#1
|
||||
|
||||
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๖๖
__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด (-/\-) (-/\-) (-/\-) |
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๑๘ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ กระผม/อาตมภาพเดินทางไปยังสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ ด้วยความอนุเคราะห์ของพระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ดร. เจ้าอาวาสวัดอุทยาน ซึ่งตนเองมีงานยุ่งอยู่แล้ว แต่ก็ยังอุตส่าห์ไปส่ง
เพียงแต่ว่าการนัดพบการเวลาตี ๕ ตรง ที่ชั้น ๔ ประตู ๘ เคาน์เตอร์ S ของสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมินั้น เมื่อกระผม/อาตมภาพไปถึง ได้พบเพียงพระมหาสมคิด อตฺถสิทฺโธ ปธ. ๗ เจ้าอาวาสวัดหนองโพ จังหวัดราชบุรี รองเจ้าคณะอำเภอโพธาราม นั่งอยู่รูปเดียวเท่านั้น เมื่อทักทายกันเรียบร้อยแล้วก็นั่งรอกันต่อไป จนกระทั่งญาติโยมและพระค่อย ๆ ทยอยกันมา บุคคลที่มาถึง ประกอบไปด้วย พระครูโสภิตปัญญากร (เชาวลิตร ชิตงฺกุโร) เจ้าคณะอำเภอเมืองระยอง เจ้าอาวาสวัดป่าประดู่ (พระอารามหลวง) ท่านอาจารย์พระมหาสุรชัย วราสโภ, ดร. ป.ธ. ๗ เจ้าอาวาสวัดหนองน้ำขุ่น รักษาการเจ้าคณะอำเภอเขาชะเมา เมื่อนั่งคุยกันได้สักครู่หนึ่ง ปรากฏว่ามีพระ ตลอดจนกระทั่งญาติโยมจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ท่านขอมาทำบุญด้วย ซึ่งพระรูปนั้นก็คือครูบาแก้ว ขนฺติโก พรรษา ๒๐ จากแขวงกำแพงนครเวียงจันทน์ ส่วนญาติโยมทั้งคู่นั้นเคยไปวัดท่าขนุนมาแล้ว ก็คือคุณทิปกร และคุณอาภรณ์ทิพย์ ไซยะวงศ์แสง ซึ่งมาถวายเหรียญสมเด็จองค์ปฐมยิ้มรับทรัพย์ พิมพ์เล็ก เนื้อทองคำ เลี่ยมทอง พร้อมกับสร้อยคอทองคำ น้ำหนักน่าจะประมาณ ๕ บาท พร้อมกับเงินสดอีก ๕๐,๐๐๐ บาท เพื่อร่วมบุญในการเดินทางไปยังประเทศศรีลังกาครั้งนี้ เมื่อบรรดาญาติโยมทยอยกันมาครบแล้ว เจ้าหน้าที่ก็ตรวจสอบรายชื่อ แจกป้ายติดกระเป๋า ครั้นได้เวลาจึงมายืนรอเช็คอิน เพียงแต่ว่าไม่ถึงกับกดดันเจ้าหน้าที่เท่านั้น โดยงานนี้ท่านอาจารย์พระมหาสมคิด ได้ขนเครื่องสักการบูชาพระบรมธาตุเขี้ยวแก้วมา อย่างชนิดที่เรียกว่ามากมายทีเดียว โดยที่บรรจุหีบห่อมาอย่างดี แต่ด้วยความที่ว่าข้าวของเยอะมาก ต้องเฉลี่ยน้ำหนักกับผู้อื่น โดยที่กระผม/อาตมภาพนั้น ไม่มีกระเป๋าที่จะฝากขึ้นเครื่องเลย จึงยกน้ำหนัก ๓๐ กิโลกรัมให้ไปทั้งหมด ขนาดนั้นกว่าที่จะเสร็จเรียบร้อย ก็ตกครึ่งค่อนชั่วโมงสำหรับพระ แล้วทางด้านญาติโยมจึงเข้าแถวต่อ เพื่อที่จะเช็คอิน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 19-12-2023 เมื่อ 04:10 |
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
กระผม/อาตมภาพเดินเข้าไปยังภายในก่อน ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ชี้ให้ไปช่องทางด่วนพิเศษ แล้วเข้าไปสแกนพาสปอร์ตโดยระบบอัตโนมัติ กระผม/อาตมภาพไม่เคยสแกนผ่านในระบบอัตโนมัติมาก่อนเลย เนื่องเพราะว่าสมณศักดิ์ของพระนั้น ไม่มีการเว้นวรรคนามสกุลเหมือนอย่างกับญาติโยมเขา แต่ครั้งนี้ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น จึงมีความสะดวกเป็นพิเศษ สามารถที่จะสแกนผ่านโดยง่าย แล้วก็เข้าไปตรวจผ่านเครื่องเอ็กซเรย์ จนกระทั่งเข้าไปนั่งรออยู่ที่หน้าประตูขึ้นเครื่อง โด่เด่อยู่คนเดียว
เป็นเวลานานมาก กว่าที่พระครูสิทธิวัฒนคุณ (พรพรหม ฐิตคุโณ) เจ้าอาวาสวัดกระจัง จะตามเข้ามาเป็นรูปที่สอง ครั้นสอบถามแล้วจึงได้รู้ว่า บรรดาพระและญาติโยมนั้น เมื่อผ่านเข้ามาแล้ว ก็ไปฉันเช้าและรับประทานอาหารเช้ากันอยู่ จนกระทั่งทางด้านนี้เรียกขึ้นเครื่องแล้ว กระผม/อาตมภาพจึงไม่รอใคร ขึ้นไปนั่งรออยู่ด้านบนก่อน ท่านอื่น ๆ ค่อย ๆ ทยอยตามกันมา ศรีลังกันแอร์ไลน์ ขึ้นตรงเวลา คือ ๙ โมงเช้าของประเทศไทย กระผม/อาตมภาพไม่ได้ใส่ใจเรื่องการขึ้นลงของเครื่องบิน หากแต่กำหนดจิตเข้าสู่สมาธิ น้อมกราบขอบารมีพระ พรหม เทวดา และครูบาอาจารย์ทั้งหมด ให้การเดินทางครั้งนี้สะดวกและปลอดภัยทุกประการด้วย จากนั้นก็ภาวนา สะสม "เสบียงบุญ" ไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งท่านอาจารย์พระมหาสุรชัย วราสโภ, ดร. ท่านสะกิดว่าเขาเอาอาหารมาส่ง ก็ได้แต่ยกมือตีใบ้ว่าไม่รับ เมื่อภาวนาไปประมาณ ๒ ชั่วโมง คลายกำลังใจออกมา ปรากฏว่าเครื่องบินค่อย ๆ ลดระดับลงแล้ว และท้ายที่สุดก็ลงสู่สนามบินนานาชาติบันดราไนยเก เมืองโคลัมโบ ประเทศศรีลังกา ครั้นเมื่อพวกเรานั่งรถบัสจากกลมงสนามบินเข้ามาจนถึงตัวอาคารผู้โดยสารแล้ว ก็ต้องมาผ่านกองตรวจคนเข้าเมืองศรีลังกา แต่เจ้าประคุณรุนช่องเถอะ..! ทุกช่องมีแต่คนเข้าคิวยาวเหยียดยืดยาดมาก มีช่องเดียวที่ว่างอยู่ ครั้นกระผม/อาตมภาพเดินเข้าไปถึง แล้วไปยืนงง ๆ อยู่เล็กน้อย เพราะเขาเขียนว่า Crew Only สำหรับบรรดาลูกเรือเท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือพนักงานบนเครื่องบินทั้งสิ้น บรรดาพรรคพวกเพื่อนฝูงพระภิกษุ เห็นกระผม/อาตมภาพเดินเข้าไป ก็ตามกันมาจนหมด ทำเอาบรรดาแอร์โอสเตส แม้กระทั่งสจ๊วต หรือว่ากัปตันก็ยืนตาปริบ ๆ กระผม/อาตมภาพก็เกรงใจว่าเขาอาจจะต้องเร่งไปเปลี่ยนเครื่องลำใหม่กัน จึงโบกมือให้บรรดาลูกเรือผ่านหน้าไปก่อน เมื่อเขาทั้งหลายเหล่านั้นผ่านไปแล้ว เจ้าหน้าที่ก็เรียกพวกกระผม/อาตมภาพเข้าไป ตรวจสอบวีซ่า แล้วก็ประทับตราลงบนพาสปอร์ตให้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 19-12-2023 เมื่อ 04:15 |
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
ครั้นออกมาด้านนอก กระผม/อาตมภาพวิ่งหาห้องน้ำก่อนเพื่อน เนื่องเพราะว่ารู้สึกปวดปัสสาวะตั้งแต่เครื่องเพิ่งจะเริ่มขึ้น แต่พอเข้ากรรมฐานไปแล้วก็ไม่รู้สึกอะไร พอคลายกำลังใจออกมา รู้สึกว่าปวดปัสสาวะมาก จึงต้องรีบเข้าห้องน้ำก่อน ผลปรากฏว่านั่งปัสสาวะอย่างเดียวเกือบนาทีครึ่ง..! เสร็จสรรพเรียบร้อยแล้วก็เดินไปยังสายพานที่ ๓ เพื่อรอรับกระเป๋า ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้มีกระเป๋ากับใครเลย เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่ามีกระเป๋าส่วนตัวใบเดียว น้ำหนักประมาณ ๕ กิโลกรัมเท่านั้น จะไปไหนใกล้ไกลขนาดไหน ก็ไปแค่นี้ จึงทำให้ทุกคนแปลกใจว่าไปได้อย่างไรกัน ?
ครั้นรอจนกระทั่งญาติโยมทุกคนผ่านมาแล้ว ถึงได้ทราบว่า ที่ช้านั้นเพราะว่ามีโยมท่านหนึ่ง ไม่มีวันและเดือนเกิด มีแต่ปี พ.ศ. เกิดเท่านั้น จึงทำให้ทางด้านเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง สอบถามซักไซ้เป็นการใหญ่ แต่ท่านอาจจะไม่คล่องตัวในภาษาอังกฤษสำเนียงแขก ไม่สามารถที่จะอธิบายให้กระจ่างได้ จึงต้องให้พระศรีลังกาผู้ประสานงานของเรา คือท่านอริยรัตนะไปทำการอธิบายให้แทน เมื่อผ่านมาได้ ก็รับกระเป๋ากันชนิดที่ดูแล้วไม่น่าเชื่อว่ากระเป๋ารวมกันแล้วจะมากมายขนาดนี้ เดินออกมาทางด้านนอกได้ กระผม/อาตมภาพก็ตรงไปแลกเงินศรีลังกาก่อน โดยเอาธนบัตรจีน ก็คือเงินหยวน จำนวน ๕๐๐ หยวน ไปแลก ซึ่งอัตราแลกเปลี่ยนก็ถือว่าใช้ได้ทีเดียว ขณะเดียวกัน คนอื่น ๆ ออกมา ก็มาแลกเงินกันเป็นการใหญ่ ทำให้เสียเวลาตรงนี้ไปค่อนข้างที่จะมาก เดินเลยที่แลกเงินออกมาหน่อยก็มีสาว ๆ ๓ - ๔ คน ถือพวงมาลัยดอกมะลิสด มาต้อนรับคณะของเรา แล้วนำทางไปยังรถบัสที่มารับ โดยปกติแล้วรถคันนี้นั่งได้ ๔๐ คน แต่ว่าพวกเรามากันทั้งหมดแค่ ๓๒ คนเท่านั้น จึงทำให้นั่งกันแบบหลวม ๆ ค่อนข้างที่จะสบาย แล้วเขาก็พาคณะของเรา เดินทางตรงไปยังร้านอาหารของมื้อกลางวันนี้ เมื่อไปถึงสถานที่ เริ่มเลี้ยวเข้าสู่ตัวห้องอาหาร กระผม/อาตมภาพก็จำได้ว่านี่เป็นโรงแรม Vivanta Colombo Airport Garden Hotel ซึ่งคราวที่แล้วกระผม/อาตมภาพก็มารับประทานอาหารที่นี่เอง เมื่อเข้าไปถึงห้องอาหารของทางโรงแรม เป็นอาหารบุปเฟต์ ตักกันตามสบาย ซึ่งระยะเวลาตอนนี้ประมาณเที่ยงครึ่งของศรีลังกาแล้ว แปลว่าเป็นเวลาบ่าย ๒ โมงของเมืองไทย จึงไม่ต้องแปลกใจว่าญาติโยมบางท่านทำไมรู้สึกหิวได้ขนาดนั้น..! ครั้นฉันเพลเสร็จสรรพเรียบร้อย กระผม/อาตมภาพก็เดินไปดูยังอีกอาคารหนึ่ง เพราะจำได้ว่ามีมุมกาแฟสวย ๆ อยู่ทางด้านนั้น แต่ว่ารถบัสของเรา พอเห็นก็ขับเข้ามาจอดรอ ลักษณะเหมือนกับกดดัน แถมยังไปหาลังไม้มาใบหนึ่ง ให้ทุกคนรองเท้าตอนก้าวขึ้น เนื่องเพราะว่าขาลงมีเสียงบ่นว่าบันไดรถบัสสูงเกินไป ทำให้ลงไม่ถนัด อาจจะเจ็บหัวเข่า หรือข้อเท้าพลิกได้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 19-12-2023 เมื่อ 04:22 |
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
เมื่อขึ้นรถเสร็จสรรพเรียบร้อย ทางด้านโชเฟอร์ก็พาวิ่งไปยังวัดเกลาณิยวิหาร หรือที่คนไทยเรียกว่าวัดกัลยาณี ซึ่งใช้ระยะเวลาในการเดินทางนานเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน
ครั้นพอเห็นรั้วยาวเหยียด กระผม/อาตมภาพก็จำได้ว่าเป็นวัดเกลาณิยวิหารแล้ว แต่คราวนี้เขาไม่ให้เลี้ยวซ้ายไปยังลานจอดรถ เหมือนครั้งก่อนที่กระผม/อาตมภาพมา แต่ว่าเขาเปิดประตูใหญ่ให้ตรงเข้าไปจอดด้านในเลย โดยที่อยู่ห่างจากต้นพระศรีมหาโพธิ์ไม่ไกลเท่านั้น พวกเราจึงเข้าไปถ่ายรูปหมู่กันก่อน หลังจากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่นำเอาน้ำและดอกไม้ มาให้พวกเรารดถวายต้นพระศรีมหาโพธิ์ และนำเอาดอกไม้นั้นเข้าไปบูชาพระในมหาวิหาร หลังจากที่สวด อิติปิ โสฯ ๓ ห้อง ถวายเป็นพุทธบูชา และถวายดอกไม้กันแล้ว พวกเราก็เดินชมความงามในมหาวิหาร ส่วนที่น่าชื่นชมที่สุดก็คือภาพเขียนสีงาม ๆ ที่ส่วนใหญ่แล้วพวกเราจะได้เห็นก็ต่อเมื่อเป็นโบสถ์ฝรั่ง หรือว่าบรรดาปราสาทราชวังของทางยุโรปเท่านั้น แต่มหาวิหารวัดเกลาณิยวิหารนี้ มีรูปเขียนสีงาม ๆ และรูปปูนปั้นลงสีงาม ๆ จำนวนมากด้วยกัน โดยเฉพาะมีพระพุทธรูปตั้งอยู่ในจุดที่พระไตรปิฎกกล่าวถึงว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเสด็จมาโปรดที่ตัมพปัณณิทวีป ซึ่งทุกคนก็ทราบว่าคือเกาะลังกานั่นเอง เมื่อถ่ายรูปและชมสถานที่ภายในกันเรียบร้อยแล้ว ก็ออกมาสักการะพระเจดีย์ ถ่ายรูปหมู่ จากนั้นก็ไปเข้าห้องน้ำ แล้วกลับขึ้นรถ ให้เขาพาวิ่งเข้าสู่ใจกลางเมืองโคลัมโบ ตรงไปยังวัดคงคาราม ซึ่งวัดนี้เป็นวัดที่แปลกมาก เพราะว่าเป็นวัดที่รวมศาสนาพุทธทุกนิกายยังไม่พอ ยังมีฮินดู อย่างรูปของพระพิฆเณศวร์ รูปของพระสุรัสวดีทรงนกยูง จึงทำให้เห็นว่าเป็นวัดที่เปิดกว้างมาก พวกเราเข้าไปเจริญพระพุทธมนต์ถวายองค์พระประธาน แล้วถ่ายรูปหมู่ร่วมกัน หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็นำเข้าไปสักการะพระบรมธาตุ โดยเฉพาะพระเกศาธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยการสวด อิติปิ โสฯ ๓ ห้อง ถวายเป็นพุทธบูชาแล้ว พระเจ้าหน้าที่ก็พาเข้าไปด้านใน นำเอาพระพุทธรูปซึ่งบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ครอบศีรษะเพื่อความเป็นมงคลให้กับทุกคน แล้วออกมาพาพวกเราเข้าไปชมพิพิธภัณฑ์ของวัด ส่วนที่กระผม/อาตมภาพสนใจที่สุดก็คืองาช้างแกะสลักต่าง ๆ จำนวนมากมาย เพราะว่าศรีลังกานั้นมีช้างเป็นสัตว์ประจำชาติ แล้วขณะเดียวกันการถวายสิ่งของเป็นพุทธบูชา ธัมมบูชา สังฆบูชานั้น ก็นิยมถวายงาช้างด้วย โดยเฉพาะส่วนหนึ่งที่กระผม/อาตมภาพสนใจก็คือ บรรดางางอก หรือว่าคดงาช้าง ซึ่งของที่นี่นั้น มีทั้งที่สวยงามชนิดเหมือนกลึงขึ้นมาเลยก็มี หรือว่ามีเฉพาะที่รูปทรงเป็นธรรมชาติก็มาก บางอันก็เป็นงาในลักษณะของขนาย แต่ว่างอกตะปุ่มตะป่ำไปทั้งอัน ส่วนทั้งหลายที่จัดแสดงอยู่ นี้ คราวที่แล้วกระผม/อาตมภาพไม่ได้มากับ VVIP อย่างท่านอาจารย์พระมหาสมคิด จึงไม่ได้เข้าไปชมภายในใกล้ชิดแบบนี้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 19-12-2023 เมื่อ 04:30 |
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#6
|
||||
|
||||
ครั้นกลับมาขึ้นรถแล้ว พวกเราก็วิ่งไปยังที่พักคืนนี้ ซึ่งห่างออกเป็นระยะทางรถวิ่งเป็นชั่วโมง ท่านอาจารย์พระมหาสมคิดบอกว่า Suriya Resort นี้อยู่ติดทะเล เป็นที่พักระดับ ๔ ดาวครึ่ง
ขณะเดียวกัน เมื่อเริ่มออกเดินทางก็มีการสวดมนต์ไหว้พระ แล้วก็ให้กระผม/อาตมภาพบอกกล่าวเรื่องที่สมควรจะบอกให้แก่ญาติโยมทั้งหลายได้ฟัง กระผม/อาตมภาพจึงได้เล่าในเรื่องของพระพุทธศาสนาในศรีลังกา ว่ามีความสัมพันธ์กับสยามประเทศอย่างไร บรรยายไปเกือบชั่วโมง พอส่งไมโครโฟนคืนไป ฝนก็ตกลงมาพอดี พวกเราจึงต้องวิ่งฝ่าฝนไปยังที่พัก จนกระทั่งเวลา ๕ โมงกว่าของทางประเทศศรีลังกา จึงไปถึง Suriya Resort เข้าไปแล้ว ทางเจ้าหน้าที่มาต้อนรับ ให้พวกเราจุดประทีป เพื่อเป็นการนำแสงสว่างให้กับรีสอร์ทของเขา อยู่ในลักษณะการอำนวยพรให้เขาเจริญรุ่งเรือง กระผม/อาตมภาพจึงจุดให้ไป ๒ ดวงเลย หลังจากนั้นก็มารับเครื่องดื่มต้อนรับหรือ Welcome Drink ซึ่งมีน้ำแตงโม อีกอย่างหนึ่งนั้น ทางด้านพนักงานบอกว่าเป็น Wood Apple กระผม/อาตมภาพก็ไม่รู้จัก Wood Apple ว่าเป็นอะไร เมื่อรับมาชิมเข้าไปก็ร้องอ๋อ..! ที่แท้ก็มะขวิดนี่เอง เขาเอามะขวิดมาทำเป็นน้ำผลไม้ต้อนรับพวกเรา ครั้นรับ Welcome Drink กันเสร็จสรรพเรียบร้อย ก็รอท่านอริยรัตนะ ซึ่งไปจัดการเคลียร์เรื่องห้องพักให้ กระผม/อาตมภาพกับน้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) นั้นได้รับสิทธิพิเศษ พักห้องเดี่ยว ขณะที่รูปอื่นแม้ว่าจะเป็นหัวหน้าคณะอย่างท่านอาจารย์พระมหาสมคิด ก็ยังต้องพักคู่กับพระรูปอื่น เมื่อกระผม/อาตมภาพมาถึงห้องพัก ก็รู้สึกว่าสมกับราคาคุยว่าเป็นรีสอร์ต ๔ ดาวครึ่ง เพราะบรรยากาศโดยรอบริมทะเลงดงามสุด ๆ จึงได้รีบทำการบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนนี้ก่อน เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว ว่าจะไปขอรหัส WIFI จากทางรีสอร์ต แล้วมาทำการส่งเสียงธรรมให้ไอ้ตัวเล็ก จะได้ทำการอัพลง YouTube ให้ญาติโยมได้ฟังกันต่อไป สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๘ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 19-12-2023 เมื่อ 04:34 |
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|