#1
|
||||
|
||||
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๖๗
|
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๑๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ อากาศช่วงเช้าอยู่ที่ ๙ องศาเซลเซียส แต่รู้สึกว่าหนาวมาก อาหารเช้าวันนี้ก็คงต้องรบราฆ่าฟันกับบรรดาลูกหลานพันธุ์มังกรเหมือนเดิม ดีที่ว่าน้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) ได้จองคิวเอาไว้ให้ แล้วตนเองไปต่อท้ายใหม่ ใครกระแทกมาก็กระแทกกลับ จึงสามารถที่จะหาอาหารมาใส่ปากใส่ท้องตนเองได้ ต้องยอมรับว่าในเรื่องมารยาทการเข้าสังคมของคนจีนนั้น ยังต้องปรับปรุงกันอีกมาก
เมื่ออิ่มหนำสำราญกันแล้ว ระหว่างที่รอรถมารับ ก็มีรายการช็อปปิ้งกันอีกตามเคย จะว่าไปแล้ว ท่านทั้งหลายเหล่านี้ก็เข้าถึงธรรมเป็นอย่างมาก เพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสถึงสุขของคฤหัสถ์ ๔ ประการ คือ มีทรัพย์ จ่ายทรัพย์ ไม่เป็นหนี้ ทำงานไม่มีโทษ การช็อปปิ้งถือเป็นความสุขของการจ่ายทรัพย์ เพราะฉะนั้น..ถ้ามีก็จ่ายไปเถอะ ไม่ว่าอะไรกันหรอก..! รถของเรามารับเวลาประมาณ ๘ โมงเช้า วิ่งออกจากจิ่วไจ้โกวไปยังเมืองซงพาน ซึ่งอากาศก็หนาวนิ่ง ๆ อยู่ที่ ๙ องศาเซลเซียสตลอดทาง แต่ว่าภูมิอากาศสวยมาก แดดเปรี้ยงฟ้าใสมาแต่ไกล ซึ่งทำให้ถ่ายรูปได้สวยเป็นพิเศษ โดยเฉพาะหมู่สนภูเขาและยอดเขาหิมะ จนกระทั่งมาแวะพักที่ "สถานีบริการน้ำมัน ยู สไมล์" ซึ่งมีร้านสะดวกซื้อ แต่ว่าพวกเรามาอาศัยในการเข้าห้องน้ำ ซึ่งรถทัวร์คณะอื่น ๆ ก็ใจเดียวกัน คิวการเข้าห้องน้ำจึงยาวมาก กระผม/อาตมภาพอาศัยความคล่องตัว มุดเข้าไป จนกระทั่งออกมาแล้ว คนอื่นเพิ่งจะเดินมาถึง ออกไปถ่ายรูปวัดที่อยู่ข้างสถานีบริการน้ำมันแล้วกลับมา เจอญาติโยมคณะหนึ่งซึ่งมากับรถทัวร์อีกคัน กำลังนั่งยอง ๆ อาเจียนใส่ถุงเป็นการใหญ่ คาดว่าคงจะเมารถจนทนไม่ไหว เรื่องแบบนี้ต้องบอกว่าตัวใครตัวมัน..! วันนี้พี่นวล (คุณนวลจันทร์ เพียรธรรม) มีเซอร์ไพรส์ให้กับทุกคน ก็คือเนื่องจากว่าเป็นเดือนเกิดของคุณบุญชู (นายบุญชู ถาแก้ว) และลูกเหมียว (นางนภา ศิริวรดล) โดยเฉพาะลูกเหมียวนั้นเกิดวันนี้เลย ทางด้านเอ็นซีทัวร์มีของขวัญให้กับทั้งสองคนด้วย เสียง "แฮปปี้ เบิร์ธเดย์ ทู ยู" ก็เลยดังลั่นไปทั้งรถ กระผม/อาตมภาพเองซื้อของที่ระลึกมาสองชิ้น ตั้งใจจะเอาไปฝากลูกอ้วน (นางสาวภัทรวรรณ จะหวะ) ชิ้นหนึ่ง อีกชิ้นหนึ่งว่าจะเก็บเอาไว้เป็นที่ระลึกเอง จึงตัดใจยกให้กับลูกเหมียวไปด้วย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-05-2024 เมื่อ 05:29 |
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
พวกเราวิ่งรถมาจนกระทั่งถึงบริเวณอุทยานแห่งชาติหวงหลง ซึ่งก็ยังอยู่ในเขตเมืองซงพานนั่นเอง อุทยานแห่งชาติหวงหลงนั้น เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งหนึ่งของประเทศจีน คุณไวมัคคุเทศก์ของเราพาไปซื้อตั๋วเข้าชมเสียก่อน โดยเฉพาะผู้ที่อายุ ๖๐ ปีขึ้นไปในคณะของเราซึ่งมีหลายคนได้รับสิทธิพิเศษ
เมื่อได้ตั๋วมาเรียบร้อยแล้ว พวกเราเข้าไปรับประทานอาหาร ในห้องอาหารของโรงแรมหลังมหึมา กระผม/อาตมภาพอ่านภาษาจีนไม่ออกเสียด้วย รู้อยู่อย่างเดียวว่า หรูหราจนกระทั่งถ้ามาเองก็ไม่กล้าเดินเข้ามาแล้ว..! กับข้าวอย่างแล้วอย่างเล่าก็ทยอยกันส่งเข้ามา ขณะที่กระผม/อาตมภาพ พระครูโรจน์กาญจนเขต, ผศ.ดร. ตลอดจนกระทั่งท่านต้นไม้ (พระครูสมุห์กรณ์พัฒน์) ก็นั่งอยู่ในวงล้อมของอุบาสก พูดง่าย ๆ ก็คือนั่งวงเดียวกันกับญาติโยมนั่นเอง เพียงแต่ว่าตักแบ่งอาหารกันออกมาจนเรียบร้อยแล้ว ที่เหลือจึงยกให้กับญาติโยมทั้งหลายได้กินไป ครั้นเสร็จสรรพจากมื้ออาหาร ไปเข้าห้องน้ำกันแล้ว พวกเราก็อาศัยบันไดขึ้นห้องอาหารเป็นที่ถ่ายรูปหมู่ เนื่องเพราะเกรงว่าถ้าวันนี้เดินมากแล้ว จะหมดสภาพ หน้าตาดูไม่ได้ ต่อไปก็ไม่รู้จะหลอกให้ใครให้มาได้อีก..! จากนั้นพวกเราก็เดินไปเพื่อที่จะขึ้นกระเช้าลอยฟ้า ขึ้นไปยังยอดเขาอุทยานแห่งชาติหวงหลง ซึ่งกระเช้านั้นนั่งได้คันละ ๘ คน ปรากฏว่าวิ่งผ่านดงสนภูเขาไป คล้าย ๆ กับกระเช้าที่ขึ้นยอดเขาทิตลิส (Titlis) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์เช่นกัน ครั้นขึ้นไปถึงข้างบนแล้ว ก็ยังต้องรอคณะให้มาครบ แล้วคุณไวก็ไปซื้อตั๋ว เพื่อที่จะให้พวกเรานั่งรถไฟฟ้าเข้าไปในจุดใกล้ที่สุดของอุทยานแห่งชาติหวงหลง เมื่อไปถึงแล้ว พวกเราลงมารอจนคณะครบ ก็โดนมัคคุเทศก์ของเรา "เท" เอาดื้อ ๆ โดยที่คุณไวบอกให้พวกเราเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา เดินหน้าถอยหลังไปตามเส้นทางที่พวกเราไม่เคยไป แล้วหลังจากนั้นก็บอกว่าไม่ไปด้วยแล้ว จะไปรอที่ทางออกข้างนอก..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-05-2024 เมื่อ 08:45 |
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
กระผม/อาตมภาพพอที่จะทราบได้ตั้งแต่ตอนเดินไปซื้อตั๋วแล้ว ว่าความสูงระดับ ๓,๐๐๐ กว่าเมตรของที่นี่ ถ้าเดินเร็ว ๆ ก็รู้สึกว่ามีอาการเหนื่อยอยู่เหมือนกัน มัคคุเทศก์ของเราคงอยากจะถนอมสังขารเอาไว้ เพื่อรับใช้พวกเราในขากลับ แต่ว่าคุณนวลจันทร์กับน้องการ์ตูน (นางสาวศรัณย์พร บุรินทรโกษฐ์) ไม่ได้เกรงใจสังขารตัวเอง ตามพวกเราเข้าไปด้วย
ทางเดินนั้นสร้างขึ้นมาจากไม้สนภูเขาล้วน ๆ พอจะเริ่มเดินทาง เราก็ต้องผ่านการสแกนตั๋วเข้าไป แล้วมาเจอห้องน้ำที่สวยงามมาก ทำด้วยไม้สนทั้งหลัง เป็นระบบฟลัชเสียด้วย ก็คือต้องเหยียบกด เพื่อให้สิ่งโสโครกนั้นโดนดึงหายไป แล้วเราก็ได้ใช้ห้องน้ำแบบสบายใจมาก กระผม/อาตมภาพจึงเข้าไปเสียตั้งแต่ตอนแรก จากนั้นก็เดินเอ้อระเหยลอยชายไป เพราะว่าเคยชินกับที่สูงแบบนี้มาแล้ว เนื่องจากไปทั้งทิเบต ไปทั้งย่าติงมาแล้ว จึงไม่ได้รู้สึกหนักใจอะไร ระหว่างทางก็หยุดถ่ายรูปเป็นระยะไป ขณะที่บรรดาอากง อาม่า อาเฮีย อาเจ้ ถือกระป๋องออกซิเจนกันเป็นแถว กระผม/อาตมภาพไม่ได้พกมาเลย ทั้ง ๆ ที่คุณไวก็มีจำหน่ายเหมือนกัน และกระป๋องละ ๕๐ หยวนเท่านั้นเอง ครั้นเดินไปถึงตรงสามแยก ซึ่งกระผม/อาตมภาพเรียกว่าสามแยกมหาสมุด เนื่องเพราะว่ามีหนังสือเล่มใหญ่มหึมาอยู่สองเล่มตรงบริเวณนั้น วางเอาไว้ให้คนได้ถ่ายรูป กระผม/อาตมภาพเดินไปด้านซ้าย เพราะพิจารณาแล้วว่าทางด้านขวานั้นสูงชันเป็นพิเศษ เนื่องจากเข็ดมาตั้งแต่ที่อุทยานแห่งชาติย่าติง เพราะว่ามองไม่เห็นทางที่เดินง่ายกว่า จึงไปตะกายฟ้าขึ้นไปชนิดที่สองก้าวสามก้าวก็ต้องหยุดหอบหายใจครั้งหนึ่ง เมื่อมาครั้งนี้จึงจดจำไว้เป็นบทเรียน เดินไปจนกระทั่งถึงวัดหวงหลงซื่อ ซึ่งทางหน้าวัดมีต้นสนเก่าแก่ต้นหนึ่ง คือสนไพนาเซีย อายุนับถึงปีที่แล้วก็คือ ๑๓๗ ปี บรรดารุกขเทวดาต่าง ๆ ที่อาศัยอยู่ ก็รู้สึกว่าเฒ่าชะแรแก่ชราไปมาก ทั้ง ๆ ที่ตัวจริงไม่ได้ชราสักหน่อย ต้นสนไพนาเซียต้นนี้อายุ ๑๓๗ ปีแล้ว บรรดารุกขเทวดาต่างยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่กระผม/อาตมภาพอุทิศส่วนกุศลให้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-05-2024 เมื่อ 05:36 |
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
เมื่อเดินเข้าไปด้านใน น่าจะเป็นวัดของลัทธิเต่า เนื่องเพราะว่ามีรูปหล่อปรมาจารย์หยวนสื่อเทียนจุนอยู่ด้วย ส่วนด้านข้างก็มีพระสมันตภัทรโพธิสัตว์ พระมัญชุศรีโพธิสัตว์ มีกระทั่งเหลาจื่อ กระผม/อาตมภาพทำบุญทุกจุด ๆ ละ ๑๐๐ หยวน และขออุทิศส่วนกุศลให้กับหลวงปู่ไห่ทง พญาหวงหลงหวัง ท่านสุ่ยหลง ท่านสุ่ยเกา ตลอดจนกระทั่งท่านสุ่ยเจียว และบริวารทั้งหลาย ขอบคุณที่ช่วยดูแลอำนวยความสะดวกปลอดภัยให้กระผม/อาตมภาพและคณะมาตลอดทาง ทุกท่านโมทนากันอย่างชนิดฟ้าสะท้านดินสะเทือน..!
แล้วกระผม/อาตมภาพก็เดินทางต่อไป เพื่อที่จะไปยังสระน้ำหวงหลง ซึ่งเป็นสระน้ำเกิดจาการจับตัวของหินปูนเป็นชั้น ๆ ลงมา ลักษณะคล้าย ๆ สระสวรรค์ปามุคกาเล ที่ประเทศตุรกีเช่นกัน แต่ด้วยความที่มีคนมาก รวมกันอยู่ด้านล่าง ทำให้ถ่ายรูปไม่สะดวก และสิ่งหนึ่งที่คิดไม่ถึงก็คือว่า มีบุคคลเรียกร้องอยากจะดูหิมะ ปรากฏว่าเมื่อคืนหิมะไม่ได้ตกที่จิ่วไจ้โกว แต่มาตกที่หวงหลงนี่เอง ยังโดนกวาดกองอยู่ข้างกำแพงวัดเป็นจำนวนมาก กระผม/อาตมภาพจึงถ่ายรูปมาให้ทุกคนดู เพื่อเป็นเครื่องยืนยันว่าหิมะนั้นได้ตกจริง ๆ ตามที่ขอ เพียงแต่ตกคนละที่เท่านั้น..! แล้วก็เดินวนขวาสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ เพื่อที่จะถ่ายรูป โดยมีน้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) ป้ามอย (นางสาวมณีวรรณ สัมฤทธิ์) ลูกปุ๊ก (นางสาวสุมาลี ตีรเลิศพานิช) ตลอดจนกระทั่งคณะหลายท่านที่เดินตามทันไล่มาเป็นระยะ แล้วก็เพิ่งจะเห็นว่า ภาพมุมสูงนี่เอง ที่เป็นภาพปรากฏอยู่ในประชาสัมพันธ์สถานที่หวงหลงแห่งนี้ ครั้นเดินขึ้นไปถึงจุดสูงสุดก็ต้องตะลึง เนื่องเพราะว่าย่าเล็ก (นางภัทริณ จันทรนิภาพงศ์) ซึ่งอายุ ๘๔ ปีแล้ว มากับลูกสาว คือคุณแบงค์ (นางศรินธร เซ็นภักดี) และคุณหนุ่ม ลูกเขย (นายบัญชา เซ็นภักดี) ส่วนอีกสองตายายที่ตามขึ้นมาก็คือลูกเต้อ (นายมานนท์ ศิริวรดล) กับลูกเหมียว (นางนิภา ศิริวรดล) ซึ่งทั้งคณะนี้เดินผิดทาง ตะกายฟ้าขึ้นมาทางขวามือแทนที่จะเป็นทางซ้ายมือ..! กระผม/อาตมภาพจึงช่วยถ่ายรูปให้คุณยาย เรียบร้อยแล้วก็ขอตัวเดินลงมา ถึงบริเวณสามแยกมหาสมุด เจอน้องการ์ตูนกำลังถ่ายรูปอยู่ จึงผลัดกันถ่ายคนละที แล้วบอกน้องการ์ตูนว่า ให้เดินไปซ้ายมือแล้วค่อยอ้อมขวาลงมา จากนั้น กระผม/อาตมภาพก็เดินสำรวจบริเวณร้านค้า แล้วก็ไปเข้าห้องน้ำ ซึ่งสะอาดเอี่ยม น่าใช้มาก แต่ว่าทิชชู่หมดเกลี้ยงทุกห้องเลย..! เสร็จแล้วจึงเดินย้อนกลับมา ปรากฏว่าช่วงขาขึ้นนี้ รู้สึกว่าความแก่มีปัญหา เริ่มจะต้องถอดหน้ากากออกถึงจะหายใจได้ทัน..! หน้ากากอนามัยจึงระเห็จไปอยู่ภายใต้ผ้าสังฆาฏิ แล้วกระผม/อาตมภาพก็เดินขึ้นมาถึงด้านบนเป็นคนแรก จัดการส่งรูปต่าง ๆ ให้ไอ้ตัวเล็กเอาไปลงในเพจเฟซบุ๊ก และบุคคลที่สนใจจะได้ติดตามดู หรือว่าโหลดเอาไปใช้งานด้วย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-05-2024 เมื่อ 05:40 |
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#6
|
||||
|
||||
จนกระทั่งทุกคนตามมาครบถ้วนแล้ว พวกเราก็ได้สแกนตั๋วออกมาด้านนอก แล้วไปขึ้นรถไฟฟ้า วิ่งออกมาทางด้านนอกเพื่อขึ้นกระเช้าลงจากเขา ปรากฏว่าถนนที่รถไฟฟ้าวิ่งนั้น น่าจะมี "เงินทอน" ค่อนข้างจะมาก เนื่องเพราะว่ามีการหมดอายุ กระเทาะล่อนหลุด ทำให้รถวิ่งกระแทกกระทั้นไปตลอดทาง เรื่องนี้ไม่ว่าข้าราชการที่ไหน ๆ ก็คล้ายคลึงกัน ก็คือแทนที่จะทำเพื่อประโยชน์สุขของประเทศชาติ ก็มักจะทำเพื่อพวกพ้องและตัวกู..!
ครั้นออกมารวมพลทางด้านนอกแล้ว พวกเราก็ตกใจ เนื่องเพราะว่าผู้คนที่กำลังเข้าไปนั้น เหมือนอย่างกับมดกับปลวกยั้วเยี้ยไปหมด คุณไวจัดการซื้อตั๋วกระเช้าขาลงให้กับพวกเรา แต่กระเช้าขาลงนั้น กระชากลงทั้งแรงและเร็วมาก ถึงกับมีผู้กรี๊ดออกมาเลยทีเดียว..! ครั้นลงมาข้างนอกแล้ว พวกเราก็ต้องตกตะลึงกับผู้คนจำนวนมากมายมหาศาล ซึ่งต่อคิวรอขึ้นกระเช้าอยู่ พวกเราเดินออกมานับเป็นกิโลเมตร จนถึงบริเวณที่รอรถบัสของเรามารับแล้ว ก็ยังไม่สิ้นสุดจำนวนคน และบริเวณลานจอดรถ ก็ยังมีรถทัวร์นำส่งผู้โดยสารเข้ามาอยู่เรื่อย ๆ ทำเอาทุกผู้ทุกคนพากันยกมือสาธุที่หลวงปู่ไห่ทง และท่านสุ่ยหลง พร้อมกับพรรคพวก ช่วยกันบริการเราดีเหลือเกิน โดยเฉพาะสิ่งที่คิดไม่ถึงก็คือ เมื่อเงยหน้ามองฟ้า ปรากฏว่าเมฆดำเริ่มมาแล้ว เวลาที่จะถ่ายรูปสวยสดงดงามนั้น ดูท่าจะมีเฉพาะตอนที่พวกเราอยู่ข้างบนเท่านั้น..! พวกเราขึ้นรถแล้ว ก็เตรียมตัวที่จะหลับกัน เพราะว่าวันนี้ต้องวิ่งไปให้ถึงที่พักบริเวณเมืองเฉิงตู ซึ่งจะว่าไปแล้ว ก็ห่างไปแค่ประมาณ ๒๗๐ กว่ากิโลเมตรเท่านั้น แต่ว่าทางด้านนี้เขาห้ามขับรถเกิน ๕๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง จึงต้องใช้เวลาถึง ๗ ชั่วโมงครึ่ง กระผม/อาตมภาพหลังจากส่งงานเรียบร้อยแล้ว จึงได้มาบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุน บริเวณจุดพักรถเมืองซงพาน เพื่อที่จะส่งให้ไอ้ตัวเล็กนำไปอัพลง YouTube กันต่อไป สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-05-2024 เมื่อ 05:44 |
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|