กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องบูรพาจารย์ > ประวัติและปฏิปทาของพระสุปฏิปันโน

Notices

ประวัติและปฏิปทาของพระสุปฏิปันโน รวมประวัติ ปฏิปทาของครูบาอาจารย์อันเป็นที่เคารพจากทั่วเมืองไทย

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #741  
เก่า 29-08-2024, 19:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,244
ได้ให้อนุโมทนา: 153,633
ได้รับอนุโมทนา 4,438,117 ครั้ง ใน 34,848 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ความห่วงใยสัตว์ในลักษณะนี้ไม่เว้นแม้ขณะนั่งรถออกไปสงเคราะห์โรงพยาบาล ท่านก็ยังหวนมานึกถึงปากท้องของสัตว์ในวัด ดังนี้

"ตั้งแต่เราวิ่งรถไปมาตามทาง เห็นผลไม้ที่เขาขายอยู่ตามถนนหนทาง เรายังคิดถึงสัตว์ นี่เอาไปให้พวกสัตว์กระรอกกระแตในวัดคงจะดี เช่นอย่างที่เราไปทางหนองคาย ลงไปทางนู้นมันมีอาหารชนิดต่าง ๆ ผลไม้ที่เขานำมาขายข้างทาง ไปเห็นแล้วคิดถึงสัตว์ ก็เราไปด้วยความอิ่มท้อง ไม่ทราบว่าเขาจะอิ่มเมื่อไร ไม่อิ่มเมื่อไร หรือหิวตลอดเวลาก็ไม่ทราบ ?"

ขั้นตอนการให้อาหาร พระเณรจะมาเอากล้วยหรือผลไม้อื่น ๆ จากโรงกล้วยซึ่งเป็นจุดกลาง จากนั้นจะนำไปวางตามจุดให้อาหารที่ตนรับผิดชอบบริเวณใกล้กุฏิ

พวกไก่ป่าจะมีกระสอบข้าวสารหักวางไว้ที่จุดกลางเสมอ ๆ เพื่อไว้ให้พระเณรฆราวาสตักใส่ถังแล้วเอาไปหว่านในจุดให้อาหารทั่ววัดตามเขตรับผิดชอบของตน และคอยหมั่นสังเกตน้ำกินของสัตว์ด้วย ไม่ปล่อยให้พร่องไป สำหรับพวกกระต่าย กระจง เต่า นกยูง ฯลฯ พระเณรและญาติโยมจะคอยจัดหาผักบุ้ง กะหล่ำ ผักกาดขาว กล้วย ขนมปัง หรืออาหารอื่น ๆ มาให้อยู่เสมอ ๆ มิให้ขาดตามความชอบของสัตว์แต่ละชนิด

สิ่งเหล่านี้เป็นข้อปฏิบัติที่พระเณรผู้มาศึกษาอยู่กับองค์หลวงตาทุกระยะ นับแต่ตั้งวัดป่าบ้านตาดเป็นต้นมา ต่างองค์ต่างรับผิดชอบใส่ใจดูแลสัตว์ในวัดตลอดมาทุกรุ่นไป เมตตาธรรมอันกว้างขวางยิ่งใหญ่ไม่มีประมาณของท่าน ย่อมไม่อาจบรรยายหรือแจกแจงได้หมดสิ้น สิ่งที่พอจะสื่อได้ชัดเจนที่สุดก็คือคำกล่าวขององค์ท่านเองที่ว่า


"ธรรมเป็นธรรมชาติที่นิ่มนวลอ่อนโยน เมื่อเข้าสัมผัสสัมพันธ์กับใจผู้ปฏิบัติผู้มีความเชื่อความเลื่อมใสแล้ว จิตใจนั้นก็กลายเป็นสิ่งที่นิ่มนวลอ่อนโยนไปด้วยเมตตาจิต ไม่เคยมีก็มี ความไม่เคยเสียสละก็เสียสละได้ เพื่อผู้อื่นเพราะความเมตตา สามารถมองเห็นเขาเห็นเราว่า มีสาระสำคัญเช่นเดียวกันได้ เพราะความเมตตา

เมื่อธรรมมีอยู่ในจิตดวงใดมากน้อย จิตดวงนั้นต้องแสดงออกทางกิริยาให้เห็น ปิดไว้ไม่อยู่ ยิ่งจิตที่บริสุทธิ์ด้วยแล้ว ไม่มีสิ่งใดที่จะนิ่มนวล ละเอียดอ่อนยิ่งกว่าจิตดวงนั้น ให้ความเสมอภาค ให้ความเมตตาแก่สัตว์ทั่ว ๆ ไป ไม่พูดพียงมนุษย์เท่านั้น

แม้สัตว์เดรัจฉานชนิดใดก็ตาม ไม่กล้าดูถูกเหยียดหยาม ไม่กล้าทำลาย ให้ความเสมอภาคตามความจริง และเมตตาโดยสม่ำเสมอ ไม่มีคำว่าเป็นลุ่ม ๆ ดอน ๆ ว่าคราวนั้นมีเมตตา คราวนี้ไม่มี เพราะจิตนั้นเป็นจิตเมตตา ดวงเมตตาทั้งดวงก็คือจิตดวงที่บริสุทธิ์อยู่แล้ว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-08-2024 เมื่อ 19:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 11 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #742  
เก่า 03-09-2024, 09:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,244
ได้ให้อนุโมทนา: 153,633
ได้รับอนุโมทนา 4,438,117 ครั้ง ใน 34,848 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

คุ้มครองและไถ่ถอนชีวิตสัตว์

ความรับผิดชอบสัตว์ภายในวัด มิใช่เพียงการดูแลเรื่องอาหารการกินเท่านั้น ยังครอบคลุมไปถึงการคุ้มครองรักษาชีวิตสัตว์ให้แคล้วคลาดปลอดภัย โดยปกติท่านจะเข้มงวดกับพระเณรอย่างมาก ให้ช่วยกันจับพวกงู แมว อีเห็น (เห็นอ้ม) พังพอน (จอนฟอน) ฯลฯ ซึ่งเป็นสัตว์ร้ายที่เข้ามาทำลายชีวิตสัตว์ในวัด และให้นำไปปล่อยที่อื่น

เหตุการณ์ในคราวหนึ่งเป็นตัวอย่างที่ทำให้สัตว์ภายในวัดต้องบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก เพราะเหตุ "แมวบ้าน" เพียงตัวเดียว ดังนี้


"แมวตัวนี้เป็นมหาโจร พระทั้งวัดจับแมวไม่ได้ ตัวเดียวก็ไม่ได้ ไล่กันอึกทึกเมื่อคืนนี้ เราขบขันจะตาย พระไล่จับแมวตอนกลางคืน ที่จับออกคือว่ามันอยู่ข้างในนี้มันกัดหนู กินหนูแหลก กระจ้อน กระแต สัตว์ต่าง ๆ นี้กินหมด ถ้าได้เข้า (วัด) แล้วไล่ไม่ออก ตัวไหนก็ตามเข้าแล้วไล่ไม่ออก นี่..เราเข้มงวดกวดขันมาก

คิดดูซิ..สังกะสีเราตีเกาะกับต้นเสาซีเมนต์รอบวัดหมดเลยนะนี่ เพราะว่าแมวมันขึ้นมาเอาสัตว์ตายไปเกือบหมดนะ เราถึงทำกันใหม่ จึงต้องได้พยายามจับเพื่อรักษาชีวิตสัตว์ที่อยู่ในนี้ให้แคล้วคลาดปลอดภัย เพราะฉะนั้น..จึงได้ถามพระ "ยังไม่ได้เรื่องหรือ ?" ยังไม่ได้ไปตีระฆังประชุมกันทั้งวัด

"เอ้า..แมวตัวนี้เป็นยังไง ? พระทั้งวัดจับแมวตัวเดียวนี้ไม่ได้ ก็ควรติดคุกทั้งหมดเลย พวกนี้สู้แมวไม่ได้ ถือเป็นผู้ต้องหาของแมว เอาเข้าติดคุกทั้งหมด ยกเว้นก็ยกเว้นหลวงตาบัวคนเดียว นอกนั้นเข้าคุกทั้งหมดเลย สู้แมวไม่ได้"

อู๊ย..ขบขันดีนะ เอามาคิดทั้งนั้นเรา เรื่องแมวเหล่านี้เอามาคิดหมด ความฉลาดของมันเอาจริงเอาจัง ไล่กันทั้งคืน ทุกคืนระยะนี้ ยังไม่ได้นะ ถามเมื่อเช้านี้ก็ยังไม่ได้ พระ ๓๓ องค์ไล่จับแมวตัวเดียวก็ไม่ได้ แสดงว่าใช้ไม่ได้เลย ไล่แมว..ขบขันดี

แมวที่เข้ามาอาศัยกินในวัดตั้งแต่สร้างวัดนี้ เราจับไปปล่อยไม่ต่ำกว่าร้อยตัวนะ ถ้ามันเข้ามาเป็นอย่างนี้แหละ สัตว์ตายพินาศ ไม่มีคำว่าอิ่มว่าหิวนะ พอเจอนี้ด้อมใส่เลย ได้ก็เอา ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความหิวโดยถ่ายเดียว จับตัวไหนก็เรียกว่าเนรเทศเลย เอาไปปล่อยหนองคายบ้าง เขามาจังหันพวกหนองคายฝากเขาไป สกลนครบ้าง ศรีสะเกษ อุบลฯ เลย จับไปปล่อยหลายจังหวัด แมวถ้าเข้ามาแล้วแล้วละไม่ออก ก็มันมีสัตว์กินเต็ม เมื่อวานเห็นมันคายสัตว์ตัวหนึ่งออกมา ตัวเท่านกเขา ไก่มันจะขึ้นคอนนอน มันก็ไปด้อมเอามากิน

แต่ก่อนวัดนี้งูน้อยเมื่อไร งูมาก แล้วเอาไปหมด พยายามจับจงอางนี้ดูเหมือนจับไปได้ ๗ ตัว งูเห่าเหล่านี้จับ สามเหลี่ยมเขาเรียกทำทานจับไป จงอางได้มากกว่าเพื่อน แต่ก่อนทีเดียวเราไม่สนใจกับงูนะ ยั้ว ๆ เยี้ย ๆ ในวัด มันยังไม่มีคนเข้ามาเกี่ยวข้องมาก ครั้นต่อมาก็มีผู้มีคนเข้ามาเกี่ยวข้อง มีเด็กเล็กเด็กน้อยอะไรทำให้คิด เลยต้องจับงูไปปล่อย ไม่งั้นจะเป็นอันตรายต่อพวกนี้ละ ปล่อยหมด งูจับไปปล่อยหมด เพราะคนเพ่นพ่าน

งูเหลือมกับสัตว์เหล่านี้กินเร็วที่สุด ลักษณะใบ้ ๆ นะ แต่เวลากิน..กินได้กระทั่งแมว แมวนี้สติดี รวดเร็ว แต่งูเหลือมก็กินได้ เรียกว่ามันมีวิชารวดเร็วยิ่งกว่าแมวอีก พวกไก่พวกอะไรเต็มอยู่ต้นไม้หมด มันขึ้นไป ๆ กินหมดเลยไก่ กินตามต้องการของมันละ อิ่มแล้วก็ไป เลยต้องจับงูเหลือมนี้ไปปล่อย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-09-2024 เมื่อ 18:16
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 7 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
กมลโกศลจิต​ (03-09-2024), ชุณหพงศ์ (เมื่อวานนี้), ต้นบุญ (03-09-2024), พี่เสือ (19-09-2024), พุทธภูมิ (03-09-2024), มารวย๙ (03-09-2024), สุธรรม (03-09-2024)
  #743  
เก่า 03-09-2024, 09:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,244
ได้ให้อนุโมทนา: 153,633
ได้รับอนุโมทนา 4,438,117 ครั้ง ใน 34,848 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"เราไปดูจริง ๆ ดูสัตว์ โฮ้..สงสาร เดี๋ยวนี้จับตะกวดไปได้ตั้ง ๑๐ ตัวแล้วนะ ตะกวดที่หากิน ลูกไก่ก็กิน ไข่ไก่ก็กิน ลูกกระต่ายก็กิน พวกนี้กินหมดเลย เวลานี้สั่งพระให้จับ เอาไปปล่อยวัดถ้ำกลองเพล จะบอกสมภารก็ได้ไม่บอกก็ได้ เราคือสมภารใหญ่วัดถ้ำกลองเพล บอกงั้นเลย คือวัดถ้ำกลองเพลกว้าง เนื้อที่มันพันกว่าไร่หรือไง อันนี้ร้อยไร่เท่านั้น ทีนี้เวลาไปปล่อยโน้นพวกสัตว์อะไร ๆ ก็ไม่ค่อยมี ไม่เหมือนวัดป่าบ้านตาดซึ่งเป็นที่ชุมนุมของสัตว์ ไปปล่อยนั้นเขาก็อยู่ตามเรื่องของเขา อันตรายก็ไม่ค่อยมี เพราะมีกำแพงกั้นเอาไว้ข้างใน ไม่มีใครไปรบกวน เขาก็หากินได้ตามสบาย ถ้าอยู่ที่นี่หากินแต่สัตว์ในวัด"

ความสังเกตขององค์หลวงตายังพิจารณาไปถึงความผูกพันระหว่างแม่ลูกของสัตว์ในวัดอีกด้วย และความเห็นความผูกพันระหว่างกันของสัตว์เช่นนี้ด้วยแล้ว ก็ยิ่งเป็นการตอกย้ำถึงพิษภัยของสัตว์ร้ายที่ต้องรีบช่วยกันจับออกไปปล่อยให้ได้ ดังนี้

"กระต่าย..เวลาเราไปใกล้เขาเฉยนะ แม่ก็เฉย ลูกก็วิ่งรอบแม่ แม่ไม่พาวิ่งลูกก็ไม่ไป วิ่งอ้อมแม่อยู่ คือลูกนั้นกลัว หาที่พึ่ง ก็วิ่งหาแม่ แม่ไม่ไปไหน..แม่เฉย ลูกก็แอบอยู่กับแม่ เราเดินไป โอ๊..เป็นอย่างนี้นะสัตว์ คือ แม่มันเชื่องกับคนแล้วไม่สนใจ เราไปเขาก็เฉย เขากินอะไรก็กินเฉย ไอ้ลูกก็วิ่งไปโน้นแล้ววิ่งมาหาแม่ วิ่งแอบแม่ เวลาเราไป แอบแม่อยู่นั้นนะ คือแม่ไม่พาวิ่ง เขาก็พึ่งแม่เขา อ๋อ..มันพึ่งแม่มันนะ

เราก็ผ่านไป ๆ มันเป็นแบบเดียวกันหมด ตัวเล็ก ๆ มันวิ่งไปไหนมันก็วิ่ง แต่ไม่พ้นที่วิ่งมาหาแม่นะ วิ่งไปแล้ววิ่งกลับมาหาแม่ มาแอบอยู่กับแม่ ทีนี้เวลาเราเดินผ่านไปแม่เฉย เขาก็แอบอยู่กับแม่ เราเดินเฉย แม่เขาก็เฉย จากนี้ไปทั่วไปหมดนะ นี่..สัตว์มันก็พึ่งแม่มัน..เห็นไหมล่ะ ? วิ่งไปไหนก็ไม่ยอมไป วิ่งกลับมาหาแม่ อ๋อ..สัตว์ก็พึ่งแม่ ถ้าแม่พาเผ่นลูกนี้ไปหมดเลย ทีนี้แม่ไม่พาวิ่งละซิ ลูกก็แอบอยู่นี่ เพราะฉะนั้น..จึงว่าให้รีบเร่งวันนี้จะหาแมวให้เห็น ให้หาทั่ววัด.."


และอีกตัวอย่างหนึ่งที่พอจะสื่อถึงความเมตตาของท่านต่อชีวิตสัตว์ เพราะสัตว์เหล่านี้ได้ถูกตีตราและกำลังจะถูกนำไปฆ่าที่โรงฆ่าสัตว์ในไม่ช้านี้ องค์ท่านก็มีความเมตตา พยายามเข้าช่วยเหลือตามกำลัง ดังนี้

"นี่เขากำลังเอาวัวมา จะแจกวัวต่อ นี่ไปเอามาจากโรงฆ่าสัตว์ วัวนี่ตามโรงฆ่าสัตว์ ตามไปกว้านเอามา ๆ จะไปแจกคนทุกข์คนจน ช่วยชีวิตสัตว์ อยู่ไหนกว้านเอามาหมด รถใส่พวกสัตว์พวกโคกระบือ ไปแล้วตีตราแดง ๆ นี่แสดงว่าแน่นอนแล้ว จะต้องถูกฆ่า กำลังจะเข้าไปโรงฆ่าสัตว์ก็ดึงออกมา ๆ ดูจะ ๕๐๐ ตัว มีแต่พวกที่จะตายพวกนี้ ไปดึงออกมาจากโรงฆ่าสัตว์ กำลังจะเข้าไป เอาออกมา ๆ หมด พ้นภัยพวกนี้ ไม่อย่างนั้นตายหมด

เวลานี้กำลังปล่อยสัตว์ สัตว์ถูกฆ่ามาเป็นประจำเป็นกัปป์เป็นกัลป์แล้ว เวลานี้กำลังปล่อย ระยะนี้เป็นระยะปล่อยสัตว์ เรานี้อยากให้ปล่อยเหลือเกิน สัตว์เอาเข้าไปฆ่า ๆ ถอนออกมาพ้นภัย ๆ อย่างพวกวัวนี่น้ำตาไหลนะ เอาลงจากรถเขาไม่อยากลง เขานึกว่าจะเอาเขาไปฆ่า เขาไม่อยากลง..น้ำตาไหล ความจริงจะเอาลงไปปล่อย น่าสารมากนะ ใครจะอยากตาย สัตว์ไม่มีใครอยากตาย แม้แต่สัตว์ตัวเล็กตัวน้อยเขามากินเรา เช่นยุง เขาก็ไม่อยากตาย แล้วใคร ๆ จะอยากตายล่ะ ?"

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-09-2024 เมื่อ 18:21
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 6 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
กมลโกศลจิต​ (03-09-2024), ชุณหพงศ์ (เมื่อวานนี้), ต้นบุญ (03-09-2024), พุทธภูมิ (03-09-2024), มารวย๙ (03-09-2024), สุธรรม (03-09-2024)
  #744  
เก่า 19-09-2024, 18:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,244
ได้ให้อนุโมทนา: 153,633
ได้รับอนุโมทนา 4,438,117 ครั้ง ใน 34,848 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ไล่ขนาบสัตว์

บางครั้งสัตว์ที่ไม่มีพิษไม่เป็นอันตรายก็กลับสร้างปัญหาขึ้นได้เหมือนกัน โดยปกติไก่ป่าในวัดจะขันเป็นระยะ ๆ ทั้งวันในช่วงกลางวัน แต่หากมีเหตุการณ์อะไรที่เป็นอันตราย ก็จะตกใจร้องกะต๊ากดังขึ้นและถี่ขึ้น จากนั้นตัวอื่น ๆ ก็จะร้องตาม ๆ กัน ยิ่งหลายตัวเท่าใดก็ยิ่งทำความรำคาญแก่นักปฏิบัติไม่น้อย องค์หลวงตามีมาตรการ ดังนี้

"ไก่ที่กะต๊ากมันมีเหตุการณ์นะ ธรรมดาเราก็เข้าไปดูมันมีอะไร หรือมีงูมีอะไรอยู่นั่นมันถึง "กะแต๊ก ๆ" อยู่งั้นตลอด ตั้งแต่เช้ามาจนกระทั่งสายไม่หยุด ไปก็เอาใหญ่เลย คว้าได้ก้อนกรวดตามนั้นกำไว้เต็มมือ เอาหนังสะติ๊กติดมือแล้วก็ไป "มึงร้องอะไร ?" มันก็ร้องอยู่นั่นละใกล้ ๆ ก็มันไม่ได้กลัวใครนี่ มันเคยกับพระแล้ว "กะแต๊ก ๆ" อยู่งั้นมึงกลัวอะไร ?

เราก็หาดูเหตุการณ์ที่มันกลัว เช่นอย่างมีงู มันทักไว้เพื่อเตือนลูกก็ได้ ลูกมันมี ไปหาดูที่ไหนก็ไม่มี มันก็ยัง "กะแต๊ก ๆ" เราเดินเข้าไปนี้มันก็ยัง "กะแต๊ก ๆ" อยู่ไม่ยอมหยุด หาดูหมดไม่มีอะไรแล้ว ทีนี้ตั้งท่ากำก้อนกรวดในมือฟาดทางโน้นทางนี้เลย เปิดทั้งแม่ทั้งลูกเลย..หายเงียบ นั่น..มันชอบอย่างนั้น ต้องเอาอย่างนั้น..ใช่ไหม ?

มันหลายแบบนะ หลวงตาไปหาดูอันตรายก็ไม่มี มันร้องอะไรนักหนานี่นะ ลูกก็อยู่ด้วยกันนั่น ไม่เห็นตื่นเต้น แต่แม่เป็นบ้าอะไร ? นั่นละ..เอาแม่มัน สุดท้ายลูกวิ่งตามแม่ ไล่ขนาบไล่หลงทิศไปเลย เข้าป่านู้นอีกนะ เข้าตามไล่เอาจริง ๆ ตั้งแต่นั้นมาเงียบเลย"

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-09-2024 เมื่อ 19:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 8 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
กมลโกศลจิต​ (19-09-2024), ชุณหพงศ์ (เมื่อวานนี้), ต้นบุญ (เมื่อวานนี้), ปราโมทย์ (19-09-2024), พี่เสือ (19-09-2024), พุทธภูมิ (19-09-2024), มารวย๙ (19-09-2024), สุธรรม (19-09-2024)
  #745  
เก่า 19-09-2024, 18:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,244
ได้ให้อนุโมทนา: 153,633
ได้รับอนุโมทนา 4,438,117 ครั้ง ใน 34,848 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แม้จะวัย ๙๐ ปีชราภาพมากแล้วก็ตาม แต่ด้วยความจำเป็นต้องรักษาชีวิตสัตว์แบบเร่งด่วน ทำให้ท่านต้องจับสัตว์ร้ายตัวนั้นด้วยตนเองก็มีไม่น้อย ดังนี้

"ที่สนใจมากคือสัตว์ ถ้าเห็นสัตว์ตัวไหนจ้องอยู่นั้น เฝ้าดูอยู่นั้น ยิ่งกระแตด้วยแล้วยิ่งรักมาก ไปไหนถามหาแต่กระแต กระแตไปไหน มีแต่กระแตยั้ว ๆ เยี้ย ๆ นี่..ชี้มาหาคน แล้วก็เดินผ่านไป อย่างนั้นแหละ จึงได้บอกว่างูทางมะพร้าว งูสา ใครเจอแล้วให้รีบมาบอกพระ ถ้าเป็นกลางวันให้รีบมาบอกพระ ให้ดูตัวมันไว้ มันเลื้อยไปไหน คนหนึ่งให้เดินตามไป แล้วคนหนึ่งรีบออกมาบอกพระ ให้พระไปจับ

นี่ละ..ตัวสำคัญของกระแต ไม่มีเหลือนะ เทียบกับแมวตัวหนึ่ง งูนี้มันหลอกกระแตนี้ของเล่นเมื่อไร พอได้โอกาสปั๊บพันเลย..!

เราไปเห็นแล้วอยู่หน้าทางจงกรมเรา กระแตมากินน้ำ งูก็ไปเฝ้าอยู่ในน้ำ หัวจงกรมเราด้วย เราเดินจงกรมก็คอยสังเกตดู เพราะยังไงก็ไม่มีอันตรายถ้าเราอยู่ที่นั่น..ว่างั้นเถอะนะ มันจะทำแบบไหนกัน ก็เราดูอยู่ที่นั่น

สักเดี๋ยวมันหลอกกันนะ ทำให้กระแตเผลอ หลอกทำท่าอย่างนั้นอย่างนี้ กระแตก็วิ่งรอบนั้นรอบนี้ พอได้โอกาสปั๊บฉวยมับเลยนะ..พันเลย พอพันเราก็โดดใส่เลย จับได้เลย..งูนี้แหละ กระแตหลุดก็วิ่งชนต้นไม้ต้นอะไรไป แต่ไม่เป็นไรแหละ เราก็จับงูได้เลย เป็นอย่างนั้นนะ

นี่ก็ว่ากลัวงูก็กลัวนะ ธรรมดาแล้วกลัว แต่ทุกวันนี้พูดตามความจริง ไม่ทราบว่ากลัวหรือไม่กลัว เหตุผลเท่านั้น ถ้าเป็นงูไม่เป็นภัยไม่ระวังมากนัก เช่น งูทางมะพร้าว งูเขียว พระฉวยได้ยังไงเราก็ฉวยได้แบบเดียวกัน แน่ะ..คือเหตุผล

มันไม่เป็นภัยกลัวหาอะไร ไม่เป็นภัยก็ต้องไม่กลัว ถึงเรียกว่ามีเหตุผล..ใช่ไหม ? มันไม่เป็นภัยยังกลัวอยู่ ก็เรียกว่าบ้ากลัว เข้าใจไหม ? อันนี้ไม่กลัว ฉวยมับเลย จับได้เรื่อยแหละ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-09-2024 เมื่อ 19:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 8 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
กมลโกศลจิต​ (19-09-2024), ชุณหพงศ์ (เมื่อวานนี้), ต้นบุญ (เมื่อวานนี้), ปราโมทย์ (19-09-2024), พี่เสือ (19-09-2024), พุทธภูมิ (19-09-2024), มารวย๙ (19-09-2024), สุธรรม (19-09-2024)
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 5 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 5 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 02:55



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว