|
เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#1
|
||||
|
||||
เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๙
ถาม : ห้ามใส่พระเครื่อง วัตถุมงคล เข้าสถานบริการทางเพศ หรือใส่มีเพศสัมพันธ์เด็ดขาด ถ้าฝ่าฝืนวัตถุมงคลจะเสื่อม จริงหรือไม่จริงครับ ?
ตอบ : มีทั้งจริงและไม่จริง ที่จริงก็คือกติกาข้อห้ามของครูบาอาจารย์ที่สร้างวัตถุมงคลไว้เป็นเช่นนั้น ส่วนที่ไม่จริงก็คือครูบาอาจารย์ที่ท่านไม่ถือสา เราก็ใช้ลุยไปเถอะ ท่านไม่ได้ว่าอะไรหรอก ถาม : ใส่พระเครื่อง วัตถุมงคล ห้ามเป็นชู้ลูกเมียเขา ถ้าฝ่าฝืนวัตถุมงคลเสื่อม จริงหรือไม่จริงครับ ? ตอบ : ไม่ใช่วัตถุมงคลเสื่อมหรอก ทำเมื่อไรตัวคนทำเสื่อมแน่ ๆ..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-05-2016 เมื่อ 03:19 |
สมาชิก 228 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
ถาม : ตามที่หลวงพ่อได้เคยกล่าวแนะนำสูตรยารักษาศีรษะล้าน ที่ใช้เปลือกต้นแค แช่กับน้ำซาวข้าวทิ้งไว้ ๓ คืน แล้วทาเพื่อให้ผมงอก ขอกราบเรียนถามว่า สูตรนี้จะใช้กับการปลูกขนคิ้ว สำหรับคนที่ไม่ค่อยจะมีคิ้วได้ด้วยไหมครับ ?
ตอบ : เข้าใจผิดไปไกล สูตรเปลือกแคแช่น้ำซาวข้าว เขาเอาไว้รักษาหมาขี้เรื้อนที่ขนร่วงหมด แล้วมีคนหัวล้านลองเอาไปใช้ดู ในเรื่องของขนคิ้ว โบราณเขาใช้ดอกอัญชัน ขยี้ให้ช้ำ ๆ แล้วก็เขียนเอา แต่สมัยนี้ไปให้เขาสักคิ้วจะง่ายกว่ากระมัง ?
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-05-2016 เมื่อ 03:20 |
สมาชิก 210 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
ถาม : ขอกราบเรียนถามหลวงพ่อขอความรู้เรื่องสาลิกาครับ ว่ามีมงคลในด้านไหน ?
ตอบ : เรื่องสาลิกาถ้าตอนเด็ก ๆ อาตมาก็ว่าอร่อยดีนะ กินมาเยอะแล้ว แต่ให้ระวังว่าบรรดาสัตว์ปีก สัตว์บก สัตว์น้ำ ที่อยู่ตามธรรมชาติ ส่วนใหญ่จะมีพยาธิเยอะ ฉะนั้น...เวลาทำก็ทำให้สะอาดหน่อย ...(หัวเราะ)... นี่ไปไกลแล้ว สาลิกาที่ว่าหมายถึงวิชาการอย่างหนึ่ง ที่เขามีการสร้างวัตถุเป็นรูปนกตัวเล็ก ๆ หรือทำเป็นรอยสัก ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะดีทางด้านการเจรจา ก็แปลว่าจะดีทางด้านเมตตามหานิยม แต่ถ้าเป็นหลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านบอกว่าตำราพวกนี้ท่านโยนทิ้งหมด ท่านบอกว่าถ้าใช้สังคหวัตถุ ๔ ตามแบบของพระพุทธเจ้า ยิ่งกว่าทำเสน่ห์เสียอีก ก็คือ ทาน รู้จักแบ่งปันให้กับคนอื่น ปิยวาจา พูดดีพูดไพเราะเป็นปกติ อัตถจริยา ทำประโยชน์ให้แก่เขา สมานัตตตา เอาใจเขามาใส่ใจเรา เขาชอบอะไรเราก็ทำอย่างนั้นให้เขา เขาไม่ชอบอะไรก็อย่าทำสิ่งนั้น ท่านบอกว่าพระพุทธเจ้าสอนวิธีทำเสน่ห์ไว้สองพันกว่าปีแล้ว แต่ไม่ค่อยมีใครทำ ส่วนใหญ่ก็ไปสนใจสาลิกา รักยม กุมารทอง ถาม : ของพวกนี้ได้ผลจริงไหมครับ ? ตอบ : จริงบ้างไม่จริงบ้าง ถ้าเจอของท่านที่รู้จริง สร้างแล้วก็มีผลจริง สมัยนี้ส่วนใหญ่สร้างเพื่อการค้า จึงไม่ค่อยจะจริง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-05-2016 เมื่อ 03:22 |
สมาชิก 209 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
ถาม : ถ้าผมโมทนาบุญของพระรัตนตรัยทุก ๆ พระองค์ โดยที่ผมไม่รู้ว่าท่านทำบุญอะไรมาบ้าง แต่รู้สึกปลื้มใจบุญที่ท่านทำมาจนได้เข้าถึงความเป็นพระอริยเจ้า เลยอยากทราบว่าผมจะได้อานิสงส์ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าไม่รู้ว่าท่านทำอะไรมาบ้างก็ไม่ได้ ปัตตานุโมทนามัย ก็คือ รู้เห็นว่าผู้อื่นได้กระทำในส่วนบุญกุศลที่เราไม่มีโอกาสได้กระทำ ก็เลยยินดีและโมทนาในส่วนของความดีนั้น ๆ ถ้าคุณไม่รู้แล้วจะไปโมทนาอีท่าไหน ? หลับหูหลับตาเหวี่ยงมั่ว ๆ ไป เผื่อจะถูกหรืออย่างไร ?
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-05-2016 เมื่อ 03:23 |
สมาชิก 218 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
ถาม : ต่อจากคำถามอาทิตย์ก่อน ที่ผมถามเกี่ยวกับสมัยผมอายุ ๑๕ ปี แล้วทำสมาธิจนได้ฌาน แล้วรู้สึกสุขมาก ๆ เหมือนที่พระท่านกล่าวว่า กิเลสคือไฟ ถ้าดับได้จะสุขมาก
ตอบ : โปรดทราบว่า ถ้าดับไฟจะไม่สุก อาตมาทำกับข้าวมาตั้งแต่เด็ก ยืนยันได้ว่าดับไฟแล้วไม่สุก...! ถาม : ตอนนั้นผมคิดว่าผมเป็นพระอรหันต์ รอวันตายอย่างเดียว แต่มารู้ทีหลังว่าเป็นอุปกิเลส และตอนนี้ผมอายุ ๑๙ แล้วเวลาทำสมาธิหรือคิดเรื่องงาน บางครั้งผมก็รู้ว่า อารมณ์ปรามาสพระจะเกิด ผมก็ช่างมันและสักแต่ว่ารู้ แล้วทำให้ผมเชื่อสิ่งที่หลวงพ่อบอกว่า เวลาที่เราจะเข้าถึงความดี กิเลสมันจะชวนให้เราฟุ้งซ่าน และคิดเรื่องอื่นที่ไม่ใช่เรื่องที่ดี ผมเลยอยากทราบ วิธีพิจารณาสังขาร หรือภาษาไทยแปลว่าความคิด จะพิจารณาอย่างไรว่ามันไม่ใช่เรา จะพิจารณาอย่างไรหรือครับ ? ตอบ : ความคิดเขาไม่ได้ให้พิจารณา เขาให้หยุดคิด ถ้าเราหยุดการคิดหรือหยุดการปรุงแต่งได้ก็จะไม่สร้างทุกข์ให้เกิดกับตัวเอง ถ้าหยุดการคิดหรือการปรุงแต่งไม่ได้ ก็เท่ากับสร้างทุกข์ให้ตัวเองอยู่ตลอด เพราะฉะนั้น...แยกแยะเสียใหม่และทำให้ถูก ไม่ใช่ความคิดเกิดขึ้นแล้วก็ไปพิจารณา ไปจ้องดูเหมือนที่บางสายท่านบอกว่า "คิดหนอ...คิดหนอ" ถ้าอย่างนั้นก็ดูต่อเถอะ คนกำลังฟุ้งซ่านอยู่จะไปเห็นธรรมอะไร นอกจากเรื่องที่ตัวเองกำลังฟุ้งซ่านเท่านั้น
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-05-2016 เมื่อ 03:24 |
สมาชิก 197 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#6
|
||||
|
||||
ถาม : ถึงผมจะรู้ดีว่า สมาธิจากฌานสมาบัตินั้น สุขกว่ากามสุขจนเทียบไม่ได้เลย แต่ผมอายุ ๑๙ ก็อยากมีแฟนเป็นธรรมดา อยากทราบว่า นักรบอย่างขุนแผน ท่านก็มีเมียมาก หรือบุคคลที่ทรงโลกีย์อภิญญา ท่านทำกำลังใจทรงฌานนึกจะเข้าฌานนั้น ออกจากฌานนี้เข้าฌานนั่น ในเมื่อท่านยังมีภรรยาอยู่อย่างไรหรือครับ ? หลวงพ่อช่วยอธิบายทีครับ ผมจะเอาไปฝึก
ตอบ : ท่านก็อยู่อย่างสามีภรรยานั่นแหละ ใครเขาจะโง่ไปเข้าฌานตลอดเวลา เข้าฌานตลอดเวลาก็บ่มิไก๊เท่านั้น...!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-05-2016 เมื่อ 03:25 |
สมาชิก 201 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#7
|
||||
|
||||
ถาม : ผมรู้สึกว่าชาติก่อนผมคงทำบุญมาดี เนื่องจากได้เข้าฌานสมาบัติในตอนอายุยังน้อย แล้วทำให้ผมหายสงสัยเกี่ยวกับกฎแห่งกรรม สวรรค์ นรก และเรื่องอื่น ๆ แล้วผมสงสัยว่า ทำไมผมถึงเกิดไม่ทันหลวงพ่อวัดท่าซุงหรือหลวงปู่ปานก็ดี ?
ตอบ : ก็เพราะเกิดช้า ถ้าเกิดเร็วก็ต้องทันอยู่แล้ว...!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-05-2016 เมื่อ 03:25 |
สมาชิก 205 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#8
|
||||
|
||||
ถาม : บุคคลที่อยู่ต่างประเทศ แล้วเขาอยากจะบนพระหรือเทวดา เขาควรจะทำอย่างไรหรือครับ ?
ตอบ : อยากจะบนก็บน ยังจะต้องทำอะไรอีก ?
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-05-2016 เมื่อ 03:25 |
สมาชิก 202 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#9
|
||||
|
||||
ถาม : คาถามงกุฎพระพุทธเจ้า ที่เวลาภาวนาจนเป็นฌานแล้ว จะเข้าใจเนื้อหาในหนังสือได้โดยไม่ต้องอ่าน อยากทราบว่าจะภาวนาอย่างไรให้เป็นฌานครับ ?
ตอบ : ภาวนาควบกับลมหายใจเข้าออก ถาม : ตามที่ผมเข้าใจ คือท่องคาถาแล้วควบกับกำหนดรู้ลมหายใจไปเรื่อย ๆ จนเป็นฌาน หรือว่าต้องเข้าฌานสมาธิจากฌานใดฌานหนึ่งก่อน แล้วออกจากฌานนั้นแล้วท่องคาถา ? ตอบ : ใช้ได้ทั้งสองอย่าง จะภาวนาจนเป็นฌานก่อนก็ได้ หรือเข้าฌานก่อนค่อยภาวนาก็ได้ ถาม : มีผลเสมอกันไหมครับ ? ตอบ : เข้าฌานก่อนแล้วภาวนารู้สึกว่าจะสะดวกกว่า แต่จะไปเสียเวลาตรงที่ว่า ทำอย่างไรจะเข้าฌานได้นี่แหละ..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-05-2016 เมื่อ 03:26 |
สมาชิก 210 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#10
|
||||
|
||||
ถาม : อยากทราบวิธีนอนไม่ถึง ๕ ชั่วโมง แล้วเวลาตื่นขึ้นมาสดชื่นไม่รู้สึกเหนื่อย ต้องทำอย่างไรครับ ?
ตอบ : นอนกลางแจ้ง ทุกวันนี้ที่ส่วนใหญ่พวกเราตื่นขึ้นมาแล้วรู้สึกง่วง รู้สึกเพลีย เพราะไปนอนอยู่ในห้องปรับอากาศ ซึ่งออกซิเจนมีน้อยมาก ร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ ตื่นขึ้นมาบางคนก็มึนงง บางคนก็ง่วงเหงาหาวนอน อยากจะนอนต่ออย่างเดียว เพราะฉะนั้น...อยากจะนอนให้เต็มอิ่มให้ไปนอนกลางแจ้ง แต่อย่าไปนอนกลางถนน...!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-05-2016 เมื่อ 03:27 |
สมาชิก 225 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#11
|
||||
|
||||
ถาม : เจตสิกคืออารมณ์ ที่จิตไปรับรู้ใช่ไหมครับ ? และพระอรหันต์ท่านดับอกุศลเจตสิกไปหมดแล้วใช่ไหมครับ ?
ตอบ : เจตสิกคืออารมณ์ใจที่ไปรับรู้เรื่องอื่น ๆ เรียกง่าย ๆ ว่าเป็นการทำงานของใจ ถ้าเป็นพระอริยเจ้าระดับสูง ๆ ขึ้นไป การทำงานของใจของท่านจะประกอบไปด้วยการปรุงแต่งของใจที่น้อยมาก คำว่าการปรุงแต่งที่น้อยมาก คือ ไม่ได้ปรุงแต่งไปในด้าน รัก โลภ โกรธ หลง แต่ว่าปรุงไปเพื่อเป็นไปตามเหตุเฉพาะหน้าเท่านั้น อย่างที่พิจารณาดูแล้วว่า ถ้าทำเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ดี เป็นแบบอย่างแก่คนอื่นได้ท่านก็ทำ ถ้าหากว่าทำไปไม่มีประโยชน์ก็ไม่ทำ ฉะนั้น...จะเรียกว่าการปรุงแต่งของท่านก็ไม่ใช่หรอก เป็นการพิจารณาเรื่องที่ควรหรือไม่ควรที่เหมาะกับเฉพาะหน้ามากกว่า
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-05-2016 เมื่อ 14:30 |
สมาชิก 183 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#12
|
||||
|
||||
ถาม : ถ้าพระอุปัชฌาย์ติดอาบัติปาราชิกไม่ใช่สังฆาทิเสส ซึ่งขาดจากความเป็นพระแล้ว ไปทำการบวชสามเณรให้โยม แล้วโยมนั้นจะสำเร็จเป็นสามเณรหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ถ้าต้องอาบัติปาราชิกก็แปลว่าไม่ใช่พระ ไม่ใช่พระก็เป็นโยม โยมจะบวชเณรบวชพระได้ไหม ?
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-05-2016 เมื่อ 14:30 |
สมาชิก 193 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#13
|
||||
|
||||
ถาม : สมมติว่า หลวงพี่แดงนำน้ำอ้อยที่เหลือจากฉันเพลที่โยมถวายสังฆทาน มาไว้ในตู้เย็นของวัดจำนวนสี่ขวดเพื่อไว้ฉันเป็นส่วนตัว แล้วหลวงพี่เขียวไปหยิบน้ำอ้อยในตู้เย็นนั้นมาฉันหนึ่งขวด เพราะคิดว่าเป็นของจากการถวายสังฆทาน ใครจะฉันก็ได้โดยหลวงพี่แดงไม่รู้ ต่อมาหลวงพี่แดงมาเห็นว่าน้ำอ้อยหายไปหนึ่งขวด แล้วโวยวายไม่พอใจที่มีคนอื่นมาหยิบน้ำอ้อยของตนไป กรณีนี้หลวงพี่เขียวจะติดอาบัติปาราชิกหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ลงนรกทั้งคู่..! อันดับแรกคือห่วงกิน เข้าใจคำว่าห่วงกินไหม ? กำลังใจยังไปห่วงกับเรื่องกิน ถึงขนาดต้องตุนเอาไว้ ซึ่งไม่ใช่วิสัยของพระ อันดับสอง ผิดพระวินัย ในพระวินัยท่านบอกว่า อันโตวุฏฐะ คือห้ามหุงต้มอาหารเอง อันโตปักกะ ห้ามเก็บอาหารไว้เอง สามปักกะ ห้ามเก็บอาหารไว้ในที่อยู่ของตน เพราะฉะนั้น...ไม่ต้องเสียเวลาไปเถียงหรอกว่าโดนอาบัติหรือเปล่า ไปนรกทั้งคู่นั่นแหละ..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-05-2016 เมื่อ 14:32 |
สมาชิก 190 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#14
|
||||
|
||||
ถาม : การทำกรรมฐานโดยการเอาสติจี้ ตามรู้คลุกเคล้าเป็นหนึ่งเดียวติดแนบกับกองลมไปตลอดสาย กับการเอาสติตามดูรู้กองลมอยู่ห่าง ๆ เหมือนยืนดูสายน้ำอยู่ตลอดสาย มีผลต่อการปฏิบัติต่างกันอย่างไร ? และแบบไหนเข้าฌานได้เร็วกว่า ?
ตอบ : ถ้ากังวลมากก็เข้าฌานไม่ได้สักอย่างหนึ่ง การดูลมหายใจเข้าออกให้ปล่อยลมหายใจตามปกติ จะแรงจะเบา จะยาวจะสั้น อย่างไรก็แล้วแต่ เรามีหน้าที่ตามดูตามรู้ไปเฉย ๆ ไม่ใช่ตามดูตามรู้เพราะอยากจะเข้าฌาน ถ้าตามดูตามรู้เพราะอยากจะเข้าฌานยังเป็นความฟุ้งซ่านอยู่ โอกาสที่จะทรงฌานก็ไม่มี
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-05-2016 เมื่อ 14:42 |
สมาชิก 187 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#15
|
||||
|
||||
ถาม : เคยฝันหรือกำลังจะหลับ เห็นภาพเหตุการณ์ และตัวเองกำลังรู้สึก กำลังคิดอะไร แต่ตอนนั้นเหมือนเหตุการณ์สั้น ๆ ไม่สำคัญ จนวันหนึ่งเกิดเหตุการณ์เสี้ยวนั้นจริง ๆ และเป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งการเกิดเหตุการณ์จริงไม่ติดใจ แต่การที่ไปรับรู้ได้ถึงความรู้สึกกำลังนึกคิดได้แบบนั้น เขาเรียกอะไรครับ ?
ตอบ : เขาเรียกว่าฝัน ตัวเองก็บอกว่าฝัน ดันถามว่าเรียกว่าอะไร...! การที่ฝันแล้วรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าได้ เขาเรียกว่าทิพจักขุญาณอย่างอ่อน โบราณเรียกว่า เทพสังหรณ์
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-05-2016 เมื่อ 14:43 |
สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#16
|
||||
|
||||
ถาม : ในปัจจุบันมีเทคโนโลยีการคัดเลือกเพศบุตร โดยการคัดตัวอ่อนที่ได้จากการผสมในจานทดลอง แล้วคัดตัวอ่อนที่มีเพศที่ต้องการ จึงนำไปใส่ในมดลูกของเพศหญิง ส่วนตัวอ่อนที่ไม่ต้องการก็จะทิ้งไป การทำอย่างนี้ถือว่าเป็นกรรมปาณาติบาตหรือไม่ครับ ?
ตอบ : รับรองได้ว่าคนถามไม่เคยทำ เขาไม่ได้คัดเลือกเพศของตัวอ่อน แต่เขาคัดเลือกเชื้อที่สามารถทำให้เกิดเพศนั้น ๆ ได้ อย่างเช่น โครโมโซม X โครโมโซม Y ที่จะทำให้เกิดเพศทารก ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชายก็ตาม เขาก็คัดเลือกเฉพาะโครโมโซมที่ทำให้เกิดเพศชายขึ้นมา ยังไม่ทันจะเป็นตัวเป็นตน ถ้าคุณใช้คำว่าตัวอ่อนก็เท่ากับฆ่าสัตว์นะสิ...!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-05-2016 เมื่อ 14:44 |
สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#17
|
||||
|
||||
ถาม : เวลาผมทำกรรมฐานผมชอบลืมตาแล้วภาวนาครับ แล้ววันหนึ่งผมหลับตาภาวนาไปสักพักหนึ่งแล้วลืมตาขึ้นมา ผมสังเกตเห็นเหมือนมีเส้นกรอบสีขาวถัดออกไปเป็นสีดำทึบ ล้อมร่างกายไว้เหมือนเป็นเส้นเขต แบบนี้เรียกว่าอะไรครับผม หรือว่าผมคิดไปเองครับผม ?
ตอบ : คิดไปเองดีไหม ? ฝรั่งเรียกว่าออร่า คนจีนเรียกว่าพลังปราณ คนไทยเรียกอะไรดี ? เรียกว่ารัศมีบุญแล้วกัน มีทุกคนจะมากจะน้อยเท่านั้น สิ่งมีชีวิตทุกประเภทล้วนมีพลังปราณ หรือพลังชีวิตนั้น ๆ แผ่ออกไป เว้นไว้แต่ว่ารู้ได้หรือรู้ไม่ได้เท่านั้น ถาม : สร้างให้เพิ่มหรือลดลงได้ไหมครับ ? ตอบ : สร้างให้เพิ่มได้ แต่ไม่ต้องไปลด ถึงเวลาก็ลดเอง ใกล้ตายเมื่อไรก็ลดเหลือนิดเดียว ถาม : สร้างเพิ่มได้อย่างไรครับ ? ตอบ : ทำสมาธิ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-05-2016 เมื่อ 19:48 |
สมาชิก 188 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#18
|
||||
|
||||
ถาม : ผมได้ภาวนาคาถาท่านปู่ที่ว่า "สหัสสเนตโต เทวินโท ทิพจักขุง วิโสทายิ" ก่อนไปสอบ ๑ วัน ผลคือข้อสอบปรนัย ผมสามารถรู้ว่ากาตรงไหนคือคำตอบ แต่พอมาเป็นข้อสอบอัตนัย ผมมองไปบนกระดาษเป็นตัวหนังสือขึ้นมาแต่ผมอ่านไม่ออก ผมควรจะทำอย่างไรครับ ? หรือผมควรกลับไปภาวนาให้มากขึ้นครับผม ?
ตอบ : ไปเรียน ก.ไก่ ข.ไข่ ใหม่ จะได้อ่านออก...! การใช้คาถาสหัสสเนตโต หรือที่เรียกว่าคาถาท่านปู่พระอินทร์ เขาเอาความรู้สึกที่เกิดขึ้นว่าให้ตอบอย่างไรแล้วให้เขียนไปตามนั้น ไม่ใช่ไปดูตัวหนังสือที่เกิดขึ้น
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-05-2016 เมื่อ 19:49 |
สมาชิก 188 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#19
|
||||
|
||||
ถาม : เวลาไปทำบุญใหญ่ รู้สึกอุปสรรคมากมายผิดปกติ มีตั้งแต่กวนใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปจนถึงเกือบจะเกิดอุบัติเหตุติดกันหลายครั้ง เรื่องแบบนี้คิดไปเอง หรือมีอุปสรรคจริงครับ ?
ตอบ : ถามว่าคิดไปเองหรือเปล่า ทำไมโง่ขนาดนั้นวะ ? เรื่องเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา ดันคิดว่าคิดไปเอง ถ้าสิบล้อทับ ก็คงคิดว่าเราคิดไปเอง เราก็คงจะไม่เป็นอะไรใช่ไหม ?
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-05-2016 เมื่อ 19:49 |
สมาชิก 183 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#20
|
||||
|
||||
ถาม : อาชีวัฏฐมกศีล มีปรากฏในพระไตรปิฎกไหมคะ ?
ตอบ : อาชีวัฏฐมกศีล ก็คือศีลอันมีสัมมาอาชีพเป็นข้อที่แปด ท่านบอกไว้ว่า เว้นจากการฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม พูดโกหก พูดคำหยาบ พูดส่อเสียด พูดเพ้อเจ้อ และ มิจฉาอาชีวะ คือให้หาเลี้ยงชีพในทางที่ชอบ (สัมมาอาชีวะ)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-05-2016 เมื่อ 19:53 |
สมาชิก 189 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|