|
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนพฤษภาคม ๒๕๖๔ เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนพฤษภาคม ๒๕๖๔ |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#1
|
||||
|
||||
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๖๔
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๖๔
__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด (-/\-) (-/\-) (-/\-) |
สมาชิก 51 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
ขอโอกาสพระเถรานุเถระทุกรูป น้องสามเณร และญาติโยมทุกท่าน
วันนี้เป็นวันพุธที่ ๑๒ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔ ตั้งแต่เช้ามาอาตมาก็มีกิจกรรมทั้งวัน แล้วบางอย่างก็แทรกเข้ามาอย่างกะทันหันด้วย เรื่องของการเจริญกรรมฐาน ทำวัตร บิณฑบาตนั้น เราทำกันเป็นปกติอยู่แล้ว แต่พอฉันเช้าเสร็จ ท่านจะเห็นว่า ผมต้องไปตรวจงานที่หน้าวัดเลย เพราะว่าการสร้างอาคารทรงไทย ๒ หลัง อยู่ในระหว่างมุงหลังคา ซึ่งอยากจะให้เสร็จก่อนที่โรงพยาบาลสนามจะเรียบร้อยและเปิดใช้งาน หลังจากนั้นแล้ว ก็ติดตามผู้รับเหมาไปตรวจการก่อสร้างทางเดินสำหรับนักท่องเที่ยวรอบทางรถไฟสายมรณะ ตรงนี้ ๕ ล้านบาทนะครับ เพิ่งจะจ่ายไป ๒ งวด แล้วหลังจากนั้นก็มาตรวจงานการสร้างอ่างเก็บน้ำสำรองของวัดท่าขนุน ตรงนี้ ๓ ล้าน ๕ แสนบาท จ่ายไป ๒ งวดเช่นกัน แต่เป็น ๒ งวดที่เป็นงวดเดียวกัน แบ่งจ่าย ๒ ครั้ง หลังจากนั้นก็มาดูทางชุมชนที่ร่วมกันทำอาหาร เพื่อเปิดโรงทานต้านภัยโควิด-๑๙ ตามพระดำริสมเด็จพระสังฆราช เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง ค่อยมาทำหนังสือส่งนายอำเภอ ขออนุญาตจัดงานมอบทุนการศึกษา ทำไมถึงต้องขออนุญาต ? ก็เพราะว่ามีเด็กนักเรียนที่มารับทุน ๕๐๐ คนเศษ แต่จำนวนที่ทางด้านคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดกาญจนบุรีกำหนดไว้ ก็คือไม่เกิน ๒๐ คน..! แต่ว่าตรงนี้ไม่มีปัญหา เพราะว่าปีที่แล้วเราก็ทำอย่างนี้ ซึ่งใช้วิธีเหลื่อมเวลาเข้ามารับทุน มีการตรวจคัดกรอง ใส่หน้ากากอนามัย เว้นระยะ ใช้เวลาในการรับทุนแต่ละโรงเรียนประมาณ ๔ นาทีเท่านั้น เสร็จแล้วก็ส่งกลับเลย ปีที่แล้วท่านผู้กำกับและรองผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรทองผาภูมินั่งประกบซ้ายขวา เกรงว่าผมจะทำอะไรผิดคำสั่งทางราชการ ดูไปได้ประมาณครึ่งหนึ่ง ท่านรองผู้กำกับเกียรติศักดิ์ (พ.ต.ท.เกียรติศักดิ์ วิเศษสิงห์) ก็บอกว่า "หลงกังวลเสียเปล่า ระบบการทำงานของหลวงพ่อดีกว่าราชการอีก" เพราะว่าของเรานอกจากจะมีพระคอยดูแลแต่ละโรงเรียนแล้ว ยังมีบรรดา อสม. ตามประกบทุกโรงเรียนอีกด้วย หลังจากนั้นก็ไปวัดทองผาภูมิ เพราะว่าคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิ โดยหลวงพ่อพระครูวรกาญโชติ เจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ หลวงพ่อพระครูกาญจนปัญญาวุฒิ รองเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ วัดเขื่อนวชิราลงกรณ ตัวผมเอง และเจ้าคณะตำบลในเขตปกครองคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิทั้ง ๑๐ ตำบล ร่วมกันจัดหาข้าวสารอาหารแห้ง มอบให้กับวัดเหมืองปิล็อกและวัดเหมืองอีปู่ ทั้ง ๒ วัด ซึ่งประสบความเดือดร้อนจากคำสั่งปิดหมู่บ้านอีต่อง ตรงนี้จะเห็นว่าคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิของเรานั้นทำงานเร็วมาก เพราะว่ามีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันสูง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 13-05-2021 เมื่อ 17:28 |
สมาชิก 48 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
เมื่อเสร็จจากตรงนั้น ผมก็กลับมามอบข้าวกล่องให้กับท่านนายกฯ ประเทศ บุญยงค์ ซึ่งมารับข้าวกล่องไปมอบให้กับบุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลทองผาภูมิ คณะ อสม. จุดตรวจสามแยกทองผาภูมิ และจุดตรวจหน้าเขื่อนวชิราลงกรณ แล้วค่อยกลับมาฉันเพล
หลังเพลออกไปดูการสร้างห้องกระจก เพื่อแพทย์พยาบาลเอาไว้ใช้งานในการดูแลคนไข้ติดเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ที่โรงพยาบาลสนาม ซึ่งงานนี้ได้รับการสนับสนุนซุ้มพ่นยาฆ่าเชื้อ ๒ ซุ้ม จากคณะทิดวัดท่าขนุน ก็คือผู้บวชเก่าที่สึกหาลาเพศไปแล้ว นำโดยคุณต๋อง (ณัฐพล สุขวัฒนสิริ) กรรมการบ้านเติมบุญ ช่วยจัดหาให้ พอกลับเข้ามา ท่านปลัดเนรมิต เหลืองอร่ามฟ้า ปลัดอาวุโสทำหน้าที่แทนนายอำเภอทองผาภูมิ กับ ท่านนายกฯ ประเทศ บุญยงค์ ก็มาปรึกษาว่า ทางทหารและตำรวจในพื้นที่จับผู้ลักลอบหนีเข้าเมืองได้ ๗๐ กว่าคน ซึ่งโดยปกติแล้วต้องผลักดันกลับเลย แต่งวดนี้ไม่ได้ เพราะว่าอยู่ในช่วงเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ แพร่ระบาดหนักมาก ต้องมีการตรวจหาเชื้อก่อน แล้วค่อยผลักดันกลับ ในระหว่างตรวจหาเชื้อ ต้องรอผลอยู่ ๒ วันเศษ ๗๐ กว่าคนไม่รู้ว่าจะกินอะไร ตอนแรกก็ตั้งใจว่าจะให้พักที่วัดท่าขนุนด้วย พร้อมกับเลี้ยงอาหารเลย แต่คราวนี้สถานที่ของเราไปจัดทำเป็นโรงพยาบาลสนามแล้ว ก็เลยไปพักที่วัดโชคผาสุกิจ แล้วทางวัดท่าขนุนประกอบอาหารเลี้ยง ๗ มื้อ พวกท่านลองคำนวณคร่าว ๆ นะครับ ตีว่า ๗๐ คนถ้วน คนหนึ่งกินมื้อละ ๓๐ บาท หนึ่งคน ๓ มื้อเท่ากับ ๙๐ บาท แล้ว ๗๐ คน ๖,๓๐๐ บาท แล้วถ้าหากว่า ๗ มื้อล่อไปกี่หมื่น ? แต่ก็ต้องทำเพื่อมนุษยธรรม ผมเองไปโดนจับที่ทางฝั่งพม่าอยู่หลายครั้ง บางทีเขาสอบสวนอยู่ครึ่งค่อนวัน แม้แต่น้ำแก้วเดียวก็ไม่ให้ แล้วถ้าติดคุกฝั่งพม่าหรือโดนจับที่ฝั่งพม่า ทั้งวันมีข้าวให้จานเดียว อยู่ได้อยู่ไม่ได้เรื่องของคุณ แต่บ้านเราไม่ใช่ เราจะเห็นว่าทันทีที่เกิดการรบราฆ่าฟันกันทางฝั่งโน้น สิ่งแรกที่พี่น้อง มอญ พม่า กะเหรี่ยง นึกถึงก็คือ ต้องข้ามมาฝั่งไทยให้ได้ ข้ามมาได้เมื่อไรรอดตายแน่ แต่ถ้าอยู่ฝั่งโน้น มีโอกาสตายสูงมาก ในเมื่อเป็นเช่นนั้น จึงกลายเป็นงานด่วนขึ้นมา แต่โชคดีว่าทางชุมชนคุณธรรมต้นแบบวัดท่าขนุนของเรานั้น ชุมชนเข้มแข็งมาก แค่บอกกล่าวไม่กี่นาที บรรดาคณะกรรมการชุมชนทั้ง ๓ ชุมชน ไม่ว่าจะเป็นชุมชนคุณธรรมวังท่าขนุน ชุมชนคุณธรรมริมฝั่งแควน้อย ชุมชนคุณธรรมพัฒนาทองผาภูมิ ส่งคนมาช่วยกันทำอาหาร ประกอบการเสร็จสรรพเรียบร้อย ส่งมอบให้ท่านนายกฯ ประเทศ บุญยงค์ นำไปส่งที่วัดโชคผาสุกิจ ผมก็สรงน้ำแต่งตัว แล้วมาทำวัตรค่ำร่วมกับพวกท่าน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-05-2021 เมื่อ 02:06 |
สมาชิก 49 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
ท่านจะเห็นว่าทั้งวันมีแต่งาน นี่แค่ที่พูดถึง แล้วส่วนที่ไม่ได้พูดถึงก็ยังมีอีก มีญาติโยมหลายท่านถามว่า "งานมากขนาดนี้ในแต่ละวัน หลวงพ่อทำงานอย่างไรครับ ?" พวกท่านทั้งหลายต้องจำ และอนุญาตให้เลียนแบบได้โดยไม่สงวนลิขสิทธิ์
ในเรื่องของงานนั้น เราเป็นนักปฏิบัติธรรม สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ สติ สมาธิและปัญญา เราต้องมีสติรู้ว่างานมาแล้ว ต้องมีปัญญาแยกแยะความก่อนหลังเร็วช้าของงานแต่ละชิ้นแต่ละส่วน อะไรเร็วกว่า มาก่อนทำก่อน อะไรช้ากว่า แม้จะช้าสัก ๓ นาที ๕ นาที ยังไม่ต้องไปคิด เอาไว้ทีหลัง ถ้าอย่างนั้นท่านจะมีงานอยู่ตรงหน้าแค่งานเดียวเสมอ และไม่หนักเกินกำลัง แต่ส่วนใหญ่ทุกท่าน โดยเฉพาะญาติโยม ไม่ว่าจะอยู่ที่บ้านหรือที่ต่างประเทศ มักจะเอาหลาย ๆ งานมาคิดรวมกัน เมื่อยำใหญ่รวมกัน ก็หนักเกินกำลังและแก้ไขไม่ไหว โดยเฉพาะในส่วนของการทำงานแต่ละวัน สมาธิสำคัญที่สุด เพราะว่าถ้ากำลังสมาธิไม่พอจะทำงานไม่ไหว ถ้าท่านอายุขนาดผมแล้ว ทำงานตั้งแต่เช้ายันค่ำ เวลาพักก็ไม่มี ยังต้องมาสวดมนต์ทำวัตร มานั่งบันทึกคลิปเพื่อญาติโยมที่ไม่มีโอกาสฟังจะได้ฟังกันได้ คาดว่าก็คงคอพับไปเรียบร้อยแล้ว แต่ถ้าสมาธิทรงตัวนี่..เราสั่งได้ ก็คือสั่งร่างกายนี้ว่า "งานยังไม่หมด ทำไปก่อน งานหมดเมื่อไร แล้วค่อยพัก" แต่คนที่จะทำลักษณะอย่างนี้ได้ ต้องไม่กลัวตายด้วยนะครับ เพราะว่าผมทำงานแบบคนที่มีวันนี้วันเดียว อย่างที่ได้บอกแล้วว่า ถ้าเราทำวันนี้ให้ดีที่สุดแล้ว พรุ่งนี้จะมีหรือไม่ ก็ไม่เป็นไร เพราะว่าเราเต็มที่แล้วทุกอย่าง แหงนหน้าไม่อายฟ้า ก้มหน้าไม่อายดิน อยู่ไปคนเขาก็เกรงใจ ตายไปคนก็คิดถึง..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-05-2021 เมื่อ 02:07 |
สมาชิก 50 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
ดังนั้น...จึงเรียนถวายพระภิกษุสามเณรทุกรูป ตลอดจนกระทั่งญาติโยมว่า สติต้องรู้รอบ สมาธิต้องทรงตัว ปัญญาต้องแหลมคมว่องไว สิ่งทั้งหลายเหล่านี้สำคัญตรงข้อกลาง คือ สมาธิ ถ้าสมาธิทรงตัว สติจะตั้งมั่น ปัญญาจะแหลมคมว่องไว
ดังนั้น...ท่านทั้งหลายต้องเน้นในการสร้างสมาธิให้ทรงตัว อย่างน้อยก็ระดับปฐมฌานละเอียด ไม่อย่างนั้นแล้วกำลังจะไม่พอสู้กับงาน และที่แย่กว่านั้นคือ ไม่พอที่จะกดกิเลสให้สงบลงได้ ใครจะบอกว่าติดสมาธิ..ปล่อยเขาไป นั่นเป็นเรื่องของคนที่พูดโดยไม่เห็นประโยชน์ของสมาธิ และไม่เข้าใจในสมาธิอย่างแท้จริง ถ้าหากว่าเรามีสมาธิที่ทรงตัว สติตั้งมั่น รักษาอารมณ์อยู่กับปัจจุบันได้โดยตลอด เราจะเป็นคนที่มีความทุกข์น้อย เพราะว่าไม่ฟุ้งซ่านไปในอดีต และไม่ฟุ้งซ่านไปในอนาคต อารมณ์ใจอยู่กับเฉพาะหน้า งานอะไรมา ก็ทำไปแค่นั้น ส่วนอื่นก็ใช้ปัญญาในการพินิจพิจารณาเลือกหาทางของเราว่า สิ่งทั้งหมดที่เราทำนี้เพื่ออะไร ? เป้าหมายของเราคืออะไร ? ถ้ารู้ว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ เราทำเพื่อละกิเลส ลด รัก โลภ โกรธ หลง ลง ขัดเกลาจิตใจของตนให้ผ่องใสที่สุด เพื่อที่ถึงเวลาแล้ว จะได้ล่วงพ้นจากกองทุกข์ไปสู่พระนิพพาน ถ้าเป้าหมายชัดเจนขนาดนี้ ก็ทำไปเถอะครับ สมาธิยิ่งสูงเท่าไร ก็ยิ่งมีคุณแก่ตัวเท่านั้น เพราะว่าท่านมีสติรู้อยู่เฉพาะหน้า ไม่ได้หลงติดในสมาธิ และใช้สมาธินั้นในการตัดละกิเลส ส่งตัวเราเองให้หลุดพ้นจากกองทุกข์ไปสู่พระนิพพาน ก็ขอฝากข้อคิดให้แก่พระภิกษุสามเณรและญาติโยมไว้แต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๒ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-05-2021 เมื่อ 02:07 |
สมาชิก 51 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|