|
เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#1
|
||||
|
||||
เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๖
ถาม : สมัยที่เข้าค่ายเรียนระดับ ปวช. คุณครูได้กำหนดให้มีการไหว้พระสวดมนต์ และนั่งสมาธิกัน มีการสมาทานตามแบบวัดท่าซุงครับ ตอนเริ่มนั่งก็ทำตามหนังสือเรียนวิชาพระพุทธศาสนาที่เคยเรียนมา กำหนดรู้ลมหายใจเข้าออกที่ปลายจมูกด้านขวา หายใจเข้านับ ๑ หายใจออกนับ ๑ หายใจเข้านับ ๒ หายใจออกนับ ๒ ไปเรื่อย ๆ ครับ แล้วก็ได้ยินเสียงลั่นดัง "เปรี๊ยะ" ในหัว แล้วก็สว่างมาก ด้วยความสงสัย และตกใจ จึงลืมตาขึ้นมาดู แต่ความรู้สึกในช่วงที่สว่างนั้นตัวเบา ไม่อยากพูดคุยกับใคร อิ่มใจ มีความสุขมากอย่างบอกไม่ถูก กระผมอยากกราบเรียนถามว่า เป็นอาการของอะไรครับ ?
ตอบ : เริ่มเข้าสู่อุปจารสมาธิเท่ ถาม : ถ้าเราต้องการยันต์หรือตะกรุด เช่น ตะกรุดมหาสะท้อน หรือยันต์ทำน้ำมนต์ ก็เขียนยันต์นั้นลงที่แผ่นเงินตามน้ำหนักและขนาด แล้วเข้าพุทธาภิเษกที่วัด จะใช้ได้เหมือนที่หลวงพ่อทำหรือเปล่าครับ ? และต้องสวดมนต์อะไรเพิ่มเติมหรือเปล่าครับ ? ตอบ : เขียนเสร็จแล้วเสกด้วยอิติปิ โสฯ สวากขาโตฯ สุปฏิปันโนฯ ๑๐๘ จบ นะมะพะธะอีก ๑๐๘ จบ ส่วนจะใช้ได้หรือไม่อยู่ที่สมาธิของตัวคุณเอง ถ้าสมาธิห่วยก็ใช้ได้น้อยหน่อย ยันต์ทำน้ำมนต์ตอนกำลังเขียนต้องเสก เสร็จแล้วถึงปลุกอีกที ต้องทั้งปลุกทั้งเสก ไม่ใช่เขียนเฉย ๆ แล้วจะใช้งานได้ านั้น เสียดายตอนดังเปรี๊ยะไม่มีใครฟาดหัวสักที จะได้ตรงจังหวะเดียวกัน..! ถาม : ถ้าเจอแบบนั้นอีกจะต้องทำอย่างไรต่อไปครับ ? ตอบ : ภาวนาต่อไป อย่าอยากให้เป็นอย่างนั้น ถ้าอยากให้เป็นอย่างนั้นชาตินี้จะไม่เป็นอีก ถ้าสามารถรักษาอารมณ์ภาวนาได้ปกติ จะก้าวข้ามขึ้นไปจะเป็นฌาน ตอนที่สภาพจิตของเราก้าวล่วงสู่ความละเอียดมากกว่าปกติ บางคนที่มาในทางโลดโผนหน่อยก็จะมีอาการที่ชัดเจนอย่างนี้ ดังนั้น...อาการที่ว่าก็แค่ก้าวจากอารมณ์ปกติขึ้นสู่อุปจารสมาธิเท่านั้นเอง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-02-2013 เมื่อ 10:53 |
สมาชิก 274 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
ถาม : กระผมได้พิจารณาความว่างของสมมติบัญญัติทั้งปวง แล้วเกิดความอิ่มเอิบใจ สบายใจ จนเห็นว่าแม้กระทั่งความจำก็คือความว่างเช่นกัน มีก็เหมือนไม่มี แล้วเราจะไปวุ่นวายอะไรกับสิ่งเหล่านี้ เมื่อเป็นเช่นนี้เเล้วก็ทำให้มีความสุขใจอิ่มใจอย่างบอกไม่ถูก บางวันก็มีอารมณ์อยู่อย่างนี้หลายชั่วโมง และในบางครั้งแค่นึกถึง ใจก็สุขขึ้นมาในทันที เมื่อเห็นว่าทุกอย่างว่างเปล่าหมด ไม่มีอะไรเหลือแม้กระทั่งความจำ จนช่วงหลังมานี้มีคนหลายคนมักบอกกับกระผมว่า ทำไมกระผมขี้ลืมบ่อยมาก เมื่อกระผมมานึกย้อนดูก็ลืมจริง แต่ไม่ได้กังวล เพราะเห็นว่าลืมหรือจำได้ก็มีค่าเท่ากัน จึงขอกราบเรียนถามว่า สิ่งที่กระผมลืมนี้เป็นเพราะเราลืมจากสมองของกระผมลืม หรือลืมเพราะการทำกรรมฐานครับ ?
ตอบ : ลืมเพราะว่าไม่จำ ปล่อยวางในสิ่งนั้นผ่านไปโดยที่สมองไม่ได้จำ แล้วจะไปจำอะไรได้ ลักษณะของคนที่ฝึกในแนวอรูปฌานมักจะออกมาอย่างนี้ ถึงเวลาเราไม่ใส่ใจสิ่งภายนอก ก็เลยไม่มีสิ่งให้จดจำเหลืออยู่ เหมือนกับว่าของมาอยู่ตรงหน้าแล้วเราไม่ได้เก็บเอาไว้ ถึงเวลาของนั้นผ่านไปก็ไม่มีอะไรเหลือเท่านั้นเอง พยายามเกรงใจโลกหน่อย อะไรที่ยังสำคัญอยู่ก็จำไว้บ้าง ไม่ใช่สมองเสื่อม ไม่ใช่อัลไซเมอร์ เพียงแต่ไม่ได้จำเอาไว้ ก็เลยไม่มีอะไรให้จำ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-02-2013 เมื่อ 10:54 |
สมาชิก 262 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
ถาม : กระผมจะไปทำสวนมะลิเพื่อเก็บดอกขาย จะมีฤกษ์ที่ใช้สำหรับสวนไม้ดอกหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ความจริงโบราณเขามี ให้ไปดูในตำราพรหมชาติฉบับราษฎร์มีอยู่ บอกว่าวันไหนควรปลูกไม้ดอก วันไหนควรปลูกไม้ผล แต่อย่าไปเสียเวลาดูอันนั้นเลย ให้เปลี่ยนเป็นเวลารดน้ำต้นมะลิให้ภาวนาคาถาเงินล้านแทน โดยเฉพาะภาวนาเต็มบทนะ อย่าไปย่อ เนื่องจากคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้าจะช่วยในเรื่องความเจริญงอกงามทุกอย่าง เดี๋ยวก็เก็บขายไม่หวาดไม่ไหวเอง ถาม : การบูชาพระภูมิเจ้าที่จำเป็นหรือไม่ที่จะต้องตั้งเครื่องบวงสรวงตั้งแต่ก่อนเริ่มไถพรวนดิน จะทำเมื่อสร้างสวนเสร็จแล้วได้หรือไม่ ? ตอบ : ให้ไปอ่านประวัติพระอัญญาโกณฑัญญะ ตั้งแต่เริ่มไถนาพระอัญญาโกณฑัญญะก็ทำบุญ เริ่มหว่านกล้าก็ทำบุญ เริ่มตกกล้าก็ทำบุญ ข้าวออกรวงก็ทำบุญ เกี่ยวข้าวก็ทำบุญ ขนข้าวเข้ายุ้งก็ทำบุญ พระอัญญาโกณฑัญญะก็เลยบรรลุพระอรหัตผลเป็นพระอรหันต์องค์แรกในพระพุทธศาสนา ส่วนพระสุภัททะไปทำบุญตอนขนข้าวขึ้นยุ้งทีเดียว เกือบไม่ทัน มาบรรลุอรหันต์วันที่พระพุทธเจ้าปรินิพพาน เป็นพระอรหันต์องค์สุดท้ายที่เขาเรียกว่า สักขีสาวก ก็คือทันพระพุทธเจ้า เพราะฉะนั้น..เลือกเอาแล้วกันว่าจะเอาแบบไหน ทำบุญเท่าไรเราก็ได้ มีโอกาสทำก็ทำไปเถอะ ถาม : กระผมคิดจะตั้งของบวงสรวงด้วยตัวเอง และตามกำลังทรัพย์ที่พึงจะหาได้ แต่จิตคิดจะใช้แรงงานท่าน อย่างนี้ท่านจะเอ็นดูเป็นพิเศษหรือไม่ครับ ? และควรวางกำลังใจอย่างไรครับ ? ตอบ : ควรที่จะวางกำลังใจว่า ถึงจะหาตามกำลังก็จริง ก็ควรจะถูกต้องตามที่ท่านระบุไว้ ไม่ใช่ว่าหาตามกำลังของเรา แล้วเครื่องบวงสรวงไม่ครบถ้วน ส่วนเรื่องตั้งใจใช้ท่านส่วนใหญ่เรื่องบวงสรวงทุกคนก็ตั้งใจอย่างนั้นอยู่แล้ว ก็ต้องแล้วแต่ท่านจะเมตตา
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-02-2013 เมื่อ 13:49 |
สมาชิก 262 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
ถาม : กระผมมีความปรารถนาจะใช้ทรายเสกของพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุง อัปเปหิท่านที่ให้โทษกับท่านที่อยู่เฉย ๆ เพื่อทดลองวิชาและความสะใจ จะผิดคำครูหรือไม่ครับ ?
ตอบ : คำครูไม่ผิดหรอก แต่อย่าเผลอ..เผลอเมื่อไรได้คืนหลายเท่า..! รับรองว่าเขาก็เอาจนสะใจเหมือนกัน มีอยู่รายหนึ่งจนป่านนี้ยังไม่ฟื้นเลย เพราะใช้ธงมหาพิชัยสงครามกับมีดหมอชาตรีวัดท่าซุงไปรังแกท่านที่เฝ้าทรัพย์ มีเจตนาไปเอาสมบัติของเขา จนป่านนี้ก็ยังหาเช้ากินค่ำอยู่นั่นแหละ เขาตามจองล้างเลย เขาอยู่ของเขาดี ๆ ดันไปเล่นเขาก่อน..! ถาม : ถ้าใช้ทรายเสกอธิษฐานสำหรับท่านที่อยู่แล้วเป็นโทษกับเราละครับ ? ตอบ :อธิษฐานตามแบบที่หลวงพ่อท่านสอน ไม่ใช่ประเภทใครอยู่เฉย ๆ กูก็ไล่ด้วย..! ถาม : เมื่อไล่ออกจากเขตที่หว่านทรายแล้ว ท่านเหล่านั้นจะดักรอผมที่นอกเขตหรือไม่ครับ หรือไปแล้วไปเลย ? ตอบ : บอกแล้วว่าเขารอเอาคืน เรื่องของทรายเสกวัดท่าซุงเราสามารถที่จะเติมให้มากขึ้นได้ ไปเอาทรายมาสักถังหรือกระป๋องหนึ่งแล้วเอาทรายเสกโรยหน้าแล้วก็คลุกไปเลย ใช้ได้ทั้งกระป๋อง ไม่ต้องไปกลัวว่าใช้ถุงเล็ก ๆ ถุงเดียวแล้วจะหมด
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-02-2013 เมื่อ 02:55 |
สมาชิก 258 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
ถาม : การเพ่งกสิณที่ถูกต้อง เราควรใช้ภาพนิมิตที่เราเคยได้มองเห็นจริงมาก่อนแล้ว จดจำได้ขึ้นใจเท่านั้น หรือผมสามารถเรียกภาพจากจินตนาการขึ้นมา เช่น ภาพเปลวไฟหรือภาพน้ำ โดยที่เราไม่ได้เริ่มจากการมองภาพจริงมาก่อน ได้หรือไม่ครับ ?
ตอบ : ถ้าสามารถจินตนาการได้ก็ใช้ได้ แสดงว่าของเก่าต้องมีอยู่ ไม่อย่างนั้นจะนึกภาพไม่ออก แต่ขอบอกว่าอย่าแหกคอกมาก เริ่มไปตามกติกาดีกว่า เพื่อความแน่นอน ถ้าของเก่ามีอยู่เราแค่มองไม่กี่ทีก็จำติดตาติดใจแล้ว
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-02-2013 เมื่อ 02:56 |
สมาชิก 246 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#6
|
||||
|
||||
ถาม : ที่บ้านมีคุณย่าอายุ ๙๓ ปีแล้ว เห็นท่านทำบุญมาตลอดชีวิต แต่พออายุมากแล้วเริ่มหลง จึงเป็นห่วงจิตสุดท้ายของท่านจะอยู่ในความหลงหรือขาดสติเพราะความชรา พยายามขอให้ท่านกำหนดลมหายใจ ท่านก็ฟังแต่ไม่ได้ทำด้วยความหลงลืม ขอคำแนะนำแก้ไขด้วยครับ ?
ตอบ : แก้ไขอันดับแรก ก็คือ แก้ไขความคิดของโยมก่อน การทำบุญไม่ได้แปลว่าแก่แล้วจะไม่หลง เพราะการทำบุญเป็นแค่ทาน การที่จะรักษากำลังใจให้แก่แล้วไม่หลงนั้น สมาธิภาวนาต้องทรงตัว ถึงแม้สมาธิภาวนาทรงตัว เซลล์สมองก็มีเสื่อมบ้าง แต่สภาพจิตจะมั่นคง ถึงแม้ว่าบางส่วนจะหลงลืม แต่เรื่องของธรรมะไม่ลืมแน่นอน ไม่ใช่ทำบุญแล้วเวลาแก่จะไม่หลง ฉะนั้น..วิธีแก้ไขคนที่หลงลืม ก็คือ อย่างน้อย ๆ ต้องภาวนาให้อารมณ์ใจทรงตัวให้ได้ คงต้องพยายามเคี่ยวเข็ญคุณยายให้มากหน่อย ไม่อย่างนั้นก็มีแต่อาการจะหนักขึ้นเรื่อย ๆ ลักษณะนี้โบราณเขาบอกว่า ขี้แตกแล้วค่อยขุดส้วม ไม่ทันได้ใช้หรอก ถาม : ผมเคยเจอบางคนเปิดเสียงหลวงพ่อ เปิดเสียงสวดมนต์ให้ฟัง พอได้ไหมครับ ? ตอบ : ได้ตรงอนุสสติ ใจเกาะความดีได้ แต่ถ้าจะไม่ให้หลงเลยก็ยังประกันความเสี่ยงไม่ได้ เนื่องจากบุคคลที่สมาธิทรงตัวระดับทรงฌานได้แล้ว ก่อนตายถ้ามีกรรมมาแทรกยังพลัดจากฌานได้ ตรงนี้ต้องระวังให้ได้ บางคนภาวนาทรงฌานได้แต่โดนแกล้ง เผลอจังหวะนิดเดียว โดนใครทุบข้างฝาดังปัง..! สมาธิเคลื่อน แล้วก็ตายตอนนั้น ประเภทนี้ส่วนใหญ่จะไปอยู่ชั้นจาตุมหาราช ทั้ง ๆ ที่ควรจะไปอยู่พรหมเพราะกำลังของฌาน ถือว่าเสียประโยชน์ไปมาก
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-02-2013 เมื่อ 02:58 |
สมาชิก 256 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#7
|
||||
|
||||
ถาม : เคยได้รับคำแนะนำจากพระรูปหนึ่ง ให้นำเอายันต์มหาพิชัยสงครามพับใส่กรอบแล้วนำไปไว้ที่ศาลพระภูมิ ท่านก็ไม่ได้บอกเหตุผลและผมก็ไม่ได้เจอท่านอีก จึงอยากถามถึงเหตุผลผลของการทำเช่นนั้น ว่าเป็นผลดีอย่างไรครับ ?
ตอบ : ถ้าเผลอก็หาย..! คนรู้จักของเขาก็หยิบไปสิ..! อาตมาก็ทำเช่นเดียวกัน แต่ไม่ได้พับใส่กรอบ ใช้วิธีอัดแผ่นพลาสติกเลย เท่ากับเป็นแผ่นยันต์นั่นเอง แล้วอาราธนาท่านติดเอาไว้ในศาลพระภูมิ เวลาบูชาพระภูมิเจ้าที่ก็ว่ายาวไปถึงพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ด้วย เท่ากับว่าติดอาวุธมหาประลัยให้กับพระภูมิท่าน ต่อให้ท่านกำลังไม่ดีขนาดไหนก็ตาม แต่ถ้าพกเครื่องยิงจรวดติดตัว คนจะรุกล้ำก็ต้องคิดหนักหน่อย อาราธนาท่านให้ดี ก่อนอื่นบอกพระภูมิเจ้าที่ท่านก่อนว่าขออนุญาตทำอย่างนั้น อย่างที่สองก็คืออาราธนาบารมีพระขออานุภาพธงมหาพิชัยสงคราม สามารถที่จะป้องกันอันตรายทุกอย่างได้ และอานุภาพนั้นขออนุญาตให้พระภูมิเจ้าที่สามารถใช้งานได้ด้วย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-02-2013 เมื่อ 02:36 |
สมาชิก 264 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#8
|
||||
|
||||
ถาม : ตามความเข้าใจของผม การสร้างกรรมไม่ดีต่อผู้อื่นจะได้รับผลสนองจากสองฝ่าย ฝ่ายแรกคือคนที่เราไปกระทำกับเขา เรียกว่าเจ้ากรรมนายเวร ฝ่ายที่สองคือ ผลที่เราจะได้รับจากบัญชีบาปของเราที่ไปปรากฏอยู่ที่ท่านพระยายม
ฝ่ายแรกเจ้ากรรมนายเวรจะตามเราทุกชาติ จะเอาคืน ส่วนฝ่ายที่สองก็จะให้ผลหลังจากเราตายไปแล้ว แล้วก็จะนำไปพิพากษาที่อบายภูมิ เขาบอกว่าพ้นจากเวรกรรมขึ้นมา เกิดมาก็อาจจะโดนเจ้ากรรมนายเวรเอาคืนซ้ำอีกหลายชาติ ถ้ายังไม่หายแค้น แต่บัญชีบาปของเราคงจะถูกลบล้างไปแล้ว ไม่ได้รับโทษ ความเข้าใจของผมเช่นนี้ถูกต้องไหมครับ ? ตอบ :ผิดไปหลายโยชน์เลย..คำว่าเจ้ากรรมนายเวรจริง ๆ นั้น น้อยรายที่เขาจะอยู่จองเวรจองกรรมเรา สิ่งที่ให้โทษกับเราก็คือพลังงานที่เขาเรียกว่ากรรม เพราะส่วนใหญ่เจ้ากรรมนายเวรเมื่อตายมักจะไปรับบุญรับบาปตามภพภูมิที่ตนเองได้สร้างเอาไว้ ก็เหลือแต่ประเภทที่ตายแล้วยังไม่ถึงวาระไปรับบุญรับบาป ที่เราเรียกว่าสัมภเวสี คือพวกที่มักจะตายโหง ดังนั้น..ถ้าพวกนี้เขาไม่หายโกรธเขาก็จะตาม แต่ถึงเขาจะตามหรือไม่ตาม ผลกรรมนั้นก็ให้ผลเราแน่ ไม่ต้องเสียเวลาไปลบบัญชีหรอก ถ้าเขาคิดไม่หมด ข้ามชาติไปเขาก็คิดต่อ เหมือนกับว่าเราเป็นหนี้ล้านหนึ่ง เราตกนรกใช้แปดแสน เศษที่เหลืออีกสองแสนก็ต้องไปใช้ในชาติต่อไป ก็แปลว่าต่อให้เขาจะตามหรือไม่ตาม ผลกรรมนั้นส่งผลแน่นอน ถ้าเปรียบอย่างบนโลกมนุษย์ก็คือ เราไปฆ่าคนตาย คนตายไม่ได้ตามเราเอาไปชดใช้กรรม แต่เป็นกฎหมายที่จะเอาเราไปชดใช้กรรมนั้น ถึงคนตายจะตายไปแล้ว ๑๙ ปี ถ้าหากปีที่ ๒๐ เขาจับได้ ต่อให้เปลี่ยนชื่อเป็น กิม แซ่ตั้งก็โดน..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-02-2013 เมื่อ 10:26 |
สมาชิก 237 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#9
|
||||
|
||||
ถาม : การรักษาศีล คือ ๑.ไม่ละเมิดศีลด้วยตนเอง ๒.ไม่จ้างวานให้ผู้อื่นละเมิดศีลนั้น ๓.ไม่ยินดีที่เห็นผู้อื่นละเมิดศีล สงสัยอย่างหลังครับว่า เวลาที่ผมยินดีเวลาได้ข่าวว่าทหารยิงผู้ก่อการร้ายภาคใต้ตายได้ ถือว่าผิดศีลในกรณีอย่างหลังหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ผิด..ขณะเดียวกันเป็นการโมทนาบาปของคนอื่น มีส่วนในกรรมนั้นด้วย ถ้าตายก็เจอสองเด้ง ช่วยยินดีบ่อย ๆ จะได้โดนหนัก ๆ หน่อย..! ถาม : ทำเฉย ๆ หรือครับ ? ตอบ : รับอะไรมาก็อย่าปรุงแต่งสิจ๊ะ ถาม : ถ้าผมมีจิตยินดีที่พระเอกฆ่าผู้ร้ายได้ในการดูภาพยนตร์ ? ตอบ : นั่นไม่ใช่ของจริง..โทษในการโมทนาบาปไม่มี แต่โทษในวิหิงสาวิตก ตรึกในการเบียดเบียนพยาบาทคนอื่นมีอยู่ ถ้าเป็นผู้ปฏิบัติธรรม..ในส่วนของเมตตาถือว่าบกพร่อง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-02-2013 เมื่อ 02:40 |
สมาชิก 246 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#10
|
||||
|
||||
ถาม : การที่เรามีจิตคิดจะฆ่าขณะเล่นเกม ต้องยิงคน ยิงสัตว์ในเกมให้ตาย จะเป็นการผิดศีลข้อที่ ๑ ในแง่มโนกรรมไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าเรื่องของการผิดศีลในปาณาติบาตไม่ผิด แต่เป็นมโนกรรมโดนไปเต็ม ๆ เพราะคิดเบียดเบียนเขา ถาม : อย่างนี้ถ้าเราเล่นเกมแล้วปล่อยให้อีกฝ่ายฆ่าเราอย่างเดียวก็ไม่เป็นบาป ? ตอบ : อย่างนั้นจะเล่นไปทำไมวะ..!? ถาม : กลับไปนี่ผมยอมตายเลย ไม่สู้ ตอบ : ตายนี่เลเวล (level) ตกนะ ถาม : รู้อีก..!? ตอบ : ถ้าเราเล่นในแบบนักปฏิบัติก็ไม่มีรสชาติ และจะไม่อยากเล่นเลย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-02-2013 เมื่อ 02:41 |
สมาชิก 246 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#11
|
||||
|
||||
ถาม : ผมมีความเห็นไม่ตรงกับเจ้านายเรื่องการดื่มสุรา เจ้านายบอกว่าจะผิดศีลข้อ ๕ ต้องดื่มสุราจนเมา แต่ถ้าดื่มแค่สองแก้วแล้วยังครองสติได้ก็ไม่ผิด เจ้านายก็เลยชวนให้ดื่มบ้าง ผมขอเหตุผลดี ๆ ที่จะไปบอกเจ้านายว่าความจริงว่าเป็นอย่างไร ?
ตอบ : ไม่ต้อง...พระพุทธเจ้ายังโปรดไม่ได้เลยคนประเภทนี้ เขื่อนที่มีรอยรั่วแม้เพียงเล็กน้อย ก็อาจจะเป็นสาเหตุให้เขื่อนนั้นโดนแรงน้ำดันจนพังทลายได้ เพราะฉะนั้น..เรื่องศีลเราจะไปคิดว่าละเมิดนิดหน่อยไม่เป็นไร ก็จัดเป็นมิจฉาทิฐิแล้ว แถมยังปัญญามาก ลักษณะปทปรมะนี่เสียเวลาไปแนะนำ ในเมื่ออย่างไรก็จะหาทางชั่วให้ได้ ก็ปล่อยไปตามทางของเขา
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-02-2013 เมื่อ 02:43 |
สมาชิก 244 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#12
|
||||
|
||||
ถาม : ในชีวิตผมเห็นเพื่อน ๆ หลายคนที่ดื่มเหล้า สูบบุหรี่แบบพอดี ๆ ไม่มากเกินไป มักจะมีร่างกายที่แข็งแรง เที่ยวกลางคืนได้ ตื่นเช้าได้ แต่ผมและเพื่อนอีกหลายคนงดเหล้าและบุหรี่ พยายามกินมังสวิรัติ สภาพร่างกายดูเหมือนจะเปราะบางกว่าและเจ็บป่วยบ่อย ผมคิดว่าคงเป็นกรรมเก่ามากกว่า แต่ก็อยากให้ท่านแนะนำเรื่องนี้ด้วยครับ ?
ตอบ : ลองทำอย่างเขาสิ จะได้ชั่วเหมือนเขาบ้าง..! อย่าลืมว่าในเรื่องของการปฏิบัติมักจะมีสิ่งมาขวางเสมอ เขาจะทำให้เราเข้าใจผิดจะได้เลิกปฏิบัติ ดังนั้นถ้าเราไปเชื่อเขา ก็แปลว่าเราเสียหายอยู่ฝ่ายเดียวและเสียหายหลายล้านด้วย..! จริง ๆ แล้วอยู่ตรงกำลังใจ กำลังใจเขามุ่งมั่นว่าจะได้ไปเที่ยว ความบากบั่นพากเพียรจะมี แต่เป็นฉันทะในทางที่ผิด ขณะเดียวกันตัวเราเองมุ่งมั่นไม่พอที่จะทำความดี ก็เลยไม่สามารถจะทำได้เต็มที่อย่างที่ต้องการ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-02-2013 เมื่อ 02:44 |
สมาชิก 243 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#13
|
||||
|
||||
ถาม : เคยได้ยินว่า การใส่บาตรจะต้องใส่ให้ได้ ๔ รูปขึ้นไป จึงจะเป็นสังฆทาน แต่ถ้าผมใส่บาตรวันละรูป ระยะเวลาติดต่อกัน ๔ วัน ถือว่าเป็นสังฆทานไหมครับ ?
ตอบ : ต่อให้ใส่บาตรรูปเดียว..ครั้งเดียว..ก็เป็นสังฆทานได้ แต่ให้ใส่ในลักษณะไม่เจาะจง อย่าไปคิดว่าหลวงพ่อรูปนั้น สามเณรรูปนี้มา เราถึงจะใส่ ถ้าอย่างนั้นต้องใส่ครบ ๔ รูปจึงเป็นสังฆทาน แต่ถ้าเราไม่เจาะจง คิดว่าถ้ารูปไหนมาเราก็ใส่ ถ้าอย่างนี้ต่อให้ใส่รูปเดียวก็เป็นสังฆทาน ถาม : อยู่ที่ความตั้งใจนั่นเอง ตอบ : เพราะฉะนั้น..โปรดตั้งใจในส่วนที่ได้กำไรมาก ๆ หน่อย ถาม : ถ้าเราไม่เจาะจงแล้วมีสามเณรมารับ จะได้อานิสงส์สังฆทานไหมครับ ? ตอบ : ได้...สามเณรก็จัดเป็นตัวแทนของพระเหมือนกัน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-02-2013 เมื่อ 02:46 |
สมาชิก 252 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#14
|
||||
|
||||
ถาม : เมื่อเราเคยขออโหสิกรรมกับผู้อื่น เขาอโหสิกรรมด้วยวาจากับเราแล้ว แต่วันหลังก็เอาเรื่องเดิมมาว่ากล่าวกับเราอีก และบอกว่าจะยังไม่อโหสิให้ อย่างนี้จะถือว่าเป็นเจ้ากรรมนายเวรกันอีกต่อไปหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : กระแสขาดไปตั้งแต่แรกแล้ว ศาลตัดสินไปเรียบร้อยแล้ว ต่อให้รื้อฟื้นคดีขึ้นมาใหม่ก็อุทธรณ์ฎีกาไม่ทันแล้ว ถาม : อย่างนั้นก็แปลว่าเขามาสร้างเวรกับเรา ? ตอบ : แปลว่าเขามาก่อกรรมกับเราอยู่ฝ่ายเดียว ถึงเวลากรรมก็ตามสนองเขาเอง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-02-2013 เมื่อ 02:46 |
สมาชิก 247 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#15
|
||||
|
||||
ถาม : ถ้าเราเผชิญหน้ากับ รูป รส กลิ่น เสียง นั้นโดยตรง และตอบรับกับความต้องการนั้นอย่างมีสติ จุดมุ่งหมายเพื่อให้อิ่มกับกิเลสนั้นให้เร็วที่สุด จะได้เบื่อหน่าย วิธีนี้จะมีโอกาสสำเร็จได้ไหมครับ ?
ตอบ : มีโอกาส ๐.๐๐๐๐๐๐๑% ถาม : เยอะเหลือเกิน..! ตอบ : ถึงตอนนั้นใครจะมีสติเหลืออยู่ ? หลักการนี้เป็นของสายวัชรยานพวกพุทธตันตระ บุคคลที่ทำได้ต้องคล่องตัวในสมาบัติแปดอย่างยิ่ง ไม่อย่างนั้นเจ๊งหมด แต่ขนาดนั้นส่วนมากยังไปไม่รอดเลย..! ถาม : ของพวกนี้อย่างไรก็ไม่อิ่มใช่ไหมครับ ? ตอบ : เผลอเมื่อไรก็ไหลตามไป
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-02-2013 เมื่อ 02:49 |
สมาชิก 240 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#16
|
||||
|
||||
ถาม : มีปัญหาว่าเวลาหลับแล้วจิตไหลออกไป แล้วไปเผชิญเรื่องราวต่าง ๆ มากมายตั้งแต่เด็ก แต่พอตอนนี้ได้ฝึกสมาธิก็มีความรู้ว่าเห็นตอนที่จิตแบ่งออกไป แม้กระทั่งตอนนั่งสมาธิจิตก็ออกไป จะทำอย่างไรดีคะ ?
ตอบ : สรุปสั้น ๆ ว่าพยายามภาวนาให้อารมณ์ใจทรงตัว ถ้ากำลังใจเข้มแข็งพอก็จะหยุดอาการนั้นได้ ถ้ายังไม่เข้มแข็งพอก็ยังรั่วอยู่เป็นปกติ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-02-2013 เมื่อ 02:48 |
สมาชิก 249 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#17
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้รื้อศาลาการเปรียญไปแล้ว ต้องล้วงโครงสร้างขึ้นมาทั้งหมด เพราะว่าตั้งแต่สมัยหลวงปู่พุก เจ้าอาวาสองค์แรก ท่านไปฝังของอาถรรพ์เอาไว้เยอะ สมัยนั้นมีพวกเล่นไสยศาสตร์เข้าวัดกันมาก ท่านก็เลยต้องใช้วิธีทำสะกดล่วงหน้าไว้เลย แต่คราวนี้ของที่ทำไว้ทำให้คนที่อยู่นั้นร้อน เพราะฉะนั้นตอนที่อาตมาไม่อยู่วัด จึงมีปัญหาจุกจิกหยุมหยิมตลอดเวลา พออาตมากลับไปอยู่วัดเมื่อไรก็จะเงียบหมด ทำอย่างกับว่าอาตมาเป็นหมอผี ต้องคอยไปสะกดอยู่ตลอด ที่ต้องใช้รถขุด ขุดกระทั่งฐานรากขึ้นมา เพราะเพื่อจะเอาของพวกนี้ออกมาให้หมด
ท่านก็อุตส่าห์ไปทำของอย่างนั้นเอาไว้ ท่านหวังแค่ความสงบชั่วคราวเท่านั้น แต่สมัยนั้นท่านก็คงอยู่วัดตลอดจึงไม่เป็นไร แต่อาตมาออกมางานนั้นงานนี้ พอไม่อยู่วัดก็วุ่นวายทุกที" ถาม : ศาลารื้อไปแล้ว พิธีเป่ายันต์จะทำที่ไหน ? ตอบ : ห้องใต้ฐานสมเด็จองค์ปฐม ๒๑ ศอก ใหญ่พอ ๆ กับศาลา ไม่ต้องกลัวหรอก มีที่เหลือเฟือ ถาม : ป่าช้าไม่ได้หรือคะ ? ตอบ : เดี๋ยวผีสางเปิดกระเจิงหมด เขาไม่เหมือนกับเรา เวลาบารมีพระครอบคลุมลงมา ถ้าพวกที่กำลังใจรับไม่ได้ เหมือนกับแสงไฟเป็นล้าน ๆ โวลต์ส่องใส่ เขาทนไม่ได้ต้องหนีไปเอง ดังนั้น..พวกที่โดนผีเจ้าเข้าสิงหรือพวกโดนไสยศาสตร์มา ทำไมเวลาเข้าพิธีเป่ายันต์ฯ แล้วถึงได้หาย เพราะว่าของพวกนั้นเป็นของมืด พอโดนความสว่างเข้าเขาอยู่ไม่ได้ ก็สลายตัวไปเอง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-02-2013 เมื่อ 01:53 |
สมาชิก 241 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#18
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "ถ้าเอาตามหลักของพระพุทธเจ้า พระองค์ท่านบอกว่าการพนันเป็นอบายมุข คือปากทางแห่งความเสื่อม มีแต่เสียอย่างเดียว แต่อยากจะบอกกับโยมว่า ที่โบราณว่า "ผีพนัน" นี่มีจริง ๆ นะ โดยเฉพาะบ่อนใหญ่ ๆ ตามต่างประเทศ อย่างพวกฮ่องกง เขมร เขาจะเลี้ยงผีพวกนี้ไว้ ถ้าคนไหนเข้าบ่อนแบบนี้รับรองว่าครั้งต่อไปต้องไปอีก เพราะถูกผีดึงไป เขาจะให้พวกหมอผีเป็นคนทำ อย่าคิดว่าฮ่องกงเจริญจนเป็นศูนย์กลางการเงินของโลกแล้วจะไม่มีเรื่องพวกนี้ เขาเลี้ยงผีเป็นปกติเลย
ถ้ามีใครเล่นการพนันเสียหมดแล้วฆ่าตัวตาย เขาจะชอบมาก จะรีบไปอาสาจัดงานศพให้ แล้วให้หมอผีไปผูกวิญญาณไว้เรียกไปใช้งาน พวกนี้จะมีหน้าที่พาคนเข้าบ่อน ถ้าไม่ได้เจอด้วยตัวเองนี่ก็ไม่รู้นะ ว่าเขาเล่นกันโหดขนาดนั้น ประเภทเล่นจนหมดตัว ตายแล้วยังต้องไปทำงานต่ออีก..น่ากลัวมาก อินโดนีเซียก็ทำอย่างนี้ เขมรก็ทำอย่างนี้ พม่ายังไม่ได้เข้าไป ไม่รู้ทำอย่างนี้หรือเปล่า แต่พม่านี่บ่อนใหญ่ก็คือตรงแม่สาย (สามเหลี่ยมทองคำ) ไว้มีโอกาสจะข้ามไปดู"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-02-2013 เมื่อ 01:55 |
สมาชิก 232 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#19
|
||||
|
||||
อาชีพพวกนี้ ถ้าถามว่าเราทำมาหากินสุจริตได้ไหม ? ถ้าเป็นการเปิดอย่างถูกต้อง ขออนุญาตเสียภาษี ก็ถือว่าสุจริต แต่เป็นอาชีพที่ทำให้คนเขาไม่เจริญ เพราะมีแต่จ่ายกับจ่าย เอาแค่หลักการพนันทั่ว ๆ ไปแล้วกัน น่าจะอยู่ระหว่าง ๙๖ ต่อ ๔ เรามีโอกาสแค่ ๔ เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่จะได้ แม้กระทั่งเครื่องสล็อตที่โยกง่าย ๆ ก็ตาม เขาคำนวณมาเรียบร้อยแล้วว่าเขาจะได้กำไรเท่าไร กว่าจะแจ๊กพ็อตให้แต่ละทีก็เสียไปเยอะแล้ว เพราะฉะนั้น..พูดง่าย ๆ ว่า ให้มีเงินเหลือเฟือก่อนแล้วค่อยไปเล่น
ถาม : การพนันเป็นกีฬาไม่ใช่หรือครับ ? ตอบ : เป็นกีฬา แต่กีฬาที่เขาเอามาเล่นเพื่อพนันกันนั้น เขาแข่งในลักษณะใช้ความคิด ซ้อมหัวคิดของตัวเอง อย่างพวกหมากรุก หรือไพ่บริดจ์ แต่เราไปเอาแพ้เอาชนะ เอาเงินเอาทอง ลักษณะนั้นเป็นการพนันไม่ใช่กีฬา แต่บ้านเรากีฬาทุกอย่างพนันได้หมด ยิ่งฟุตบอลนี่ยิ่งดีเลย เดี๋ยวนี้โต๊ะพนันบอลมีกันทุกหัวระแหง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-02-2013 เมื่อ 01:57 |
สมาชิก 225 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#20
|
||||
|
||||
ถาม : เรื่องการอาบน้ำมนต์ เคยได้ยินว่าเอาคาถาเงินล้านเสกน้ำมนต์..?
ตอบ : อาบด้วยกินด้วย ถาม : ต้องเสกนานขนาดไหนคะ ? ตอบ : ถ้าสมาธิทรงตัวก็นิดเดียว ถ้าสมาธิไม่ทรงตัวก็ว่านานหน่อย ถาม : คำว่าสมาธินี่ต่ำสุดต้องขั้นไหนคะ ? ตอบ : ต่ำสุดต้องเป็นอุปจารสมาธิ ชั้นสูงกว่านั้นเรียกว่าอุปจารฌานจ้ะ ถ้าได้ถึงปฐมฌานยิ่งดี ถ้าได้มากกว่านั้นก็วิเศษเลย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-02-2013 เมื่อ 01:58 |
สมาชิก 236 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|