|
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนตุลาคม ๒๕๖๔ เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนตุลาคม ๒๕๖๔ |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#1
|
||||
|
||||
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔
__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด (-/\-) (-/\-) (-/\-) |
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๑๐ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔ ดูจากจำนวนบุคคลที่มาร่วมใส่บาตรตามโครงการ "หิ้วตะกร้า นุ่งผ้าซิ่น นั่งแคร่ไม้ ใส่บาตรพระ ทุกวันอาทิตย์" ก็ต้องบอกว่าจำนวนยอดของนักท่องเที่ยวเริ่มมากขึ้น สิ่งนี้สามารถบอกได้ว่า ถ้าช่วงวันหยุดยาวออกพรรษา นักท่องเที่ยวน่าจะมากกว่านี้ ตรงนี้เป็นเรื่องที่น่าหนักใจ เพราะว่าการที่คนอยู่รวมกันมาก ๆ นั้น ผิดพระราชกำหนดการบริหารราชการในเวลาฉุกเฉิน แล้วขณะเดียวกัน การที่คนอยู่ร่วมกันมาก ๆ โอกาสที่เชื้อไวรัสโควิด ๑๙ จะแพร่ระบาดก็มีสูงมาก
โดยเฉพาะงานของวัดท่าขนุน งานตักบาตรเทโว ต้องบอกว่าคนทั้งอำเภอมารวมกัน แล้วงานทอดกฐิน ญาติโยมส่วนหนึ่งที่ตั้งใจมาเพื่อที่จะได้ทำบุญกฐิน หลังจากที่กระผม/อาตมภาพออกจากกรรมฐาน ๓ วัน ตรงจุดนี้เมื่อถึงเวลา ถ้าหากว่าคณะ อสม. มาช่วยดูแลแล้วเกินกำลัง พระภิกษุสามเณรของเราจะต้องช่วยเหลือกันด้วย ก็คืออย่างน้อย ๆ เห็นตรงไหนมีทีท่าว่าจะใกล้ชิดกันเกินไป ก็ต้องเตือนให้เว้นระยะกันบ้าง โดยเฉพาะรูปถ่ายต่าง ๆ หรือว่าคลิปวิดีโอ ให้พิจารณาด้วยความพิถีพิถัน อย่าไปลงรูปคนที่อยู่ใกล้ชิดติดกันเป็นจำนวนมาก เพราะว่านั่นเท่ากับผิดกฎหมายเลย ที่ต้องเตือนเอาไว้แต่เนิ่น ๆ ก็เพราะว่า ส่วนหนึ่งแล้วพวกเราพอได้รูปหรือได้คลิปวิดีโอมา ก็เผยแพร่กันไปเรื่อยโดยที่ไม่รู้จักระมัดระวัง ซึ่งบางอย่างก็สร้างความเสียหายให้กับทางวัดชนิดที่ไม่สามารถที่จะแก้ตัวได้ เพราะว่ามีรูปหรือมีคลิปวิดีโอเป็นหลักฐานยืนยัน ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายสังเกต การลงภาพข่าวอย่างเช่น การตักบาตรทุกวันอาทิตย์ของเรา ผมจะพยายามคัดภาพที่เห็นจังหวะการเว้นระยะ อย่างเช่นว่าแถวพระยาว ๒๐ กว่า ๓๐ รูป ต่อให้เว้นระยะ แต่ถ้าเราถ่ายในมุมตรงก็จะเห็นว่าพระใกล้ชิดติดกันหมด จึงต้องหามุมข้างที่มองเห็นชัด ๆ ว่าพระภิกษุของเรามีการเว้นระยะอยู่ เป็นต้น แต่ในขณะเดียวกัน ถ้าหากว่าถ่ายภาพในศาลา ซึ่งเป็นสถานที่กว้างใหญ่ หลักการถ่ายภาพเพื่อลงประชาสัมพันธ์ก็คือ คนน้อยก็ต้องถ่ายให้ดูเป็นคนมาก จึงต้องให้เหลือพื้นที่ว่างด้านข้างของภาพ ให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ท่านทั้งหลายคงต้องไปศึกษาเรื่องเหล่านี้อีกสักระยะหนึ่ง ถึงจะได้รู้ว่าควรที่จะประพฤติปฏิบัติอย่างไร
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 13-10-2021 เมื่อ 07:05 |
สมาชิก 42 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
งานที่ใกล้จะมาถึงมากเลยก็คือ งานสวดพระคาถาเงินล้าน ๑๐๘ จบ เพื่อถวายพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ซึ่งในวันนั้นจะมีงานทอดผ้าป่ากองทุนเล่าเรียนหลวงด้วย
จากการประชุมเมื่อวานนี้ที่ผ่านมา พระเดชพระคุณพระเทพปริยัติโสภณ เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี มอบหมายให้เจ้าคณะอำเภอทั้ง ๑๓ อำเภอ เป็นผู้รับผิดชอบในการทอดผ้าป่ากองทุนเล่าเรียนหลวง แต่ของอำเภอทองผาภูมิ ทางด้านเจ้าคณะอำเภอมอบหมายหน้าที่ให้ผมประจำ แต่คาดว่าจากเมื่อวานที่โดนกำชับมา ท่านเจ้าคณะอำเภอก็น่าจะจัดของท่านเองด้วย แต่คราวนี้ของเราก็ยังคงจัดกันเป็นปกติ เพราะว่าต้องนำยอดเงินที่ได้ไปรวมกันทอดเป็นผ้าป่าของจังหวัด ในวันที่ ๓ พฤศจิกายนนี้ แล้วหลังจากนั้น วันที่ ๕ พฤศจิกายน ก็จะมีการนำเงินยอดรวมของทุกจังหวัดไปทอดรวมกัน เป็นของเจ้าคณะใหญ่ ก็คือระดับหนกลาง ซึ่งตรงจุดนั้น เมื่อรวบรวมได้แล้ว แต่ละหนก็ต้องรายงานให้มหาเถรสมาคมทราบ พร้อมกับมอบเงินเข้ากองทุนเล่าเรียนหลวง ก็แปลว่า ช่วงเช้าประมาณ ๑๐ โมงของวันที่ ๑๓ เราจะมีการทอดผ้าป่าสมทบทุนโครงการกองทุนเล่าเรียนหลวง แล้วหลังจากนั้นประมาณเที่ยงครึ่ง ก็มีการสวดพระคาถาเงินล้าน ๑๐๘ จบ เพื่อถวายพระราชกุศลแด่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ตรงนี้ต้องบอกว่า น่าจะมีคนจำนวนหนึ่งที่มาร่วมงานด้วย เพียงแต่ว่าเราไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการ แล้วอีกอย่างหนึ่งก็คือ กระผม/อาตมภาพได้เอ่ยด้วยวาจากับท่านนายอำเภอทองผาภูมิแล้วว่า การที่จะห้ามไม่ให้ชุมนุมกันเกิน ๒๕ คน ทางวัดท่าขนุนของเราทำไม่ได้ เพราะว่าเฉพาะพระอย่างเดียวก็ ๔๐ กว่ารูปเข้าไปแล้ว ซึ่งท่านนายอำเภอก็บอกว่า "เรื่องนี้ผมไม่เครียดครับ เพราะเข้าใจถึงความจำเป็นอยู่แล้ว" อีกอย่างหนึ่งก็คือ พระเณรของเราได้รับการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ไปแล้ว ยังปลอดภัยดี จนกว่าจะเป็นผู้ที่มีความเสี่ยงอีกเมื่อไร ค่อยมาจัดการตรวจหากันอีกครั้งหนึ่ง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 11-10-2021 เมื่อ 19:53 |
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
คราวนี้ในวันตักบาตรเทโวและกฐินสามัคคีของวัดท่าขนุน เวลาท่านทั้งหลายจัดสถานที่ตามปกติแล้ว หาญาติโยมหรือว่าพระที่รับผิดชอบ ไปเดินกำชับให้โยมที่เตรียมตัวใส่บาตรให้มีการเว้นระยะด้วย ท่านใดที่ไม่มีหน้ากากอนามัยมาก็แจกให้ไปด้วย คือเราต้องช่วยระวังป้องกันให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แบบเดียวกับปีที่แล้วก็คือ ให้เลือกเอาว่าจะทำบุญหรือว่าจะโดนไล่กลับ..! ถ้าหากว่าหน้ากากมีให้ฟรีแล้วไม่ยอมใส่ ก็ไม่ควรที่จะได้อยู่ทำบุญด้วย
ในคนหมู่มาก เราต้องใช้ความเด็ดขาด ยกเว้นว่าคนหมู่มากนั้น เป็นผู้ตั้งใจปฏิบัติเพื่อความดีอย่างแท้จริง เพราะว่าโดยปกติคนและสัตว์ทั่วไปก็คือ "เกรงอาชญา" อาชญาในที่นี้คือการลงโทษที่แปลว่าต้องเจ็บตัว หรืออาจจะสูญเสียอิสรภาพ ดังนั้น..การที่เราจะใช้พระคุณนั้น เป็นไปไม่ได้สำหรับคนหมู่มาก การจะใช้พระคุณ เราต้องดูกาลเทศะให้ดี ถ้าคนหมู่มากนั้นเป็นผู้ปฏิบัติธรรมเพื่อหวังความหลุดพ้น มีการขัดเกลาตนเองเป็นปกติ ก็สามารถที่จะใช้พระคุณได้ แต่ถ้าหากว่าเป็นกลุ่มคนทั่วไป จำเป็นต้องใช้พระเดชให้มาก ไม่อย่างนั้นก็จะไม่ได้รับความเกรงใจ เรื่องพวกนี้กระผม/อาตมภาพสรุปได้ตั้งแต่สมัยเป็นเด็กวัยรุ่นว่า "คนเราไม่กลัวความดี กลัวแต่คนที่ชั่วกว่า" เพราะว่าสมัยวัยรุ่นกระผม/อาตมภาพ พักอาศัยและทำงานอยู่แถว ๆ ประเวศ สวนหลวง ในซอยทั้งซอยมีแต่อิสลามิกชน ยกเว้นบ้านของนาวาเอกจุรินทร์กับบ้านของผมที่เป็นคนไทย ก็จะโดนบรรดาวัยรุ่นแถวนั้นบีบบังคับให้ไปเป็นพวก แต่ผมกับพระครูแสงก็ไม่ได้สนใจ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-10-2021 เมื่อ 03:14 |
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เขาก็เลยมีการแสดงแสนยานุภาพ แต่ปรากฏว่าจัดทัพไม่ดี มาทีไรก็ต้องหามกันกลับไปทุกที..! ก็ทำให้เข็ดหลาบไปได้ระยะหนึ่ง เมื่อเวลาผ่านไป เริ่มลืม ๆ เลือน ๆ แล้วว่าเคยเจ็บตัวแบบไหน โดนเพื่อนยุเข้าก็มาใหม่ เมื่อเป็นเช่นนี้บ่อย ๆ กระผม/อาตมภาพถึงสรุปได้ว่า "คนเราไม่กลัวความดี กลัวแต่คนที่ชั่วกว่า"
ผมเคยจัดการเสียจนสลบไสล แล้วแบกไปส่งที่บ้าน บอกพ่อเขาที่มารับว่า "สั่งสอนลูกให้ดี ถ้าไปเจอคนอื่นอาจจะถึงตายไปแล้ว" ซึ่งอีกฝ่ายเถียงไม่ได้ เพราะรู้ว่าความประพฤติของลูกตัวเองเป็นอย่างไร ในเมื่อโลกเราเป็นเช่นนี้ เราจะจำเป็นที่ต้องชั่วกว่าจริงหรือ ? ไม่จริง..เราก็ยังคงประพฤติปฏิบัติในศีล สมาธิ ปัญญาของเรา เป็นคนดีด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ ได้ตามปกติ แต่สิ่งหนึ่งประการใดที่จำเป็นต้องใช้ความเด็ดขาดก็ต้องมี เพราะถ้าหากว่าไม่มี คนอื่นจะไม่เกรงใจ ดังนั้น...ในเรื่องของพระเดชและพระคุณจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องดูกาละ ดูเทศะให้ดี ว่าเวลาหรือสถานที่เหมาะสมที่จะใช้แบบไหน ไม่อย่างนั้นแล้วโดยเฉพาะญาติโยมทั่วไปที่ทำการทำงานอยู่ การเป็นคนดีไม่มีปากมีเสียงกับคนอื่นนั้น มักจะโดนเพื่อนฝูงเอาเปรียบ บางทีก็ต้องหัดแยกเขี้ยวกางเล็บให้เขาดูบ้าง ไม่เช่นนั้นแล้วคนอื่นก็จะไม่เกรงใจ วันนี้รู้สึกว่าจะแนะนำออกนอกลู่นอกทางมากไปหน่อย เวลาก็พอสมควรแล้ว จึงขอยุติลงแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๐ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 13-10-2021 เมื่อ 07:05 |
สมาชิก 45 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|