#1
|
||||
|
||||
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๖๖
__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด (-/\-) (-/\-) (-/\-) |
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๑๘ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ ช่วงเช้า กระผม/อาตมภาพต้องเดินทางไปยังวัดมหาจุฬาลงกรณราชูทิศ ถนนพหลโยธิน หมู่ที่ ๑ ตำบลลำไทร อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ หนกลาง และคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ หนกลาง ครั้งที่ ๒/๒๕๖๖ โดยมี
พระเดชพระคุณพระเทพปวรเมธี, รศ, ดร. (ประสิทธิ์ พฺรหฺมรํสี ป.ธ.๙) ประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ระดับหน (กลาง) และพระเดชพระคุณพระเทพปริยัติโสภณ, ดร. (ปัญญา วิสุทฺธิปญฺโญ ป.ธ.๙) รองประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ระดับหน (กลาง) เป็นประธานในที่ประชุม เนื้อหาการประชุมนั้น ก็ครอบคลุมทั้งการตรวจประเมินหมู่บ้านศีล ๕ ต้นแบบตั้งแต่ครั้งแรก ๆ จนกระทั่งถึงสองครั้งที่ผ่านมา โดยที่มีข้อกำหนดบางอย่างที่ถือเป็น "ข้อสัญญัติ" เป็นที่รู้กันว่า คณะกรรมการตรวจประเมินนั้น จะต้องไม่ไปกล่าวถึงข้อบกพร่องของหมู่บ้านหรือว่าวัดที่จัดการตรวจประเมิน จะต้องไม่ไปคาดคั้นเอาความเป็นจริงในลักษณะสอบสวน ซักไซ้ไล่เรียง ขณะเดียวกันก็ให้พูดให้กำลังใจในด้านดีโดยส่วนเดียว ซึ่งฟังดูแล้วก็ดีมาก แต่ว่าถ้าเราไม่ชี้ข้อบกพร่อง แล้วเมื่อไรเขาจะมองเห็นหรือแก้ไขได้ ขณะเดียวกันถ้าหากว่าเราไม่กล่าวถึงข้อบกพร่องเลย โดยที่เขาก็ตั้งใจที่จะแหกตาคณะกรรมการอยู่แล้ว ก็จะกลายเป็นว่าการตรวจประเมินนั้นไม่มีคุณภาพ..! ดังนั้น..ในเรื่องของการมองต่างมุมในลักษณะอย่างนี้ ถ้าเป็นผู้อื่นก็อาจจะเกิดการถกเถียงกัน แต่กระผม/อาตมภาพได้รับการฝึกมาแบบทหาร ซึ่งมีข้อกำหนดว่า "เสียงของผู้บังคับบัญชาคือเสียงสวรรค์ ทหารต้องปฏิบัติตามโดยไม่มีข้อแม้" จึงสามารถที่จะรับเรื่องเหล่านี้เอาไว้ได้ แบบเดียวกับที่ถึงเวลาแล้ว มีผู้ที่อ่อนอาวุโสกว่าขึ้นมาเป็นผู้บังคับบัญชา ท่านอื่นไม่สามารถที่จะทำใจรับได้ แต่พระครูวิลาศกาญจนธรรม นำเอาปัจจัยไทยธรรมไปมุทิตาสักการะเป็นรูปแรก ก็อยู่ในลักษณะอย่างนี้ ก็คือผู้บังคับบัญชาจะส่งใครมา ก็แล้วแต่ท่านจะเห็นสมควร
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-08-2023 เมื่อ 02:36 |
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
ความจริงจะว่าไปแล้ว การอบรมแบบทหารนี้ก็มีข้อดีอยู่เป็นจำนวนมาก เพียงแต่ว่าเมื่อโดนอบรมมาแล้ว เราเองจะรู้สึกว่าค้านกับมโนธรรมประจำตัวหรือเปล่า ? ถ้าหากว่าค้านกับมโนธรรมประจำตัว ก็มีหลายท่านที่ลาออกจากราชการ ไปทำมาหากินในด้านอื่นแทน เรื่องทั้งหลายเหล่านี้จึงเป็นการมองต่างมุม แล้วขณะเดียวกัน ในเรื่องของการตรวจประเมินโครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ถ้าหากว่าเราไม่ชี้แจงข้อบกพร่อง มาตรฐานก็อาจจะต่ำไปสักนิดหนึ่ง
เมื่อถึงเวลาช่วงบ่าย กระผม/อาตมภาพก็ได้ไปยังวัดขนอนใต้ หมู่ที่ ๑๑ ตำบลบ้านกรด อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อทำการตรวจประเมิน กระผม/อาตมภาพใช้วิธีการวิ่งไปถึงก่อน แล้วก็เข้าไปดูนิทรรศการและสอบถามบรรดาเจ้าหน้าที่ต่าง ๆ ปรากฏว่าเจอคนคุ้นเคย คือนายบุญเชิด กิตติธรางกูร อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครปฐม ซึ่งเคยร่วมงานกันมาเป็นเวลาหลายปี ท่านได้โยกย้ายมาเป็นผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จึงได้สอบถามข้อมูลต่าง ๆ และโดยเฉพาะไปเจอของดี ก็คือชาวบ้านกำลังทำดอกไม้ด้วยก้านโสน ซึ่งท่านทั้งหลายที่เป็นเด็กบ้านนอกคอกนาอยู่ตามทุ่งนา ก็มักจะรู้จักต้นโสนเป็นอย่างดี โดยเฉพาะด้วงโสนนั้น ถึงเวลาผัดน้ำมันแล้วอร่อยอย่าบอกใคร หรือว่าดอกโสนจิ้มน้ำพริกกะปิ กินเข้าไปแล้วยังฝันถึงอีกว่ามื้อต่อไปจะมีให้กินหรือไม่ ? เป็นต้น แต่ว่าชาวบ้านที่นี่ ก็คือบ้านโคกวัด เหตุที่ได้ชื่อว่าบ้านโคกวัดเพราะว่าจุดนี้เป็นที่สูง ซึ่งชาวบ้านได้อยู่อาศัยให้พ้นจากน้ำท่วมในหน้าน้ำหลาก แล้วก็เป็นหมู่บ้านที่มีวัดอยู่ถึงสองวัดด้วยกัน ก็คือวัดขนอนเหนือและวัดขนอนใต้ ต้องบอกว่ากำแพงวัดแทบจะชนกัน จึงไม่ต้องสงสัยว่าทำไมบ้านนี้จึงเรียกว่าบ้านโคกวัด สมัยก่อนนั้นหลวงพ่อพรหม วัดขนอนเหนือ ก็มีชื่อเสียงระบือลือเลื่อง เป็นครูบาอาจารย์ในดวงใจท่านหนึ่งของกระผม/อาตมภาพอีกด้วย สิ่งที่เจอนั้นก็คือ ชาวบ้านนำเอาต้นโสน ตัดเอาลำต้นที่โตประมาณนิ้วชี้มา แล้วหั่นเป็นท่อนยาวประมาณ ๓ นิ้ว ลอกเปลือกออก แล้วใช้มีดฝานเป็นแผ่นบาง ๆ ยาว ๆ เหมือนอย่างกับแผ่นกระดาษ ต้องบอกว่าชาวบ้านมีความสามารถเป็นอย่างยิ่ง ที่สามารถทำแผ่นกระดาษลักษณะนี้จากลำต้นโสน แล้วเอามาพับจนกลายเป็นดอกไม้กระดาษ อยู่ในลักษณะที่สวยงามเป็นอย่างยิ่ง เมื่อถามราคาดูแล้ว ดอกไม้ที่จัดเป็นแจกันนั้น ถ้าเรานำเอาแจกันไปเอง ก็แล้วแต่ว่าจะเป็นแจกันใหญ่หรือเล็ก ราคาก็จะอยู่ที่ ๓๐๐ - ๕๐๐ บาทเท่านั้น แต่ถ้าหากว่าไม่มีแจกันไป เขาก็จะคิดราคาแจกันด้วย เมื่อเห็นตรงนี้ กระผม/อาตมภาพถึงขนาดต้องขอ "แอดไลน์" ทางชาวบ้านเอาไว้ เผื่อว่าจะได้สั่งไปใช้งานทางวัดท่าขนุนบ้าง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-08-2023 เมื่อ 02:39 |
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
อีกส่วนหนึ่งก็คือมาเจอคณะสวดมนต์หมู่ทำนองสรภัญญะของเด็กที่นี่ ปรากฏว่าเป็นคู่แข่งตัวฉกาจของเด็กโรงเรียนอนุบาลทองผาภูมิของกระผม/อาตมภาพเอง เหตุที่จดจำได้ ก็เพราะว่าเพิ่งจะแข่งขันกันไปสด ๆ ร้อน ๆ ที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย แม้ว่าทีมของโรงเรียนอนุบาลทองผาภูมิจะได้รางวัลชนะเลิศ รับถ้วยพระราชทานของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และทีมสวดมนต์หมู่สรภัญญะของที่นี่ได้รับรางวัลชมเชยก็ตาม เราต้องเข้าใจว่า รางวัลชมเชยในระดับประเทศนั้น ก็คือได้รางวัลที่ ๑ ในระดับภาคมาก่อนแล้ว..!
เมื่อเห็นเช่นนี้จึงทำใจได้เลยว่า ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ของที่นี่ นอกจากอยู่ในศีล กินในธรรมแล้ว ยังมีการดำเนินงานทางด้านศีลธรรมมาต่อเนื่องกันโดยตลอด ไม่อย่างนั้นแล้วเด็กของที่นี่ก็ไม่สามารถที่จะฝ่าฟันจนเข้าไปถึงชนะเลิศในระดับภาคได้ อีกส่วนหนึ่งก็คือที่นี่มีศูนย์ปฏิบัติธรรมอยู่ ๒ แห่ง ก็คือศูนย์ของมูลนิธิมหาเมตตาแห่งหนึ่ง และศูนย์ของมูลนิธิสิริมหามายาอีกแห่งหนึ่ง จึงทำให้ทางวัดไม่จำเป็นที่จะต้องมีสำนักปฏิบัติธรรมของตนเองก็ได้ เนื่องเพราะว่าชาวบ้านอาศัยศูนย์ปฏิบัติธรรมทั้ง ๒ แห่งในการปฏิบัติธรรมตามโครงการต่าง ๆ ได้ ขณะเดียวกัน ชาวบ้านที่นี่ก็เข้าวัดกันทุกวันพระ แม้ว่าจะมีการสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันบ้าง อย่างเช่นว่า วันพระนี้เข้าวัดขนอนเหนือ วันพระหน้าเข้าวัดขนอนใต้ก็ตาม แต่ว่าจำนวนญาติโยมที่เข้าวัดแต่ละวันพระ แต่ละแห่งก็นับร้อยคน จากจำนวนชาวบ้านหมู่ที่ ๑๑ ซึ่งมีอยู่ ๕๐๐ กว่าคน จึงทำให้การประเมินในวันนี้เป็นไปโดยง่าย เพราะว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้เขาทำกันเป็นปกติอยู่แล้ว ไม่มีอะไรที่น่าหนักใจ ขากลับญาติโยมทั้งหลายยังมีการถวายของที่ระลึกมาด้วย ก็คือเป็นเห็ดตับเต่าดองน้ำปลา สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ เด็กรุ่นใหม่อาจจะไม่รู้จัก เห็ดที่สีดำเหมือนถ่าน ถึงเวลานำไปต้มยำแล้ว รสชาติจะอร่อยมาก คล้าย ๆ กับการกินเห็ดระโงกเหมือนกัน แม้ว่ารสชาติไม่สามารถที่จะสู้เห็ดโคนได้ แต่ว่าสามารถที่จะสู้เห็ดฟางได้อย่างเหลือเฟือ แม้กระทั่งในเพลง เขาก็ระบุเอาไว้ว่า "..ฯ..เห็ดตับเต่าขึ้นอยู่ริมเถาย่านาง มองเห็นบัวสล่างลอยปริ่มริมบึง" ซึ่งระบุเอาไว้ชัดเจนถึงสภาพของหมู่บ้านในสมัยก่อน หรือว่าบ้านนอกคอกนา ที่สามารถหากินได้ในทุ่งนาหรือว่าชายป่าชายเขา ไปทางใดก็มีแต่อาหาร แล้วที่นี่ก็ยังมีโครงการบ้านนี้รักกัน ปลูกผักแบ่งปัน ซึ่งอยู่ในลักษณะที่ว่า บ้านโน้นปลูกผักชนิดนี้ บ้านนี้ปลูกผักชนิดนี้ แล้วก็นำมาแลกกัน ก็เลยทำให้ชาวบ้านมีความรักใคร่สามัคคีกันมาก
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-08-2023 เมื่อ 02:42 |
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
ที่นี่ยังเป็นหมู่บ้านแรกที่ยอมรับว่ามีเยาวชนท้องก่อนแต่ง ๑ ราย แล้วทางด้านสาธารณสุขอำเภอก็เข้าไปดูแลอย่างใกล้ชิด จนกระทั่งคลอดออกมาอย่างปลอดภัย ทางด้านราชการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ก็เข้าไปสนับสนุนในการให้คำแนะนำเลี้ยงดูเด็กของคุณแม่วัยใส
ซึ่งที่อื่นส่วนใหญ่แล้ว เรื่องทั้งหลายเหล่านี้มักจะปิดบังกัน เหมือนอย่างกับว่าไม่มีเกิดขึ้น แต่ว่าหมู่บ้านนี้ชี้แจงข้อมูลตามความเป็นจริง ต้องขอชมเชยเป็นอย่างยิ่งว่า เป็นข้อมูลที่ทำให้คนภายนอกเห็นแล้วอิจฉา ก็คือแม้ว่าเด็ก ๆ จะมีการปฏิบัติผิดพลาดไปก็ตาม แต่ว่าผู้ใหญ่ก็พยายามที่จะแก้ไขให้กลับร้ายกลายเป็นดี และเมื่อถึงเวลาเด็กสามารถที่จะปล่อยให้ลูกอยู่กับปู่ย่าตายายได้ แล้วก็ยังสามารถกลับไปเรียนต่อจนจบได้อีกด้วย สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ก็คือการปฏิบัติของโครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ก็คือ "มีศีลสุขล้ำ มีธรรมสุขใจ" อย่างแท้จริง ไม่ทิ้งใครเอาไว้ข้างหลัง พยายามที่จะเข้าใจวัยรุ่น แล้วขณะเดียวกัน ก็ยังมีโครงการที่จะแนะนำเรื่องของวัยรุ่น ว่าการชิงสุกก่อนห่ามนั้นมีตัวอย่างแล้วว่าต้องลำบาก จนทุกหน่วยงานยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ ถ้าไม่อยากลำบากแบบนี้ ก็โปรดรักษาเนื้อรักษาตัว ถึงเวลาแล้วค่อยแต่งงานแต่งการกันตามวัยอันสมควร เมื่อประเมินเสร็จสิ้นแล้ว กระผม/อาตมภาพก็เดินทางกลับที่พัก เพื่อรอที่จะเข้าสู่ภารกิจต่อไป สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเราและบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๘ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-08-2023 เมื่อ 02:43 |
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|