|
พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) รวมธรรมะจากพระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#1
|
||||
|
||||
โครงการสร้างพระพุทธรูปทองคำ ฉลอง ๖๐ ปี พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมามีโครงการสร้างพระทองคำ ๑ องค์ แต่รอให้อายุ ๖๐ ปีก่อน ถ้าอยู่ไม่ถึงก็พับโครงการไป เพราะว่าพระที่บวชใหม่ปีนี้ ท่านมีความสามารถในการออกแบบเกี่ยวกับสิ่งที่เป็นศิลปวัตถุแบบไทย ๆ อาตมาก็เลยให้ท่านออกแบบบุษบกสำหรับตั้งพระบรมธาตุเขี้ยวแก้ว จะให้ตั้งถาวรเลย พูดง่าย ๆ ก็คือ ไม่ใช่ปีหนึ่งเอาออกมาแค่ ๓ - ๔ ครั้ง ตั้งใจว่าพอทำศาลาใหม่เสร็จ จะตั้งไว้ด้านข้างของพระประธาน แต่ถ้าตั้งบุษบกไว้ด้านหนึ่ง อีกด้านหนึ่งก็ว่าง จึงตั้งใจว่าอีกข้างหนึ่งจะตั้งพระทองคำแทน
ค่อย ๆ เก็บทองด้วยนะ ถึงเวลาจะได้ช่วยกันหล่อ อาตมาก็สะสมไว้ได้หลายบาทแล้ว ช่างบอกว่าทอง ๓๐ กิโลกรัมก็พอ ...(หัวเราะ)... ทองคำกิโลกรัมหนึ่ง ๖๐ กว่าบาท" ถาม : เป็นพระยืนหรือครับ ? ตอบ : พระพุทธรูปยืนปางลีลา ถ้ามาลักษณะนั้นสำหรับอาตมาคือหลวงปู่พระพุทธกัสสปะ เพราะตกลงกันไว้ว่า ถ้าท่านเสด็จมาต้องมาในลักษณะนั้น ไม่อย่างนั้นจะจำท่านไม่ได้ พระองค์ท่านเป็นพระพุทธเจ้าที่เลิศด้วยลาภ ในเมื่อลาภสักการะมากก็ตั้งให้พวกเราบูชาขอพระท่านกันเอาเอง ถ้าอาตมาอยู่ถึง ๖๐ ปี หล่อแน่ ๆ ตอนนี้เก็บทองกันไปก่อน อ้างอิงจาก...เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนกันยายน ๒๕๕๕
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-02-2019 เมื่อ 03:13 |
สมาชิก 115 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ นายกระรอก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "ในส่วนของการสร้างพระพุทธรูปทองคำต้องวางโครงการระยะยาว เพราะว่าถ้าไปรอตอนนั้นบางทีอาจจะทำไม่ไหว ต้องดำเนินการล่วงหน้าจะได้ไม่เครียด
ทองคำที่หล่อพระต้องใช้ประมาณ ๔๐ กิโลกรัม ทอง ๔๐ กิโลกรัมนี่เททิ้งไปเป็นครึ่ง เพราะว่าเขาต้องต่อท่อชนวน เพื่อจะให้น้ำทองแล่นถึงกันให้ทั่ว ถ้าไม่มีชนวนก็จะเป็นฟองอากาศ กลวงโบ๋อยู่ข้างใน ทองส่วนที่เททิ้งไปนั่นแหละเยอะมาก ก็เลยกลายเป็นว่าต้องใช้เงินเป็น ๑๐ ล้านบาท เรามีเวลาดำเนินการแค่ ๖ ปี ได้เงินปีละล้านยังไม่พอใช้จ่ายเลย อาตมาไม่ค่อยชอบเสี่ยงอะไร เพราะแก่แล้ว..เหนื่อย..เอาแบบประกันความเสี่ยงดีกว่า ค่อย ๆ เก็บสะสมไปก็แล้วกัน สมัยหลวงปู่พุก อดีตเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน ท่านก็มีพระพุทธรูปรัชกาล ๒ องค์ กับธรรมาสน์ทรงบุษบกฝีมือช่างหลวง ซึ่งในหลวงรัชกาลที่ ๗ พระราชทานให้ เป็นผลงานที่อยู่ยั้งยืนยงมาจนทุกวันนี้ ถ้าเราจัดพิพิธภัณฑ์ก็ต้องบันทึกไว้ว่าในหลวงรัชกาลที่ ๗ ถวายแก่หลวงปู่พุก สมัยหลวงปู่เต๊อะเน็งท่านร่วมกับหลวงพ่ออุตตะมะ สร้างมณฑปประดิษฐานพระพุทธบาทสี่รอยจำลอง มาชำรุดหมดสภาพสมัยท่านอาจารย์สมเด็จ อาตมาเพิ่งบูรณะขึ้นมาใหม่ นี่ก็เป็นผลงานคู่วัดของท่าน พอมาถึงสมัยหลวงปู่สาย ท่านสร้างเจดีย์พระพุทธเจติยคีรี บรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้บนยอดเขา เป็นเจดีย์ที่คนทั้งอำเภอต้องมาไหว้ แล้วก็สร้างสะพานแขวนหลังวัด นั่นก็เป็นผลงานชั่วฟ้าดินสลายของท่านเหมือนกัน พอมารุ่นของท่านอาจารย์สมเด็จฯ สร้างพระเจดีย์ ๘๔ พรรษา สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ก็อยู่ยั้งยืนยงมาจนทุกวันนี้ สมัยท่านอาจารย์สมพงษ์ ก็ร่วมมือกับท่านป๊อบช่วยกันสร้างสมเด็จองค์ปฐม ๘ ศอกบนยอดเขา ถึงแม้จะไม่สำเร็จเสร็จสิ้นเรียบร้อย ทำให้อาตมาต้องควักจ่ายไปหลายแสนถึงจะเสร็จก็ตาม แต่ถือว่าเป็นผลงานในยุคของท่าน พอมาถึงรุ่นของอาตมา ต้องมาปรับปรุงของเก่า ของใหม่ที่จะทำก็ต้องดูสถานที่ เพราะบางวัดสร้างถาวรวัตถุแล้วไม่ได้ดูสถานที่ ทำจนรกรุงรังไปหมด ท้ายสุดก็เลยคิดว่า ถ้าอยู่ถึง ๖๐ ปีก็หล่อพระทองคำสักองค์หนึ่งไว้ให้เขาบูชาตลอดไป ให้เป็นพระสำคัญคู่วัดท่าขนุนอีกหนึ่งองค์ ผลงานของอาตมาอย่างน้อย ๆ สมเด็จองค์ปฐม ๒๑ ศอกนี่มีแล้วแน่ ๆ ใครอยากไหว้องค์ใหญ่ก็ข้างหน้าถนน อยากไหว้องค์เล็กก็เข้าไปในวัด จบแค่นั้น บูรณะเสร็จสรรพทุกอย่างเรียบร้อยก็นอนตีพุงได้ ไม่อย่างนั้นไม่มีโอกาสตีพุงเสียที ทำแต่งานจนพุงหายหมด..!" อ้างอิงจาก...เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๕
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-02-2019 เมื่อ 03:16 |
สมาชิก 103 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ นายกระรอก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
พระพุทธพลังจิตทองคำ จัดสร้างโดยชมรมโมทนาบุญ เว็บพลังจิต เพื่อฉลอง ๒,๖๐๐ ปี พุทธชยันตี น้ำหนักรวม ๒๖ บาท พระอาจารย์กล่าวว่า "พระพุทธพลังจิตทองคำเป็นแรงบันดาลใจให้อาตมาสร้างพระทองคำบ้าง อาตมาจึงตั้งโครงการจะสร้างพระทองคำฉลองอายุ ๖๐ ปี สอบถามช่างแล้วเขาบอกว่าใช้ทองคำประมาณ ๔๐ กิโลกรัม เริ่มสะสมตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ทองคำเป็นโลหะที่มีน้ำหนักมาก ถ้าเอาเงินกับทองมาเปรียบกัน ทองคำจะหนักกว่าเกือบสองเท่า ทองคำ ๒ บาทปริมาณจะเท่ากับเงิน ๑ บาท พระทองคำที่จะสร้างกำลังตัดสินใจอยู่ ๒ แบบ คือ สมเด็จองค์ปฐมแบบพระพุทธชินราช อีกแบบหนึ่งเป็นพระพุทธลีลาประทานพรแบบหลวงพ่อพระประธานพุทธมณฑล แต่คราวนี้พระปางลีลาช่างคำนวณทองคำไม่ถูก เขาเคยแต่หล่อพระนั่ง พระยืนช่างยังคำนวณทองคำไม่ได้ ตอนนี้หัวหงอกไปแล้ว เขาบอกว่าอาจจะต้องหล่อเงินสักองค์หนึ่งก่อน เพื่อที่จะได้คำนวณได้ว่าใช้ทองประมาณเท่าไร ถ้าหล่อเงินอีกสักองค์อาตมาก็หมดอีกเป็นล้าน วันก่อนคำนวณคร่าว ๆ ว่า โครงการนี้น่าจะต้องใช้เงินถึงสามสิบล้านเศษ ๆ" อ้างอิงจาก...เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๕
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-02-2019 เมื่อ 03:17 |
สมาชิก 105 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ นายกระรอก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องของการหล่อพระพุทธรูปทองคำ เมื่อวานกำลังนั่งรับสังฆทานอยู่ ท่านทำภาพให้เห็นลักษณะเหมือนกับพระพุทธรูปไม่มีพระเกตุมาลา ก็เลยกำหนดใจถามว่าหมายความว่าอย่างไร ? ท่านบอกว่าถ้าหล่อพระลักษณะนี้เราจะได้สร้างเครื่องทรงถวายด้วย ถ้าเอาลักษณะอย่างนั้นจะเสร็จเร็วเลย ไม่ต้องใช้ทองคำถึง ๔๐ กิโลกรัม ตอนแรกตั้งใจจะหล่อเป็นแบบพระพุทธชินราชก็คือสมเด็จองค์ปฐมปางพระพุทธชินราช หน้าตัก ๑๐ นิ้ว ต้องใช้ทองคำประมาณ ๔๐ กิโลกรัม แต่ถ้าเป็นทรงอย่างที่ท่านว่ามาหน้าตัก ๑๐ นิ้ว ใช้ทองไม่กี่กิโลกรัมหรอก อย่างเก่งก็ ๑๐ กว่ากิโลกรัมเท่านั้น แล้วเราค่อยไปสร้างเครื่องทรงถวายทีหลัง ตีเสียว่าถ้าอายุ ๖๐ ปีสร้างองค์ท่าน แล้วอายุ ๗๒ ปี ถ้าตะกายอยู่ไปถึง ก็สร้างเครื่องทรงถวายท่านอีกรอบ อาตมารู้จักช่างที่สร้างเครื่องทรงถวายพระแก้วมรกตด้วย เดี๋ยวจะลองถามดูว่าจะเอากี่สิบล้าน ความภูมิใจชีวิตของเขาก็คือได้รับความไว้วางพระราชหฤทัย สร้างเครื่องทรงถวายพระแก้วมรกต แต่อาตมาดู ๆ แล้วพระทรงเครื่องถ้าจะเอาสวย ต้องทรงเครื่องฤดูร้อน แต่ถ้าจะเอาแพงต้องฤดูหนาว แต่ไม่เป็นไร..เป้าหมายยังไม่เปลี่ยน เดี๋ยว ๖๐ ปีแล้วค่อยสร้าง หาช่างปั้นหุ่นฝีมือดี ๆ ก่อน ตอนนี้ช่างปรัชญ์ค่าตัวแพง หุ่นละหนึ่งแสนบาท..!" อ้างอิงจาก...เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนมกราคม ๒๕๕๖
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-02-2019 เมื่อ 09:03 |
สมาชิก 85 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ นายกระรอก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "เงินที่ญาติโยมถวายมาเพื่อร่วมสร้างพระทองคำ ตอนนี้อาตมาใช้เกินบัญชีไปแล้ว รวม ๆ แล้วซื้อทองไป ๔๐๐ บาทแล้ว ต้องบอกว่าเพื่อประเทศชาติและประชาชน จะฉิบหายเท่าไรก็ช่าง สร้างให้ได้แล้วกัน เพราะท่านยืนยันว่าถ้าสร้างพระองค์นี้เสร็จเมื่อไร สถานการณ์ของประเทศชาติจะอยู่ในลักษณะฟ้าแจ้งจางปาง จะไม่รวยได้อย่างไร ขนาดพระยังสร้างด้วยทองตั้ง ๔๐ กิโลกรัม ชาวบ้านเขาจะได้รวยกันบ้าง แต่กว่าจะได้สร้างก็ปี ๒๕๖๒"
ถาม : สร้างปีนี้เลยสิครับ ? ตอบ : หามาสิ..ถ้าครบ ๔๐ กิโลกรัม จะสร้างให้ปีนี้เลย..! อ้างอิงจาก...เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๖
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-02-2019 เมื่อ 09:04 |
สมาชิก 93 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ นายกระรอก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#6
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "แจ้งให้ญาติโยมได้ทราบว่า มณฑปทรงวิมานสำหรับตั้งพระพุทธรูปทองคำเสร็จสรรพเรียบร้อยแล้ว ในงบประมาณ ๑๒,๕๐๐,๐๐๐ บาท พระที่ตั้งอยู่นั้น ตั้งให้รู้ว่ามีพระพุทธรูปอยู่ตรงไหนบ้าง องค์จริงจะเริ่มหล่อประมาณช่วงวันมาฆบูชาปีหน้า
ตอนแรกอาตมาว่าทางซ้ายขวาจะตั้งพระพุทธรูปรัชกาล ที่ในหลวงรัชกาลที่ ๗ พระราชทานให้กับวัดท่าขนุนตั้งแต่ปี ๒๔๗๒ แต่ว่าพระพุทธรูปนั้นมีการลงรักปิดทองแบบเก่า รักก็ลอกแล้ว ถ้าดูเป็นของเก่านี่จะขลังมาก แต่ถ้านิมนต์ขึ้นไปอยู่ข้างบน ตรงกลางเป็นพระทองคำแต่ ๒ ข้างจะเป็นพระกระดำกระด่าง อาตมาปรึกษาช่างแล้ว ก็เลยตั้งใจว่าหล่อพระใหม่เป็นสามองค์สามกษัตริย์ ทอง นาก เงิน ไปเลยดีกว่า ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็ต้องหล่อปีละองค์ คือ ปีหน้าหล่อองค์นาก ปีถัดไปหล่อองค์เงิน แล้วปีสุดท้ายอาตมาอายุ ๖๐ ปีพอดี ค่อยหล่อองค์ทองคำ เราก็จะมีหลวงพ่อสามกษัตริย์ให้ได้กราบไหว้กันให้ชื่นใจ ส่วนช่วงล่างด้านหน้า อาตมาให้ช่างทำแท่นตั้ง สำหรับตั้งพระพุทธรูปพระราชทานของในหลวงรัชกาลที่ ๗ เอาไว้ใกล้ ๆ ตาของพวกเราเลย ให้กราบไหว้กันใกล้ ๆ จะได้ทราบว่าอดีตเจ้าอาวาส คือ หลวงปู่พุก อุตฺตมปาโลนั้น ท่านเป็นครูบาอาจารย์ที่มีชื่อเสียงถึงขนาดในรั้วในวังรู้จัก" อ้างอิงจาก...เก็บตกงานทำบุญครบรอบวันมรณภาพหลวงปู่สาย อคฺควํโส ปีที่ ๒๔
๑๔ กันยายน ๒๕๕๙ แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-02-2019 เมื่อ 09:04 |
สมาชิก 94 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ นายกระรอก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#7
|
||||
|
||||
พระแก้วมรกต ศิลปะภาคกลาง ต้นแบบหลวงพ่อทองคำ ที่มาภาพ : คุณอักษรชนนี พระพุทธทักษิณมิ่งมงคล ศิลปะภาคใต้ ต้นแบบหลวงพ่อนาก ที่มาภาพ : กรมการศาสนา พระพุทธสิหิงค์ ศิลปะภาคเหนือ ต้นแบบหลวงพ่อเงิน ที่มาภาพ : วิกิพีเดีย พระอาจารย์กล่าวว่า “การหล่อพระเพื่อประจำบุษบกทรงวิมานที่วัดท่าขนุน อาตมาจะหล่อปีละองค์ ปีหน้าหล่อองค์นากก่อน ปีถัดไปก็องค์เงิน พออาตมา ๖๐ ปีก็องค์ทองคำพอดี ตอนแรกว่าจะหล่อทองคำองค์เดียว อีก ๒ องค์จะเอาพระพุทธรูปรัชกาลที่ในหลวงรัชกาลที่ ๗ พระราชทานให้กับทางวัดท่าขนุนมาตั้ง ปรากฏว่าพยายามดูอย่างไรก็ไปกันไม่ได้ เพราะว่าพระพุทธรูปรัชกาลนั้นลงรักปิดทองมา แล้วก็มีหลุดลอก ในสายตาของคนชอบวัตถุโบราณก็คือสวย แต่ถ้าขึ้นไปเข้าคู่กับพระทองคำ ๒ ข้างก็จะดูกระดำกระด่าง จึงสั่งช่างให้ทำแท่นเอาไว้ด้านหน้า ให้อยู่ใกล้ ๆ ใครไปกราบไปไหว้จะได้เห็นชัด ๆ ไปเลย ส่วนบนบุษบกก็เลยเอาพระพุทธรูป ๓ กษัตริย์ ทอง นาก เงิน ไปเลย ปรึกษาช่างแล้ว บอกช่างว่าอยากได้ศิลปะขนมต้มแบบศรีวิชัยองค์หนึ่ง ให้ดูตัวอย่างจากพระพุทธทักษิณมิ่งมงคลที่พุทธอุทยานเขากง จังหวัดนราธิวาส ช่างบอกว่าอย่างนั้นอีกองค์หนึ่งควรจะเป็นภาคเหนือ ก็เลยตั้งใจว่าถ้าไม่ใช่พระที่เป็นศิลปะเชียงแสนก็จะถอดแบบพุทธสิหิงค์มาเลย ส่วนตรงกลางคือพระแก้วมรกตของภาคกลางอยู่แล้ว เป็นเหนือ กลาง ใต้พอดี ถือว่าลงตัวโดยไม่เจตนา ของทุกอย่างเหมือนกับท่านเตรียมเอาไว้ เพียงแต่ว่าเมื่อไรเราจะตามทันเท่านั้นเอง” อ้างอิงจาก...เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนกันยายน ๒๕๕๙
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-03-2019 เมื่อ 01:59 |
สมาชิก 78 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ นายกระรอก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#8
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "แจ้งให้ญาติโยมที่ร่วมสร้างพระพุทธรูปทองคำทราบ ไม่ว่าจะเป็นท่านที่จะถวายเงินสด ทองรูปพรรณ หรือทองคำแท่งมาก็ตาม พระพุทธรูปทองคำของเราช่างออกแบบมาหน้าตัก ๒๑ นิ้ว ใหญ่กว่าเดิม ๕ นิ้ว เพิ่มทองขึ้นอีก ๔๐ กิโลกรัมเท่านั้น...! หน่อยเดียว...ต้องการทองคำอีกสองพันกว่าบาทเอง
ยังโชคดีที่ช่างทำบุษบกได้ทำดาวเพดานรูปบัวบานยื่นลงมาเกือบคืบ ไม่อย่างนั้นแล้วหน้าตักพระจะใหญ่กว่านั้นอีก เพราะว่ามีพื้นที่ให้ไปได้ ...(หัวเราะ)... ท่านที่ตั้งใจสร้างพระพุทธรูปทองคำ หน้าตัก ๑๖ นิ้ว โปรดทราบว่าได้กำไรเพิ่มขึ้นมาก เพราะองค์พระจากหน้าตัก ๑๖ นิ้ว กลายเป็นหน้าตัก ๒๑ นิ้ว ช่างแนะนำว่าให้สร้างเครื่องทรงติดองค์พระแล้วหล่อทีเดียวไปเลย จากที่อาตมาตั้งใจว่าจะหล่อองค์พระก่อน แล้วสร้างเครื่องทรงถวายทีหลัง แต่ถ้าช่างเป็นคนละคนกัน บางทีการออกแบบไปกันไม่ได้ก็จะดูหลอกตากัน แต่ถ้าเพิ่มเครื่องทรงขึ้นมาก็อาจจะต้องเพิ่มทองขึ้นมาอีก ยังมีเวลาอยู่ ๒ ปี เดี๋ยวค่อย ๆ หาไป ถ้าทองคำแพงค่อยซื้อเอา แต่ถ้าถูก ๆ อาตมาจะรอโยมถวาย..! จากที่อาตมาตั้งใจจะหล่อพระสามกษัตริย์ ก็คือ เงิน นาก และทองคำ โดยตั้งใจจะหล่อหลวงพ่อนากก่อน มีผู้รู้ท่านแนะนำให้หล่อหลวงพ่อเงินก่อน จากเงินไปนาก จากนากไปทองคำ ถือเคล็ดว่ามีแต่เจริญขึ้นไปเรื่อย ๆ เอาอานิสงส์ให้พวกเรารวยขึ้นไปเรื่อย ๆ" พระอาจารย์กล่าวว่า "แจ้งให้ญาติโยมทั้งหลายทราบทั่วกัน โดยเฉพาะกองทุนลูกพระราชพรหมยาน ที่ร่วมสร้างพระพุทธรูปทองคำหน้าตัก ๑๖ นิ้วกับอาตมา ช่างเพิ่งจะไปสำรวจพื้นที่และร่างแบบคร่าว ๆ มา จึงแจ้งข่าวดีให้ทราบว่าหน้าตักพระพระพุทธรูปทองคำ จาก ๑๖ นิ้วกลายเป็น ๒๑ นิ้ว ต้องเพิ่มทองคำอีก ๔๐ กิโลกรัม..! เพิ่งจะมีผู้ตั้งใจถวายทองคำในงานกฐินวัดท่าขนุนปีนี้ เขาปวารณาไว้ว่าขาดร้อยกิโลกรัมเท่าไร เขาจะถวายให้เต็มพอดีซึ่งยังขาดอยู่ ๒๔๐ กว่าบาท พอดีช่างเพิ่งจะไปร่างแบบเมื่อวานซืนนี้ อาตมาเองก็ปีนขึ้นมณฑปไปดูด้วย ช่างเอาโฟมขึ้นไปเกลาข้างบน ร่างให้ขนาดพอดี ได้หน้าตัก ๒๑ นิ้วมาแทน จากที่ตั้งใจไว้ ๑๖ นิ้ว สรุปก็คือฐานใหญ่ขึ้น ถ้าหากขยายขึ้นมา ๕ นิ้วตลอดทั้งองค์ น้ำหนักก็เพิ่มขึ้นมาอีกประมาณ ๔๐ กิโลกรัม เครื่องทรงของพระพุทธรูปทองคำ ท่านอาจารย์สุชาติแนะนำว่า ให้ปั้นเป็นเครื่องทรงติดกับองค์พระ แล้วหล่อทีเดียวไปเลย ท่านบอกว่าถ้าใช้ช่างหลายฝีมือแล้วจะหลอกตากัน หลอกตานี่คือ สายตาช่างมองดูออกว่าคนละฝีมือ เข้ากันไม่ได้ เวลาทำส่วนใหญ่ก็ปั้นหุ่นดินก่อน พอเกลาได้ขนาดแล้วก็ปั้นหุ่นขี้ผึ้ง หลังจากปั้นหุ่นขี้ผึ้งดูเป็นที่พอใจแล้วจะพอกหุ่น แล้วสุมไฟสำรอกขี้ผึ้งออก องค์แรกที่จะหล่ออาตมาตั้งใจว่าเป็นเนื้อนาก มีผู้รู้ท่านบอกว่าให้หล่อองค์เงินก่อน เงิน นาก ทอง จะได้ก้าวสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ" อ้างอิงจาก...เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนตุลาคม ๒๕๕๙
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-03-2019 เมื่อ 01:59 |
สมาชิก 72 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ นายกระรอก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#9
|
||||
|
||||
วันจันทร์ที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๐
งานหล่อหลวงพ่อเงิน หน้าตัก ๒๕ นิ้ว วิดีโอบรรยากาศงานหล่อหลวงพ่อเงิน โดย ชมรมโมทนาบุญ เว็บพลังจิต หลวงพ่อเงิน แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย นายกระรอก : 02-03-2019 เมื่อ 01:03 |
สมาชิก 69 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ นายกระรอก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#10
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาเองกำลังสร้างหลวงพ่อ ๓ กษัตริย์ คือมีพระพุทธรูปทองคำ พระพุทธรูปนาก และพระพุทธรูปเนื้อเงิน เพื่อให้มีพระสำคัญของอำเภอทองผาภูมิ หรือของจังหวัดกาญจนบุรี เกิดขึ้นจากแนวคิดที่ว่าจังหวัดกาญจนบุรีของเราเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญมาก แต่ไม่มีพระพุทธรูปสำคัญซึ่งเป็นที่รู้จักกันทั่วประเทศเลย
พระพุทธรูปบางองค์อย่างหลวงพ่อดำ วัดตะคร้ำเอน หรือว่าหลวงพ่อ ภปร. ที่ในหลวงพระราชทานให้อยู่ที่ศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี ก็ไม่ได้เป็นที่รู้จักกันทั่ว ในเมื่อไม่มี เราก็ต้องสร้างให้มีขึ้นมา อาตมาจึงได้ลงทุนสร้าง ตอนนี้ก็ได้หลวงพ่อเงินแล้ว ๑ องค์ หล่อขึ้นมาจากเม็ดเงิน ๑๕๐ กิโลกรัม ประดิษฐานอยู่ในมณฑปที่ศาลา ๑๐๐ ปีหลวงปู่สาย ปีหน้าช่วงประมาณวันมาฆบูชาจะหล่อพระพุทธรูปนาก หรือหลวงพ่อนาก ซึ่งจะใช้เนื้อนากประมาณ ๑๖๐ กิโลกรัม แล้วปี ๒๕๖๒ จะหล่อหลวงพ่อทองคำ เพื่อฉลองอายุ ๖๐ ปีของอาตมาเอง ใช้ทองคำ ๑๔๐ กิโลกรัม ตอนนี้อาตมามีอยู่ ๑๐๓ กิโลกรัมแล้ว มีเวลาอีก ๒ ปีกับทองคำแค่ ๓๗ กิโลกรัม เป็นเรื่องเล็ก...หาได้ไม่ยาก เมื่อหล่อเสร็จแล้วอาตมาตั้งใจว่า จะให้มีการแห่สมโภชประจำปี ซึ่งตอนนี้ดูเอาไว้ว่าเราจะแห่ช่วงไหน ก็มีช่วงลอยกระทง ซึ่งเป็นเทศกาลท่องเที่ยวอย่างหนึ่ง ทางด้านวัดท่าขนุนมีกิจกรรมในวันลอยกระทงน้อย นอกจากทำบุญใส่บาตรแล้วก็วางผางประทีป ถ้าหากว่าในช่วงว่างเรามาแห่หลวงพ่อทองคำอวดชาวบ้าน อวดคนต่างจังหวัดและอวดชาวโลกเขา ให้รู้ว่าเรามีพระพุทธรูปสำคัญราคาแพงขนาดนี้อยู่ที่ทองผาภูมิของเรา ถึงเวลาคนจะมาไหว้พระขอพร ถ้าหากว่ามามากเท่าไร ก็สร้างรายได้ให้กับท้องถิ่นของเรามากเท่านั้น เรื่องนี้อาตมาได้ปรึกษากับท่านนายกเทศมนตรีตำบลทองผาภูมิ คือท่านประเทศ บุญยงค์แล้ว ว่าถ้าหากถึงเวลาแล้ว ขอให้ทางเทศบาลจัดขบวนแห่ ทางวัดท่าขนุนจะเสี่ยงดวงเอาหลวงพ่อทองคำมาให้แห่ คำว่าเสี่ยงดวงคือเผื่อมีคนปล้น เราก็จะแห่ของเราอย่างนี้ทุกปี ให้คนรู้ว่าถึงเทศกาลนี้จะมีการแห่หลวงพ่อทองคำ คาดว่าไม่เกิน ๓ ปีก็จะติดตลาด และกลายเป็นแหล่งเที่ยวอีกแห่งหนึ่ง" อ้างอิงจาก...เก็บตกงานสงกรานต์ ๑๓-๑๕ เมษายน ๒๕๖๐
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-03-2019 เมื่อ 02:01 |
สมาชิก 81 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ นายกระรอก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#11
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องการหล่อพระพุทธรูปวัดท่าขนุน ถ้าตามที่พระท่านสั่ง ก็คือหล่อหลวงพ่อทองคำองค์เดียว แต่คราวนี้ระยะเวลาดำเนินการนานมาก เพราะว่าเริ่มโครงการปี ๒๕๕๖ จนถึงปัจจุบันนี้ก็ปีที่ ๕ จะขึ้นปีที่ ๖ อยู่แล้ว อาตมาจึงทำการหล่อพระเนื้ออื่นไปด้วย
เรื่องของหลวงพ่อทองคำ พอจะเอาพระพุทธรูปที่ในหลวงรัชกาลที่ ๗ พระราชทานให้หลวงปู่พุกไว้ที่วัดท่าขนุน ๒ องค์ตั้งซ้ายขวา พอลองเอาประกบเข้าไปแล้วดูไม่ได้เลย เนื่องจากว่าพระพุทธรูปรัชกาลลงรักปิดทองมาระยะเวลายาวนานหลายสิบปี จึงล่อนจนกระดำกระด่างหมดแล้ว จึงตัดสินใจว่า จะทำแท่นถวาย ๒ องค์ท่านต่างหาก ส่วนด้านบนเพื่อจะให้เสมอกันก็ควรจะเป็นพระที่หล่อใหม่เหมือนกัน จึงตัดสินใจหล่อหลวงพ่อนากกับหลวงพ่อเงินเพิ่มขึ้นมาอีก ๒ องค์ เป็นโครงการทำงานที่นานมากสำหรับอาตมา ไม่เคยวางโครงการอะไรหลายปีขนาดนี้มาก่อนเลย กราบเรียนถามพระท่านว่า "ถ้าได้ทองพอแล้วหล่อเลยได้ไหม ?" ท่านบอกว่า "ไม่ได้..ต้องตามเวลา" เพราะว่าพระพุทธรูปองค์นี้ถ้าหากว่าหล่อเสร็จ สถานการณ์บ้านเมืองของเราจะค่อย ๆ ดีขึ้นไปเรื่อย ๆ พูดง่าย ๆ คือจะเป็นขาขึ้น แต่ตอนนี้ต้องปล่อยให้ลงไปก่อน" อ้างอิงจาก...เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนมกราคม ๒๕๖๑
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-03-2019 เมื่อ 02:38 |
สมาชิก 59 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ นายกระรอก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#12
|
||||
|
||||
พูดถึงเรื่องหล่อพระ "หล่อออกมา ๒ องค์แล้วสถานการณ์บ้านเมืองจะดีขึ้นเรื่อย ๆ พอองค์ที่ ๓ ก็เริ่มเงยหน้าอ้าปากได้แล้ว"
ถาม : ขโมยยกไปไม่ไหว ? ตอบ : เป็นเรื่องยากมาก มั่นใจว่าถ้าเป็นยุคหลังนี่ ก็คงเป็นวัดท่าขนุนที่สร้างพระทองคำองค์ใหญ่ที่สุด ส่วนใหญ่ก็ทำกันเล็ก ๆ ๕ นิ้ว ๙ นิ้ว เล่นกันที ๒๑ นิ้ว น้ำหนัก ๑๐๐ กว่ากิโลกรัมไม่ใช่เรื่องง่ายนะ แล้วที่สงสัยมาตั้งแต่แรกก็คือโครงการหลายปี กราบเรียนถามหลวงพ่อ กราบเรียนถามพระท่านว่า ถ้าหากว่าเราได้ทองครบก่อน จะทำก่อนได้ไหม ? ท่านบอกว่าไม่ได้ เพราะว่าองค์นี้ทำขึ้นมาเพื่อค้ำจุนสถานะของประเทศที่ตกต่ำ ต้องเป็นช่วงนั้นถึงจะดีขึ้น ผิดวาระไปก็ไม่มีประโยชน์ พอทำแล้วก็เลยเถิดกลายเป็นหลวงพ่อ ๓ กษัตริย์ไปเลย จังหวัดกาญจนบุรีไม่มีพระสำคัญชนิดที่คนเขารู้จักกันทั่วประเทศ มีพระพุทธนวราชบพิตรก็เก็บเงียบอยู่ที่ศาลากลางจังหวัด ร้อยวันพันปีจะหลุดออกมาที แล้วก็ไม่ได้ประกาศเป็นสาธารณะ พระพุทธนวราชบพิตรออกมา ๒ ครั้งล้วนแล้วแต่งานหลวง ก็คือเสกน้ำศักดิ์สิทธิ์ถวายในหลวงรัชกาลที่ ๙ อีกองค์หนึ่งคือหลวงพ่อดำ วัดตะคร้ำเอน ส่วนใหญ่จะรู้จักกันในจังหวัด พอออกไปจังหวัดอื่นก็ไม่รู้แล้ว ถ้าเราสร้างหลวงพ่อทองคำขึ้นมา เมื่อคนรู้จักกันมากขึ้น ต่อไปก็กลายเป็นแหล่งเที่ยวอีกอย่างหนึ่งของจังหวัดได้ ปัจจุบันนี้วัดท่าขนุนเป็น ๑ ใน ๙ วัดที่ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยแนะนำให้ว่า ไปไหว้พระ ๙ วัดที่จังหวัดกาญจนบุรี คราวนี้ถ้าเราสร้างพระเงิน พระนาก พระทองคำเสร็จ การท่องเที่ยวช่วยโฆษณากลายเป็นแหล่งเที่ยว จะสร้างรายได้ให้กับท้องถิ่นอีกเยอะ ทำแล้วประโยชน์ได้แก่คนส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องที่น่าทำ ส่วนของพวกเราก็ได้ในส่วนของบุญกุศล เรื่องของพุทธานุสติ หลวงพ่อวัดท่าซุงบอกแล้วว่า การสร้างสมเด็จองค์ปฐม ถ้าไม่ทำอนันตริยกรรมนี่ลงอบายภูมิยาก พระยายมราชจะพยายามช่วยสุดชีวิต ถ้าเอ็งลงได้ ถือว่าเซียนจริง ๆ ขนาดเซ่นพัสดีใหญ่แล้วยังลงได้อีกก็สมควรแล้ว...! แต่ว่าสมเด็จองค์ปฐมทองคำจะหล่อเป็น ๒ องค์ องค์แรกจะดูว่าใช้โลหะอะไรถึงเหมาะสม เพราะว่าต้องมีการแห่ทุกปี ก็คือเมื่อสร้างแล้วจะจัดงานสมโภชแห่กันทุกปี เท่ากับว่าเป็นการโฆษณาการท่องเที่ยวด้วย คราวนี้เท่าที่ดูไว้ก็น่าจะเป็นช่วงลอยกระทง แต่ว่าทองผาภูมิจะมีงานถนนคนนั่งยองส่งท้ายปี ก็อาจจะไปร่วมกันช่วงนั้นอีกก็ได้ ได้คุยกับทางนายกเทศมนตรีล่วงหน้าไว้หลายปีแล้ว พอถึงเวลาแล้วเป็นชื่อเสียงของอำเภอเรา ทางวัดสร้างพระทองคำ ทางเทศบาลช่วยจัดขบวนแห่ก็แล้วกัน ปรากฏว่าปัจจุบันอาตมาเองเป็นประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอทองผาภูมิ กลายเป็นงานของสภาวัฒนธรรมก็ได้ ฉะนั้น...ในส่วนของงบประมาณก็สามารถที่จะสั่งจ่ายได้ ทุกอย่างก็ง่ายขึ้น ลงตัวขึ้น ถ้าปีไหนสนุกขึ้นมาก็เลิกแห่ด้วยรถ ไปเช่าช้างสัก ๙ เชือก ๑๐ เชือกมาแห่กัน ของพวกนี้บางอย่างเราต้องสร้างจุดขายขึ้นมาเอง แม้ว่าในเรื่องของพระพุทธศาสนาก็เหมือนกัน บ้านเราเมืองเราพระพุทธศาสนาอยู่ในลักษณะตั้งรับมาตลอด ก็คืออยู่แต่ในวัดให้คนไปหา ทำอย่างไรที่เราจะดึงให้คนเข้าวัดโดยอัตโนมัติได้ ถ้าไม่สามารถออกไปหาเขาได้ ก็ต้องหาทางดึงเขาเข้าวัดมาให้ได้ อ้างอิงจาก...เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนมกราคม ๒๕๖๑
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-03-2019 เมื่อ 02:40 |
สมาชิก 64 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ นายกระรอก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#13
|
||||
|
||||
วันอาทิตย์ที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๑
งานหล่อหลวงพ่อนาก หน้าตัก ๒๕ นิ้ว วิดีโอบรรยากาศงานหล่อหลวงพ่อนาก โดย ชมรมโมทนาบุญ เว็บพลังจิต หลวงพ่อนาก |
สมาชิก 59 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ นายกระรอก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#14
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "การหล่อพระพุทธรูปของทางวัดท่าขนุนนั้น แต่เดิมอาตมาตั้งใจหล่อพระทองคำองค์เดียว แต่ปรากฏว่าเมื่อสร้างมณฑปขึ้นมา ตั้งใจนำพระพุทธรูปซึ่งในหลวงรัชกาลที่ ๗ พระราชทานให้กับทางวัดท่าขนุน ๒ องค์ มาประกบคู่กับหลวงพ่อทองคำก็ไปกันไม่ได้ เพราะว่าพระพุทธรูปเก่านั้นลงรักปิดทองมา สีสันค่อนข้างจะกระดำกระด่าง ก็เลยทำให้ไม่สามารถที่จะวางให้เข้ากันได้ จึงตั้งใจหล่อพระเนื้อนากกับเนื้อเงินเพิ่มเติมขึ้นมา เพื่อจะได้ดูแล้วเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
ในส่วนของพระเนื้อนากกับพระเนื้อเงินที่หล่อเพิ่มเติมขึ้นมา ก็เพราะว่าในส่วนของพระพุทธรูปทองคำนั้น พระท่านให้หล่อปี ๒๕๖๒ ก็คือปีหน้า เป็นการทำโครงการล่วงหน้าถึง ๗ ปีด้วยกัน ในเมื่อมีการหล่อพระเนื้อเงินและเนื้อนากขึ้นมา ก็เท่ากับว่าเป็นการคั่นกลางในระหว่างที่ยังไม่ได้หล่อหลวงพ่อทองคำ อีกประการหนึ่งก็คือ จังหวัดกาญจนบุรีนั้นเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ มีนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศมากันเป็นจำนวนมาก แต่ไม่มีพระพุทธรูปสำคัญซึ่งเป็นที่รู้จักกันทั้งประเทศแม้แต่องค์เดียว พระพุทธรูปสำคัญที่มีอยู่อย่างเช่นหลวงพ่อพระพุทธนวราชบพิตรก็ดี หรือว่าหลวงพ่อดำ วัดตะคร้ำเอนก็ตาม หลวงพ่อพระพุทธนวราชบพิตรเก็บอยู่ที่ศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี อาตมามาเป็นลูกเมืองกาญจน์นี้ ๒๕ ปีเต็ม ๆ แล้ว เพิ่งได้เห็นครั้งเดียว เพราะว่าถ้าไม่มีงานสำคัญเขาก็ไม่เอาออกมาให้กราบไหว้กัน ส่วนหลวงพ่อดำ วัดตะคร้ำเอนนั้น ท่านก็ดังเฉพาะในพื้นที่ ไปจังหวัดอื่นเขาก็ไม่รู้จัก อาตมาเองเป็นคนประเภทที่ว่า ในเมื่อไม่มีเราก็ทำเองเสียเลย ตอนแรกคำนวณออกมาแล้วว่า จะต้องใช้ทองคำจำนวนกี่กิโลกรัม คิดเป็นเงินแล้วตกประมาณ ๑๕๐ ล้านบาท คิดว่าไม่เกินความสามารถที่จะทำได้ คราวนี้มีหลวงพ่อเงินกับหลวงพ่อนากคั่นกลางขึ้นมา ก็ยิ่งมีรายจ่ายเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะมณฑปประดิษฐานพระพุทธรูปทั้ง ๓ องค์นั้น ผลิตโดยกลุ่มช่างซึ่งไปสร้างพระเมรุมาศถวายในหลวงรัชกาลที่ ๙ โยมจะเห็นว่าเขาทำได้สวยงามมาก เฉพาะมณฑปอย่างเดียวราคา ๑๒ ล้าน ๕ แสนบาท สรุปว่าถ้าสร้างพระพุทธรูป ๓ กษัตริย์ ทองคำ นาก เงินเสร็จสรรพเรียบร้อย ภายในศาลานี้ก็จะประกอบไปด้วยสิ่งสำคัญที่มีมูลค่าหลายร้อยล้านบาท มีญาติโยมถามว่าไม่กลัวของหายใช่ไหม ? อาตมายืนยันว่าไม่หาย เพราะว่าพระพุทธรูปน้ำหนักเป็นร้อยกิโลกรัม ไม่มีใครแบกไปได้หรอก ยกเว้นว่าพระทั้งวัดตายหมดแล้ว...! อาตมาเองเป็นคนที่แข็งแรงมาก แต่พอต้องไปแบกทองคำน้ำหนักแค่ ๓๐ กว่ากิโลกรัม ซึ่งน้ำหนักถ่วงลงจุดเดียว ยังเกือบจะยกไม่ขึ้น ดังนั้น...ถ้าทองคำน้ำหนักร้อยกว่ากิโลกรัมแล้วถ่วงลงจุดเดียว อาตมาไม่เชื่อว่าในโลกนี้มีใครยกขึ้น ต่อให้ยกขึ้นก็คาดว่าน่าจะหกคะเมนตีลังกาลงมาจากมณฑป มากกว่าที่จะได้ลงมาดี ๆ โดยเฉพาะว่าวัดนี้ติดกล้องวงจรปิดไว้เป็นจำนวนมาก เฉพาะรอบ ๆ ศาลาแห่งนี้ก็มีถึง ๑๖ ตัวด้วยกัน แต่โยมมองไม่เห็น เพราะว่ากล้องสมัยนี้ซ่อนไว้มิดชิดมาก บางคนไปยืนทำลิงทำค่างอยู่หน้ากล้องยังไม่รู้ตัวเลยว่ากล้องอยู่ที่ไหน และใช้ในการจับขโมยได้ไป ๒ ครั้งแล้ว ภาพชัดเจนกว่าตาเราเห็นอีก เพียงแต่อาตมาสงสัยอยู่อย่างเดียวว่า อาตมาติดกล้องวงจรปิดไป ๕๐ ตัว จ่ายเงินแค่ประมาณสี่แสนบาทเศษ แล้วคิดว่ากล้องของทางด้านทำเนียบรัฐบาลคุณภาพก็คงไม่ดีไปกว่าของอาตมา แต่ทำไมของเขาตัวละแสนกว่าบาท...! ส่วนหนึ่งของการหล่อพระพุทธรูปนั้น อานิสงส์ก็คือ ต้องการที่จะช่วยสถานการณ์ประเทศชาติที่ไม่ค่อยจะมั่นคง ให้มีความเจริญมั่นคงขึ้นมา แต่ในส่วนนี้เป็นส่วนที่บอกกล่าวกันไปแล้วก็ยากที่จะเชื่อถือ เพราะว่าไม่มีหลักฐานอะไรที่เป็นรูปธรรม นอกจากคำที่บอกเล่าสืบ ๆ กันมา อาตมาก็ยังแปลกใจว่าตั้งแต่ปี ๒๕๕๕ ที่ได้รับคำสั่งและเริ่มดำเนินโครงการในปี ๒๕๕๖ กราบเรียนถามพระท่านว่า ถ้าได้ทองคำครบแล้วจะหล่อเลยได้ไหม ? ท่านบอกว่าไม่ได้ ต้องหล่อตามเวลา ก็คือปี ๒๕๖๒ ญาติโยมก็ต้องนึกว่า ช่วงนั้นห่างกันถึง ๗ ปี กราบเรียนถามว่าทำไมถึงต้องเป็นปี ๒๕๖๒ ? ท่านบอกว่าพระองค์นี้ถ้าหล่อเสร็จ สถานการณ์ประเทศชาติทุกอย่างจะค่อย ๆ ดีขึ้น ซึ่งตอนนั้นก็ไม่มีใครเชื่อ เพราะว่ารัฐบาล คสช.เข้ามา ได้รับการต้อนรับจากคนจำนวนมาก ดีอกดีใจเหลือเกินที่ได้รัฐบาลมาบริหารประเทศใหม่ ปรากฏว่าลากยาวมาจนป่านนี้ยังไม่สามารถที่จะเลือกตั้งใหม่ได้ ก็ต้องยอมรับว่าในสิ่งที่พระท่านบอกเอาไว้นั้นถูกต้อง เพราะว่าถ้ายังไม่มีรัฐบาลใหม่ซึ่งเป็นที่เชื่อถือและยอมรับของนานาประเทศ สถานการณ์บ้านเมืองของเราก็ยากที่จะดีขึ้นได้" อ้างอิงจาก...เก็บตกงานหล่อหลวงพ่อนาก
๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-03-2019 เมื่อ 02:43 |
สมาชิก 67 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ นายกระรอก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#15
|
||||
|
||||
วันพฤหัสบดีที่ ๘ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๑
พิธีบวงสรวงขออนุญาตปั้นแบบหลวงพ่อทองคำ แบบหลวงพ่อทองคำ แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย นายกระรอก : 06-03-2019 เมื่อ 02:44 |
สมาชิก 61 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ นายกระรอก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#16
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "การหล่อหลวงพ่อทองคำที่บอกว่ามีเวลาถวายเงินร่วมหล่ออีกประมาณหนึ่งปี ก็เพราะว่าราว ๆ มาฆบูชาปีหน้าก็หล่อแล้ว เพียงแต่ว่าปีนี้ถ้าปั้นหุ่นเสร็จ ก็จะหล่อเป็นเนื้อเงินก่อน ๑ องค์ เพื่อเอาไปปิดทองให้เขาแห่ทุกปี เนื่องจากเนื้อทองคำอ่อนมาก ถ้าเอาไปแห่เครื่องทรงอาจจะเสียหาย แต่งานเขาใช้คำว่าแห่หลวงพ่อทองคำ ก็เลยต้องหล่อเนื้อเงินองค์หนึ่งแล้วปิดทองให้เขาเอาไปแห่แทน
ฉะนั้น...ใครจะร่วมหล่อถวายเป็นเม็ดเงินก็ได้ แค่ประมาณ ๒๐๐ กิโลกรัมก็พอหล่อแล้ว" พระอาจารย์กล่าวว่า "แบบหลวงพ่อทองคำเมื่อปั้นเสร็จแล้ว จะหล่อเนื้อเงินก่อน ๑ องค์ เพราะคุยกับทางเทศบาลไว้ว่า เมื่อสร้างเสร็จจะมีการสมโภชด้วยการแห่ทุกปี ถ้าเอาหลวงพ่อทองคำไปแห่เลย เดี๋ยวเครื่องทรงพังบรรลัยหมด ก็เลยว่าจะหล่อเป็นเนื้อเงินหนึ่งองค์ แล้วปิดทองให้เขาไปแห่แทน ที่แน่ ๆ ก็คือ หล่อเนื้อเงินแล้วน้ำหนักเท่าไรคูณสองไปจะเป็นน้ำหนักทองคำ จะเป็นอะไรที่แน่นอนมาก เพราะว่าเป็นการคำนวณที่ง่ายที่สุด ฉะนั้น...ถ้าใครจะถวายเม็ดเงินร่วมหล่อก็ร่วมบุญมาได้เลย เพราะว่ามีเวลาไม่กี่เดือน ดีไม่ดีก็จะหล่อองค์เงินในช่วง ๔-๕ เดือนข้างหน้านี้แหละ" อ้างอิงจาก...เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนมีนาคม ๒๕๖๑
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-03-2019 เมื่อ 14:05 |
สมาชิก 59 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ นายกระรอก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#17
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "พระทองคำจาก ๒๑ นิ้ว ช่างขอลด ๒ นิ้ว เพราะว่าขนาดจะได้เข้ากับสถานที่ ต้องขออภัยญาติโยมบางท่านตั้งใจสร้างพระ ๒๑ นิ้ว แล้วขาดหายไป ๒ นิ้ว แต่ดีตรงที่ว่าเราใช้ทองคำน้อยลง ขนาดน้อยลงยังราคาร้อยกว่าล้านบาท"
อ้างอิงจาก...เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนเมษายน ๒๕๖๑
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-03-2019 เมื่อ 14:05 |
สมาชิก 64 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ นายกระรอก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#18
|
||||
|
||||
วันเสาร์ที่ ๒๓ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๑
งานหล่อหลวงพ่อทองคำองค์ใช้งานจริง (เนื้อเงิน) หน้าตัก ๑๙ นิ้ว วิดีโอบรรยากาศงานหล่อหลวงพ่อทองคำองค์ใช้งานจริง โดย ชมรมโมทนาบุญ เว็บพลังจิต หลวงพ่อทองคำองค์ใช้งานจริง แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย นายกระรอก : 09-03-2019 เมื่อ 06:15 |
สมาชิก 64 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ นายกระรอก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#19
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "ใครที่จะหล่อหลวงพ่อทองคำก็ต้องเร่งมือหน่อย เพราะว่าใกล้เข้ามาเต็มทีแล้ว ประมาณเดือนกุมภาพันธ์หรือมีนาคมปีหน้าก็จะหล่อแล้ว ตามที่คำนวณไว้คือใช้ทองคำ ๑๐๐ กว่ากิโลกรัม แต่อยากจะรู้ว่าพอเสร็จแล้วจะเหลือเท่าไร
คราวนี้ถ้าหากว่าเราดูจากหลวงพ่อทองคำองค์จำลอง เราใช้เนื้อเงินไป ๘๒ กิโลกรัม หล่อแล้วเหลือแท่งชนวน ๓๖ กิโลกรัม หายไปประมาณ ๕๒ กิโลกรัม ก็แปลว่าถ้าเป็นเนื้อทองคำ เราก็จะมีทองคำเหลืออยู่หลายกิโลกรัม พอดีอาตมามีโครงการจะหล่อพระยืนต่อไป ถ้าทองคำมีเหลือพอก็จะหล่อเป็นทองคำเลย ดังนั้น...ญาติโยมที่ถวายทองมาสบายใจได้ ว่าท่านได้หล่อพระหลายองค์เลย เนื้อนากก็ใช้ทอง เนื้อทองคำก็ใช้ทอง เศษทองที่เหลือยังคงหล่อพระยืนทองคำได้อีก" พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้ที่รอลุ้นอยู่ก็คือ เมื่อไรจะได้หล่อพระทองคำเสียที เพราะว่าตามที่พระท่านบอก ถ้าหากว่าองค์พระหล่อสำเร็จเมื่อไรประเทศเราก็จะเริ่มดีขึ้น แต่บ้านเราเหมือนคนไข้หนัก ดีขึ้นนี่แปลว่าอะไร ? หยอดน้ำข้าวต้มแล้วกินได้...ใช่ไหม ? หรือว่าลุกขึ้นวิ่งได้เลย ?" อ้างอิงจาก...เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๑
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-03-2019 เมื่อ 14:06 |
สมาชิก 66 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ นายกระรอก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#20
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "งานต่อไป วันที่ ๙ มีนาคมจะหล่อพระพุทธรูปทองคำ ซึ่งตอนแรกตั้งกันไว้ที่น้ำหนักทองคำ ๑๔๐ กิโลกรัม แต่หลังจากหล่อองค์ใช้งานจริงด้วยเงินแล้ว เราสามารถคำนวณน้ำหนักทองได้ ปรากฏว่าใช้แค่ประมาณ ๙๗ กิโลกรัมเท่านั้น ในเมื่อมีทองคำเหลือ อาตมาก็เลยตั้งใจว่าจะหล่อพระพุทธลีลาประทานพรอีก ๑ องค์ ถ้าไม่ใช่พระพุทธลีลาประทานพร ก็จะเป็นพระพุทธรูปปางห้ามสมุทรทรงเครื่องจักรพรรดิ ถามว่าตั้งอยู่ที่ไหน ? ตั้งที่หน้ามณฑปซ้ายขวาขององค์พระประธานที่ท่านเห็น
ส่วนที่ด้านหลังอาตมานี้ ทางด้านขวามือของอาตมาคือหลวงพ่อเงิน หล่อด้วยเม็ดเงินแท้ ๑๕๐ กิโลกรัม ขัดแต่งแล้วเหลือกี่กิโลกรัม อาตมาก็ไม่ได้ชั่งดู ส่วนทางด้านซ้ายมือเป็นหลวงพ่อนาก หล่อจากเงิน ทองแดงและทองคำ รวมน้ำหนัก ๑๖๐ กิโลกรัม มูลค่าก็ตก ๔๐ กว่าล้านบาท ส่วนหลวงพ่อทองคำนั้น มูลค่าประมาณ ๑๐๐ กว่าล้านบาท ถ้าหากว่าท่านใดตั้งใจจะร่วมการหล่อ วันที่ ๙ มีนาคม ๒๕๖๒ จะหล่อที่วัดนี้ เวลา ๙ โมงเช้า ๒๐ นาที" อ้างอิงจาก...เก็บตกงานบวงสรวงไหว้ครูประจำปีและเป่ายันต์เกราะเพชร
๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-03-2019 เมื่อ 14:06 |
สมาชิก 74 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ นายกระรอก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|