กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๗ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนเมษายน ๒๕๖๗

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 19-04-2024, 19:56
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 351
ได้ให้อนุโมทนา: 3,307
ได้รับอนุโมทนา 19,096 ครั้ง ใน 829 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๖๗

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๖๗


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 19-04-2024, 23:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,713
ได้ให้อนุโมทนา: 152,065
ได้รับอนุโมทนา 4,418,661 ครั้ง ใน 34,303 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๑๙ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ ตั้งแต่กลับมาถึง กระผม/อาตมภาพก็หัวทิ่มอยู่กับการจารเหรียญเสริมปัญญา เพื่อให้ลูกกิฟท์ (นางสาวอันตรา ลักษณะ) เอาไปจำหน่ายให้ลูกเพจ เงินส่วนหนึ่งจะได้เอามาใช้ในกิจการวัดของเราต่อไป

จะว่าไปแล้ว งานนี้กระผม/อาตมภาพต้องบอกว่า "ดวงแตก" มาก จองเหรียญไม่ทันเลยแม้แต่แบบเดียวหรือสักรุ่นเดียว ญาติโยมน่าจะได้ข่าวแล้วสงสาร วันงานก็เลยคนโน้นถวาย ๑ องค์ คนนี้ถวาย ๒ องค์ รวมแล้วได้เป็นลังเหมือนกัน..! ก็ยังสงสัยอยู่ว่า บางคนไปรับตามที่จองบูชาไว้ แล้วก็เอามาถวายเสียจนหมด ตกลงว่าจองบูชาไว้ทำอะไร ?

แต่ว่าในวาระที่เป็นมงคลแบบเสาร์ ๕ เดือน ๕ ปี ๕ (ปีมะโรง) เป็นเรื่องที่หายากสุด ๆ และ
โดยเฉพาะเรื่องที่พระท่านสงเคราะห์ ต้องยอมรับว่า ท่านว่าอย่างไรก็เป็นไปตามนั้นจริง ๆ เมื่อขออนุญาตท่านให้หยุดยั้งภาวะสงครามเอาไว้ก่อนพิธีปลุกเสกจะเสร็จ ท่านทั้งหลายก็เห็นว่าปลุกเสกวันเสาร์ พอเช้าวันอาทิตย์ อิหร่านก็ถล่มอิสราเอลเลย..! มาวันนี้อิสราเอลก็คงถือตามคำสอนพระพุทธเจ้า วันทะโก ปฏิวันทะนัง ผู้ไหว้ย่อมได้รับการไหว้ตอบ ผู้ให้ย่อมได้รับการให้ตอบ ในเมื่อเขาให้ลูกยาวมา อิสราเอลก็ให้คืนไป คราวนี้ก็อยู่ที่ว่าระบบป้องกันภัยของใครจะดีกว่านั้นเท่านั้น..!

สงครามโลกครั้งที่ ๒ เราจะเห็นว่าอาวุธที่ร้ายแรงที่สุดก็คือระเบิดปรมาณู (Atomic Bomb) เดี๋ยวนี้เขามีระเบิดตัดอากาศ ระเบิดไฮโดรเจน ระเบิดนิวเคลียร์ แล้วแถมยังมีขีปนาวุธเร็วกว่าเสียงอีก ถึงได้มีผู้รู้เขาทำนายเอาไว้ว่า ถ้าเกิดสงครามโลกครั้งที่ ๔ พวกเราจะใช้ก้อนหินขว้างกัน และใช้ไม้ทุบกัน..! เพราะว่าสงครามโลกครั้งที่ ๓ นั้นถล่มทลายจนไม่เหลืออะไรแล้ว..!!

แต่ว่าเรื่องนี้กระผม/อาตมภาพสบายใจอยู่อย่างหนึ่ง ก็คือเรื่องของบารมีพระท่านสงเคราะห์ ท่านทั้งหลายต้องเข้าใจอยู่อย่างหนึ่งว่า ในเรื่องการสงเคราะห์ของพระ ของพรหม ของเทวดา ตลอดจนกระทั่งครูบาอาจารย์นั้น "ต้องขอ ถึงจะได้" แล้วก็ไม่ใช่ขอได้ทุกคน คนที่ขอต้องมีต้นทุนเพียงพอด้วย

แต่ว่าภายในบ้านเราเมืองเรา หลวงปู่หลวงพ่อที่ต้นทุนเพียงพอมีอยู่จำนวนค่อนข้างที่จะมาก ในเมื่อท่านนั้นนิด ท่านนี้หน่อย ถ้าหากว่าใครมีทิพจักขุญาณ หรือไม่ก็เจริญกรรมฐาน ตามวิธีการที่กระผม/อาตมภาพสอนไปทุกครั้งที่มีการปฏิบัติธรรม เมื่อขยายตัวเองจนกระทั่งโตเต็มจักรวาล แล้วมองกลับลงมาอีกที จะเห็นว่า
มีรัศมีสีม่วงอ่อนคลุมประเทศไทยทั้งประเทศแล้ว ก็แปลว่า ถ้ามีอะไรหนักหนาสาหัสในเรื่องสงครามขึ้นมา บ้านเราจะปลอดภัยประมาณ ๘๐ เปอร์เซ็นต์ ถ้าถามว่า "แล้วอีก ๒๐ เปอร์เซ็นต์ ?" อีก ๒๐ เปอร์เซ็นต์ ก็ต้องยอมรับกฎของกรรมไป ว่าคุณทำกรรมมาหนักแล้ววาระส่งผลตอนนั้นพอดี..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-04-2024 เมื่อ 01:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 19-04-2024, 23:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,713
ได้ให้อนุโมทนา: 152,065
ได้รับอนุโมทนา 4,418,661 ครั้ง ใน 34,303 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

โดยเฉพาะท่านทั้งหลายที่อยู่ต่างประเทศ กระผม/อาตมภาพเตือนมาหลายวาระแล้ว ในเมื่อท่านทั้งหลายอ้างความจำเป็นอย่างหนึ่ง หรือมั่นใจว่าวัตถุมงคลที่พกเอาไว้เพียงพอที่จะคุ้มตัวอย่างหนึ่ง ก็ขอให้รักษาพุทธานุสติ ธัมมานุสติ สังฆานุสติเอาไว้ให้ดี

โดยเฉพาะถ้าปฏิบัติตามกฎเกณฑ์กติกาได้ ก็คือมีความเคารพในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์จริง ๆ ไม่ล่วงเกินด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง รักษาศีลทุกสิกขาบทให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ ไม่ละเมิดศีลด้วยตนเอง ไม่ยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นละเมิดศีล ไม่ยินดีเมื่อเห็นผู้อื่นละเมิดศีล และมีปัญญา รู้ตัวอยู่เสมอว่าเราจะต้องตาย ถ้าหากว่าตายลงไป เราขอไปอยู่กับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่พระนิพพานแห่งเดียวเท่านั้น

ถ้าใครรักษากฎเกณฑ์กติกาเหล่านี้ได้โดยสมบูรณ์ ท้าวมหาราชทั้ง ๔ จะให้บริวารช่วยอภิบาลรักษาให้ตัวท่านปลอดภัย ต่อให้อยู่กลางดงระเบิด ก็ไม่น่าเป็นอันตราย แต่ขออภัย..เรื่องนี้ได้เฉพาะตัว ใครทำได้ ท่านรักษาแค่คนนั้น ไม่ใช่ว่ารักษาทั้งครอบครัว หรือว่ารักษาทั้งสถานที่ด้วย

การรักษาทั้งครอบครัว หรือว่าทั้งสถานที่ มีวัตถุมงคลบางรุ่นที่ท่านสงเคราะห์ให้ แต่ก็ต้องอาราธนา หรือใช้คำว่าปลุกอยู่ทุกวัน
ก็ถือว่าท่านที่อยู่ต่างประเทศโชคดี จะได้มีอนุสติที่เข้มข้นขึ้น เป็นหลักสูตรเร่งรัด พูดง่าย ๆ ว่าทิ้งเมื่อไรตายเมื่อนั้น อยากอยู่ต่อก็ต้องภาวนาเข้าไว้

ส่วนท่านที่อยู่บ้านเราเมืองเรา โปรดอย่าประมาท ไม่ใช่ว่ารอดจากสงคราม แต่ดันไปขับรถชนตาย..! ถ้าอย่างนั้นก็ได้แต่สมน้ำหน้า
เพราะว่าพวกเราแต่ละคนไม่ใช่เกิดมาชาติเดียว วาระของปาณาติบาตที่เราเคยฆ่าคน ฆ่าสัตว์ใหญ่เอาไว้ ต่อให้บางวาระ บางเวลา เป็นการกระทำเพื่อป้องกันประเทศชาติ เพื่อรักษาครอบครัว เพื่อรักษาตนเองก็ตาม แต่สิ่งที่เราทำนั่นก็คือปาณาติบาต ฆ่าคนอื่นไว้

ถ้าวาระที่เหมาะสม กรรมทั้งหลายเหล่านี้ จะมาสนองแน่นอน เพียงแต่ว่าช้าเร็วต่างกันไป เนื่องเพราะว่าขึ้นอยู่กับตัวเราด้วย ว่าสร้างต้นทุนความดีไว้มากเท่าไร ถ้ามีศีล มีสมาธิ มีปัญญา ต่อเนื่องตามกัน กรรมก็ได้แต่ตามอยู่ห่าง ๆ รอวาระ รอเวลาที่กุศลของเราขาดช่วงลง แล้วก็จะเข้ามาสนอง

ดังนั้น..พวกเราจึงควรที่จะดำเนินชีวิตอยู่อย่างผู้ไม่ประมาท พยายามปฏิบัติในทานมัย - การให้ทาน สีลมัย - การรักษาศีล ภาวนามัย - การเจริญสมาธิภาวนา ถ้าสามารถทำได้ต่อเนื่อง กุศลไม่ขาดช่วง เราก็ยังปลอดภัยได้ชั่วคราว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-04-2024 เมื่อ 01:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 20-04-2024, 00:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,713
ได้ให้อนุโมทนา: 152,065
ได้รับอนุโมทนา 4,418,661 ครั้ง ใน 34,303 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถ้าหากว่าเราดูตัวอย่างบุคคลบางคน ก็จะเห็นว่าสิ่งที่เขาทำนั้น บางทีเราก็เห็นว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง แล้วทำไมเขายิ่งทำ ก็รู้สึกเหมือนกับยิ่งมีอำนาจ ยิ่งร่ำรวย ก็เพราะว่าตอนนี้เป็นช่วงที่บุญเก่าเขาส่งผลอยู่ ถ้าไม่รู้จักสร้างเพิ่มเติม บุญขาดช่วงลงเมื่อไร กรรมทั้งหลายถล่มเข้ามาพร้อม ๆ กัน ก็จะเละเป็นโจ๊ก..! ขออภัย...ตรงนี้ไม่ได้พาดพิงใคร..!

ดังนั้น..สิ่งที่เราท่านทำอยู่ ต้องถามตัวเองด้วยว่า ถ้าสถานการณ์ฉุกเฉินขึ้นมา เพียงพอที่จะรักษาตัวเองหรือไม่ ? เพียงพอที่จะรักษาคนรอบข้างหรือไม่ ? เพราะว่ากำลังใจของคนเรา ถ้าแบ่งหยาบ ๆ แบ่งได้เป็นสามระดับด้วยกัน ระดับแรก..รักษาตัวเองยังไม่รอด ระดับที่สอง..รักษาตัวเองรอด แต่ช่วยคนอื่นไม่ได้ ระดับที่สาม..รักษาตัวเองรอดได้ ช่วยคนอื่นรอบข้างให้รอดได้ อย่างน้อยเราต้องทำถึงระดับที่สอง ก็คือรักษาตัวเองให้รอดได้ จะได้ไม่เป็นภาระคนอื่น

ยิ่งกำลังสมาธิของเราเข้มแข็งเท่าไร เมื่อเสริมกับวัตถุมงคล ตลอดจนกระทั่งกุศลบารมีที่เราสร้างมา เรื่องหนักก็เป็นเบา เรื่องเบาก็เป็นหาย แต่ถ้าหากว่ากำลังใจของเราไม่เข้มแข็งพอ ก็อาจจะมีทรัพย์สินเสียหาย มีบาดเจ็บล้มตาย แล้วแต่สภาพจิตใจของเราว่าทำได้เท่าไร

ก็แปลว่าเรื่องทั้งหลายที่กระผม/อาตมภาพปรารภมาก็คือ
"ใครทำใครได้" จะไปหวังพึ่งครูบาอาจารย์อย่างเดียว ก็จะอยู่ในลักษณะภาษิตจีนที่ว่า "ฉุกเฉินขึ้นมา แล้วค่อยกอดพระบาทพระพุทธรูป" ก็คือก่อนหน้านั้นไม่เคยนึกถึงเลย ถ้าประเภทนั้นก็ประมาณดาบอยู่ในฝักจนสนิมขึ้นแล้ว พอจะใช้งานก็ชักไม่ออก..!

เรื่องของการภาวนาจึงต้องทำอยู่ทุกวัน ได้ทุกเวลายิ่งดี โดยเฉพาะพระภิกษุสงฆ์สามเณรของเรา เพราะว่าส่วนหนึ่ง ชาวบ้านเขาต้องพึ่งพาอาศัย เราอาศัยชาวบ้านมามากแล้ว ตั้งแต่วันแรกที่บวช ชาวบ้านเขาก็เลี้ยงเรามาตลอด เมื่อถึงเวลาชาวบ้านเดือดร้อน เรามีอะไรที่พอจะช่วยได้ ก็ต้องช่วย

อย่าไปวางเฉยในลักษณะคนขาดปัญญา ประมาณว่ากรรมใครกรรมมัน เนื่องเพราะว่าคนเราที่เกิดมาแล้ว มีโอกาสอยู่ร่วมกัน มีโอกาสพบเห็นกัน ต้องมีบุญมีกรรมสัมพันธ์กันมาอยู่แล้ว คนโน้นช่วยเหลือนิด คนนี้ช่วยเหลือหน่อย เราก็จะผ่านภาวะหนักหนาเหล่านี้ไปได้

กระผม/อาตมภาพเกรงอยู่อย่างเดียวว่า รัฐบาลของเรามัวแต่หาทางที่จะรักษาอำนาจตัวเอง จนกระทั่งลืมไปว่าสถานการณ์แบบนี้จะต้องบริหารจัดการอย่างไร ถ้าเป็นไปถึงระดับนั้น ก็ต้องบอกว่าเป็นความโชคร้ายของทุกคนจริง ๆ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องอาศัยหลักธรรมของพระพุทธเจ้าคือ "อัตตาหิ อัตตโน นาโถ ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน" ด้วยประการฉะนี้..!

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๑๙ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-04-2024 เมื่อ 01:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 01:07



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว