช่หลวงพ่อเล็กเป็นประธานรุ่น ผมไม่ยอมรับ..!"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-07-2022 เมื่อ 01:24 |
สมาชิก 27 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
ในเมื่อเป็นเช่นนั้น หลวงพ่อวัดป่าประดู่จึงจำเป็นต้องโอนอ่อนผ่อนตาม ยกตำแหน่งประธานรุ่นให้กับกระผม/อาตมภาพแบบงง ๆ ด้วยกันทั้งคู่..! แล้วหลวงพ่อชำนาญกับหลวงพ่อวัดป่าประดู่ ก็รับหน้าที่รองประธานรูปที่ ๑ และรูปที่ ๒ ตามลำดับ
เมื่อกระผม/อาตมภาพออกมาแจ้งต่อที่ประชุมข้างนอก ทุกคนก็มึนกันไปหมด ยกเว้นพระปลัดธวัช สุทฺธจิตฺโต เจ้าคณะตำบลห้วยกระเจา เจ้าอาวาสวัดสวนมะม่วง ซึ่งบังอาจเสนอชื่อกระผม/อาตมภาพไปโดยที่ไม่มีใครสนับสนุนเลย ท่านมากระซิบบอกว่า "ผมยอมรับหลวงพ่อเล็กแล้ว เพราะว่าผมตั้งใจอธิษฐานต่อพระประธานว่า ถ้าหากหลวงพ่อเล็กมีบารมีมากจริง ๆ ท่านต้องได้เป็นประธานพระอุปัชฌาย์รุ่นนี้" กระผม/อาตมภาพแทบจะถวายบาทาเป็นรางวัลให้กับท่านไป..! เพราะว่าอยู่ ๆ ก็มอบหมายหน้าที่การงานที่หนักหนาสาหัสให้อีกงานหนึ่ง แต่ในเมื่อรับหน้าที่มาแล้วก็ต้องทำให้ดีที่สุด จึงได้ทำการบริหารองค์กรพระอุปัชฌาย์มาจนกระทั่งหมดวาระแล้วมีการเลือกตั้งกันใหม่ คราวนี้ได้รับการรับรองจากที่ประชุมอย่างเป็นเอกฉันท์ ให้กระผม/อาตมภาพดำรงตำแหน่งประธานรุ่นเป็นวาระที่ ๒ เป็นระยะเวลา ๕ ปี แต่กระผม/อาตมภาพเองกล่าวว่า "การดำรงตำแหน่งวาระ ๕ ปีนั้นนานเกินไป เราควรที่จะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันบริหารองค์กรของเรา เพื่อจะได้เห็นฝืมือของพรรคพวกเพื่อนฝูงบ้าง กระผม/อาตมภาพเอง ก็ยินดีที่จะสนับสนุนเพื่อนฝูงท่านที่ทำหน้าที่ตรงนี้อย่างเต็มที่เหมือนเดิม" จึงได้พร้อมใจกันตกลงว่า พวกเราจะรับตำแหน่งกันวาระละ ๓ ปี แต่ว่ากระผม/อาตมภาพรับตำแหน่งมา ๒ วาระ รวม ๖ ปีแล้ว ยังไม่สามารถที่จะสรรหาประธานองค์กรพระอุปัชฌาย์รุ่นที่ ๕๑ ในเขตปกครองคณะสงฆ์หนกลางรูปต่อไปได้ เนื่องจากว่าช่วงที่ผ่านมา มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ทำให้ไม่สะดวกต่อการประชุมพร้อมหน้าพร้อมตากัน นอกจากกิจการงานบางอย่าง อย่างเช่นว่าไปร่วมงานศพ หรือว่าไปทำกิจกรรมสาธารณะ ซึ่งไปกันครั้งละประมาณ ๑๐ กว่ารูปเท่านั้น ไม่ได้มากมายถึงขนาดรวมหมดทั้งรุ่น ๘๒ รูป
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-07-2022 เมื่อ 01:28 |
สมาชิก 26 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
ดังนั้น..จึงได้เลื่อนการเลือกประธานองค์กรพระอุปัชฌาย์วาระที่ ๓ ออกไปเป็นปลายเดือนนี้ แปลว่ากระผม/อาตมภาพขณะนี้ นั่งเก้าอี้รักษาการอยู่ ตั้งแต่วันที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๖๕ ไปจนกว่าจะมีการเลือกตั้งใหม่ ถึงจะได้รู้ว่าผู้ใดจะมาเป็นประธานองค์กรพระอุปัชฌาย์รุ่นนี้แทน
คราวนี้ในนามขององค์กระพระอุปัชฌาย์รุ่นที่ ๕๑ ในเขตปกครองคณะสงฆ์หนกลางนั้น กล่าวได้ว่าเป็นองค์กรที่น่าภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง สมัยที่พระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ อุปสมมหาเถร (สมศักดิ์ อุปสโม ป.ธ. ๙, Ph.D.) เจ้าคณะใหญ่หนกลาง วัดพิชยญาติการาม ยังดำรงชีวิตอยู่ ท่านได้ให้คำชมเชยเป็นอย่างสูง เมื่อเห็นเราไปช่วยเหลือพระอุปัชฌาย์รุ่นน้อง ๆ ไม่ว่าจะเป็นงานอบรม งานปฏิบัติธรรม หรือว่างานสาธารณประโยชน์ ถึงขนาดออกปากในที่ประชุมว่า "พระอุปัชฌาย์รุ่นอื่น ๆ ควรที่จะทำแบบนี้" ซึ่งก็มีผู้สนองเจตนารมณ์ แต่..ไปไม่รอด ตั้งองค์กรรุ่นของตนขึ้นมา แล้วก็หายไปเป็นคลื่นกระทบฝั่ง พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระพรหมโมลี (สุชาติ ธมฺมรตโน ป.ธ. ๙) กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะภาค ๕ ประธานในการฝึกอบรมพระอุปัชฌาย์ของมหาคณิสสร ท่านได้กล่าวชมเชยทุกครั้ง เพราะว่าพวกเราไปแสดงตนสนับสนุนงานอบรมพระอุปัชฌาย์รุ่นน้อง ๆ เป็นประจำ ถ้าหากว่าพระอุปัชฌาย์อาจารย์ร่วมรุ่นมรณภาพ พวกเราก็จะไปช่วยงานศพ ซึ่งจะมีการกำหนดอัตราแน่นอนว่าจะต้องทำพวงหรีดในราคาเท่าไร ? จะต้องช่วยเหลืองานในจำนวนเท่าใด ? ถ้าหากว่าเป็นพ่อแม่ของพระอุปัชฌาย์ร่วมรุ่นเสียชีวิตลง ก็จะไปทำในลักษณะเดียวกัน ดังนั้น...วันนี้ที่ไปร่วมงานของนายจิตต์ ขำทวี ซึ่งเป็นโยมพ่อของพระครูปภากรวชิรกิจ เจ้าอาวาสวัดถ้ำแก้ว เจ้าคณะตำบลโพไร่หวาน ก็ได้ทำหน้าที่ตามที่ตกลงกันแบบนี้ ซึ่งทุกคนบอกว่าซาบซึ้งมาก เพราะว่าท่านประธานเดินทางมา ๔ ชั่วโมงกว่าที่จะมาถึงหน้างาน..! ขณะเดียวกันท่านอื่น ๆ ซึ่งว่างเว้นจากภารกิจ หลายต่อหลายท่านก็เดินทางมาร่วมงาน อย่างเช่นพระเดชพระคุณพระภาวนาวิหารกิจ วิ. (ทองย้อย สญฺญโม) หรือหลวงพ่อทองย้อย เจ้าอาวาสวัดเขาวัง (พระอารามหลวง) ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดราชบุรี หลวงพ่อเจ้าคุณท่านเองมีนัดกับหมอเพื่อตรวจสุขภาพในวันนี้ พอได้รับข่าวว่าพวกเราจะมางานนี้ก็ขอเลื่อนนัดหมอ พาลูกศิษย์ก็คือพระมหาพงศ์ศิริ ปญฺญาวชิโร ป.ธ. ๙ เลขานุการคู่บุญของท่านมาด้วย ซึ่งทุกคนก็ไม่ได้นึกว่าเป็นคนอื่นไกล เพราะว่าพระมหาพงศ์ศิรินั้น ท่านร่วมงานกับองค์กรพระอุปัชฌาย์มาตั้งแต่แรกเริ่ม ท่านเป็นผู้ที่สอบบาลีได้เปรียญธรรม ๙ ประโยคมา แบบที่ครูบาอาจารย์ทุกท่านทึ่งเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่าได้คะแนนเต็มร้อย ไม่โดนเก็บเลยแม้แต่ที่เดียว..! ได้รับคำชมเชยจากที่ประชุมตรวจข้อสอบและสถานที่ซึ่งประกาศผลสอบเปรียญธรรม ๙ ประโยคในปีนั้นเป็นอย่างสูง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-07-2022 เมื่อ 01:34 |
สมาชิก 26 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
หลวงพ่อพระสมุห์เจิม ฉนฺทโก เดินทางมาไกลจากวัดสิงห์ จังหวัดนนทบุรี ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดสิงห์ เจ้าคณะตำบลบางคูเวียง
หลวงพ่อพระครูศรีธรรมรัตน์ (ชำนาญ รตนธมฺโม ป.ธ.๖) เดินทางมากจากวัดไร่ดอน จังหวัดเพชรบุรี แม้ว่าจะไม่ไกลจากวัดของท่าน แต่ก็เป็นน้ำใจของท่านที่มีต่อพระอุปัชฌาย์รุ่น ไม่ว่าจะไปใกล้ไกลแค่ไหน หลวงพ่อพระครูไม่เคยขาด และสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือขนมหวานมีชื่อของจังหวัดเพชรบุรี ที่ท่านนำไปฝากเพื่อนร่วมรุ่นอยู่เสมอ ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดไร่ดอน เจ้าคณะตำบลไร่ส้ม อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี อีกท่านหนึ่งคือพระครูวาทีวรวัฒน์, ดร. (กล้า วีรรตโน) หรือว่าพระครูกล้า เจ้าอาวาสวัดมหาธาตุวรมหาวิหาร รองเจ้าคณะอำเภอเมืองเพชรบุรี ท่านเป็นเลขานุการรุ่น ส่วนท่านพระครูปภากรวชิรกิจ หรือหลวงพ่ออำนวยนั้น ท่านเป็นผู้ช่วยเลขานุการรุ่น เมื่อเดินทางมาร่วมงาน ก็ทำให้ทุกคนปลาบปลื้มใจเป็นอย่างยิ่ง ที่พวกเรายังรักใคร่กันดี ท่านที่ว่างเว้นภารกิจ ทราบข่าวก็รีบมาตั้งแต่วันแรก ส่วนท่านที่ยังไม่ว่างเว้นภารกิจ ก็ยังมีวันต่อ ๆ ไปที่จะมาร่วมงานกัน ตรงนี้ต้องขอบอกว่า ในเรื่องของการจัดตั้งองค์กรก็ดี ในเรื่องของการบริหารหน่วยงานก็ดี จนถึงเรื่องของการบริหารประเทศชาติก็ดี แม้ว่าจะมีระเบียบปฏิบัติที่เข้มงวดขนาดไหนก็ตาม ถ้าไม่มีหลักธรรมเข้ามาประกอบ ก็ไม่สามารถที่จะพาองค์กรให้อยู่รอดได้ ดังนั้น...เราจะเห็นว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา ไม่เคยที่จะสรรเสริญว่าระบอบการปกครองแบบไหนดี แต่พระองค์ท่านจะทรงประทานหลักธรรมเอาไว้ประกอบเสมอ อย่างเช่นว่า ถ้าเป็นระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มีพระราชาเป็นประมุข พระองค์ท่านก็มอบหลักทศพิธราชธรรมให้ไปประกอบ ถ้าหากว่าปกครองแบบพระเจ้าจักรพรรดิ พระองค์ท่านก็มอบจักรวรรดิวัตรไปให้ประกอบการปกครอง ถ้าหากว่าปกครองแบบสามัคคีธรรม ซึ่งคล้ายคลึงกับระบอบประชาธิปไตยในปัจจุบัน พระองค์ท่านก็มอบหลักอปริหานิยธรรมทั้ง ๗ ให้ไปประกอบในการปกครอง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 01-07-2022 เมื่อ 22:05 |
สมาชิก 24 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#6
|
||||
|
||||
ดังนั้น..เราจะเห็นว่าอัตตาธิปไตย การถือตนเป็นใหญ่นั้นไม่ใช่เรื่องที่ไม่ดี ถ้าเราสังเกตแค่ในประเทศไทยของเรา เอาแค่ยุครัชกาลที่ ๕ นั่นเป็นสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เป็นอัตตาธิปไตย ซึ่งปัจจุบันนี้มีคนบางจำพวกบอกว่าเป็นเผด็จการ ซึ่งถ้าหากว่าเราพิจารณาดูแล้ว ในยุคนั้นสมัยนั้น ประเทศไทยของเราเจริญที่สุดในอเชีย เจริญกว่าประเทศญี่ปุ่น ถึงขนาดที่ประเทศญี่ปุ่นต้องส่งช่างมาศึกษาวิชาการในบ้านในเมืองของเราทีเดียว..!
พอมาปัจจุบันเป็นระบอบประชาธิปไตย เราก็จะเห็นว่าเป็นประชาธิปไตยที่ชาวบ้านทั้งหลายแทบจะสาปส่ง เพราะว่าสิ่งที่เป็นความต้องการอย่างแท้จริงของประชาชนไม่ได้รับการตอบสนอง ดังนั้น..ไม่ว่าจะอัตตาธิปไตย ถือตนเป็นใหญ่ก็ดี โลกาธิปไตย ถือเสียงข้างมากเป็นใหญ่ก็ตาม ก็สู้ธรรมาธิปไตย การถือธรรมเป็นใหญ่ไม่ได้ โดยเฉพาะว่า ถ้าไม่มีหลักธรรมประกอบแล้ว ระบอบต่าง ๆ ไม่มีทางที่จะเป็นไปด้วยดีเลย เพราะว่าบุคคลย่อมมี รัก โลภ โกรธ หลง เป็นปกติ ถ้าหากว่าไม่สามารถควบคุม รัก โลภ โกรธ หลง ให้อยู่ในกรอบได้ ต่อให้ระบอบดีแค่ไหน ก็พาให้พังทลายลงไปในเวลาอันไม่นาน..! สำหรับวันนี้ ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมทั้งหลายแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๓๐ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๕ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-07-2022 เมื่อ 01:42 |
สมาชิก 28 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|