#21
|
||||
|
||||
ถาม : ทำไมพระต้องใส่สีเหลือง (เด็กถาม) ?
ตอบ : พระพุทธเจ้าทรงให้พระใช้ผ้าย้อมน้ำฝาด น้ำฝาดก็คือน้ำที่ต้มจากเปลือกต้นไม้ ส่วนใหญ่ที่ต้มมาก็สีคล้าย ๆ สีน้ำตาล แต่มีน้ำฝาดอย่างหนึ่งก็คือน้ำขมิ้น ซึ่งเป็นสีเหลืองจัด
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-03-2015 เมื่อ 18:18 |
สมาชิก 92 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#22
|
||||
|
||||
ถาม : มีเพื่อนผมอยู่คนหนึ่ง เขาจะนิมิตถึงหลวงพ่อฤๅษีและพระเจ้าตากอยู่บ่อย ๆ ครับ มีปัญหาก็คือเวลาเขาไปไหว้พระ เขาจะรู้สึกเวียนหัวจนทนไม่ได้ เขาจะโทรมาปรึกษาผมบ่อย ๆ ไม่ทราบว่าเกิดจากอะไร ?
ตอบ : จริง ๆ แล้วเขาต้องพยายามดูสาเหตุเอง ถ้าสามารถเลี่ยงแล้วไม่เป็น ก็แปลว่าสาเหตุเกิดจากอะไรบางอย่าง สมัยก่อนหลวงปู่.... อาตมาไปหาท่านถึงวัด แต่ไม่สามารถพักอยู่กับท่านได้เลยสักครั้ง ทำให้ร้อนรุ่มกลุ้มใจ ในที่สุดก็ต้องตะกายออกจากวัดตอนดึก ตอนนั้นยังเป็นฆราวาสอยู่ มารู้ตอนหลังว่าท่านเล่นพวกไสยศาสตร์ แต่ในสายตาคนอื่นจะเห็นท่านเป็นยอดพระอภิญญาไปเลย อาตมาเองที่ไปเพราะเห็นว่าท่านเก่ง ตอนช่วงนั้นท่านเรียกลมเรียกฝนให้เห็นคาตา พออาการนั้นเกิดขึ้น ทำไมถึงหงุดหงิดกลุ้มใจ..อยู่ไม่ได้ ต้องไปให้พ้นจึงมีความสุขความสบาย อาจจะเป็นไปได้ว่าครูบาอาจารย์ที่คุ้มครอง พยายามที่จะเตือน ป้องกันไม่ให้เข้าไปอยู่ตรงจุดนั้น ฉะนั้น..ต้องพิจารณาดูด้วยว่า เพื่อนคุณไปไหว้พระสงฆ์หรือพระพุทธ ? ถาม : พระพุทธรูปครับ ? ตอบ : อาจจะมีอะไรบางอย่างต้าน ถ้าเขาไปรับขันครูมา หรือรับอะไรมา ต้องพิจารณากันอีกทีว่าสิ่งที่เขารับมานั้นใช่ไหม ? บรรดาสำนักต่าง ๆ ที่เป็นสำนักทรง ร้อยละ ๙๙ มักจะเป็นของปลอม ที่ว่าปลอมก็คือไม่ใช่พระ ไม่ใช่เทวดาจริง ๆ แต่ส่วนใหญ่อ้างของสูง สิ่งที่ครอบครูกันมาก็เลยเป็นของฝ่ายต่ำ ถ้าไปในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อาจจะเสื่อมได้ หรืออาจจะต้านขึ้นมาเลยทำให้เกิดอาการไม่ดีแก่ตนเอง ต้องให้เขาดูหลาย ๆ แง่มุม พยายามหัดสังเกตด้วยตนเอง ถาม : เขาเคยบอกว่า มีพระแม่มารี มีพระแม่ลักษมีคอยคุ้มครอง ? ตอบ : ถ้าอย่างนั้นให้เขาไปถามพระแม่ดู..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 31-03-2015 เมื่อ 19:19 |
สมาชิก 87 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#23
|
||||
|
||||
ถาม : เรื่องศีลกับวัยรุ่นครับ ?
ตอบ : เรื่องของศีลต้องใช้หลักนิติศาสตร์ คือต้องตรงไปตรงมา ถาม : เฉพาะวัยรุ่นใช่ไหมครับ ? ตอบ : ศีลไม่มีคำว่าวัยรุ่น สำคัญตรงที่ละเมิดก็คือผิด เพียงแต่ว่าเจตนาในการละเมิดมีไหม ? ถ้าไม่มีเจตนา ความผิดก็น้อยลง อย่างเช่น การฆ่าสัตว์ สัตว์นั้นมีชีวิตอยู่ เรารู้ว่ามีชีวิตอยู่ เราตั้งใจฆ่า เราลงมือฆ่า เราฆ่าสำเร็จ ประกอบด้วย ๕ ส่วน นี่ผิดร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม ถ้าเราเดินไปเหยียบมดตาย ๔ ส่วนแรกไม่มี ก็เหลือแค่ ๒๐ เปอร์เซ็นต์ ก็ไม่ครบร้อย ถามว่าไม่ผิดใช่ไหม ? ผิด..แต่ผิดน้อยลง แต่ถ้าเจตนาล่วงละเมิดชัด ๆ ทำทั้งที่รู้ อันนี้โดนเต็มที่เลย ดังนั้น..เรื่องศีลนั้นตรงไปตรงมา ไม่มีวัยรุ่น ไม่มีวัยร่วง ถาม : ถ้าไปสังสรรค์กับเพื่อนเป็นบางครั้งบางคราวได้ไหมครับ ? ตอบ : ได้..ก็ยอมรับโทษไปตามนั้น..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-03-2015 เมื่อ 18:50 |
สมาชิก 83 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#24
|
||||
|
||||
ถาม : ได้อ่านหนังสือมา เขาบอกว่า บางท่านก็ใช้ชีวิตทั่ว ๆ ไป มีผิดศีลบ้าง ก็สามารถขึ้นสวรรค์ได้ ?
ตอบ : ไม่ใช่ผิดศีลบ้าง ผิดชนิดไม่มีเหลือดีเลยก็มี มัฏฐกุณฑลีเทพบุตรในชีวิตไม่เคยทำความดีอะไรเลย ทำความชั่วล้วน ๆ แต่เนื่องจากในอดีตเคยมีการสร้างความดีเอาไว้ เลยทำให้ระลึกถึงความดีขึ้นมาได้ในช่วงวาระสุดท้ายของชีวิต เราเองจะมีบุญฉิวเฉียดขนาดนั้นมาบ้างไหมเล่า ? ถ้าดันไปนึกถึงความชั่วก็ซวยไปเลยย..! ถาม : ตามหลักศาสนาอิสลาม เขาถือว่าบางอย่างเป็นการทำบาปในศาสนาเขา แต่ไม่ใช่บาปในศาสนาเรา ? ตอบ : จริง ๆ แล้วการทำบุญทำบาปไม่ได้เป็นไปตามหลักศาสนา แต่เป็นไปโดยธรรมชาติ ธรรมชาติก็คือเป็นความต้องการ ทุกรูปทุกนามมีความต้องการเหมือนกัน คือ ไม่อยากให้เขาฆ่าเรา ในเมื่อไม่อยากให้เขาฆ่าเรา เราก็ไม่ควรฆ่าใคร ไม่อยากให้เขาลักขโมยของเรา เราก็ไม่ควรลักขโมยใคร ไม่อยากให้เขาแย่งคนที่เรารัก เราก็ไม่ควรแย่งคนรักของใคร ไม่อยากให้เขาโกหกเรา เราก็ไม่ควรโกหกใคร อยากมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ ก็อย่าทำลายสติด้วยสุรายาเสพติดต่าง ๆ นี่เป็นหลักสากลเลย ทุกคนต้องการอย่างนี้ ในเมื่อทุกคนต้องการอย่างนี้ ไม่ว่าคุณจะอยู่ศาสนาไหน ถ้าละเมิดไปกระทำสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ก็คือผิดเหมือนกัน คือผิดหลักธรรมชาติ ไม่ใช่ผิดหลักศาสนา แบบเดียวที่อิสลามถือว่าสัตว์เป็นอาหารของมนุษย์ การฆ่าสัตว์เป็นการปลดปล่อยเขาไปสวรรค์ หากสัตว์นั้นเป็นอาหารของมนุษย์ ถ้าเจอคนก็ต้องวิ่งมาให้กิน นี่สัตว์วิ่งหนีเราทุกตัว ขณะเดียวกันพอคนอื่นจะปลดปล่อยตัวเองไปสวรรค์แบบนั้นบ้างก็ดันเผ่นหนีอีก สู้เขาอีก ทำไมมัวแต่ไปปลดปล่อยคนอื่น แต่ไม่ยอมให้คนอื่นปลดปล่อยตัวเองบ้าง ? ฉะนั้น..ถ้าผิดหลักธรรมชาติขึ้นมา แปลว่าเราทำเมื่อไรก็ผิดเมื่อนั้น แต่เนื่องจากจิตของเขามืดบอด อย่างสัตว์เดรัจฉาน เช่น เสือกัดพ่อแม่ตัวเองตาย ไม่โดนอนันตริยกรรม เพราะว่าเขาอยู่ในความมืดบอด อยู่ในภพภูมิที่หยาบกว่า แต่ถ้าเป็นคนเมื่อไรจะโดนอนันตริยกรรมทันที ดังนั้น..บุคคลที่จิตใจมืดบอดกระทำกรรมอันหนัก ถ้าไม่ใช่อนันตริยกรรมแล้ว บางส่วนนี่แทบจะได้รับอภัยเสียด้วยซ้ำไป คำว่า "อภัย" ไม่ได้หมายความว่าไม่มีโทษ แต่โทษเบาลง เบาลงเพราะความมืดบอดของเขาไม่มีทางรู้ในธรรมส่วนนั้น หรืออาจะเป็นลักษณะของกฎหมาย คุณทำผิดครั้งแรกมีการให้อภัย ถ้าสารภาพจะลดอีก ๒๐ เปอร์เซ็นต์ อย่างนี้เป็นต้น ไป ๆ มา ๆ โทษประหารชีวิตอาจจะเหลือแค่ ๑๐ ปี หรือ ๒๐ ปี
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-04-2015 เมื่อ 02:15 |
สมาชิก 76 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#25
|
||||
|
||||
ถ้าพระธรรมยุตออกไปข้างนอกจะห่มจีวรซ้อน ไม่มีสังฆาฏิ มีพระธรรมยุตองค์นี้องค์เดียวที่มีสังฆาฏิ ...(หัวเราะ)... หลวงปู่บุดดาเป็นพระธรรมยุต แต่เป็นพระธรรมยุตที่พิเศษที่สุด ไม่มีพระธรรมยุตรูปไหนกล้าติเตียนหลวงปู่บุดดาแม้แต่คำเดียว
หลวงปู่บุดดาจับเงิน พระธรรมยุตท่านอื่นก็เงียบ หลวงปู่บุดดาให้ผู้หญิงนวด พระธรรมยุตท่านอื่นก็เงียบ ท่านบริสุทธิ์จนทุกคนมั่นใจว่าท่านเป็นพระอรหันต์แน่ ๆ ไม่มีใครกล้าตำหนิท่านแม้แต่คนเดียว เป็นเรื่องของบุญที่ทำมาจริง ๆ อัศจรรย์มาก ปกติของพระธรรมยุตพวกสิกขาบทเล็ก ๆ น้อยนี่พลาดไม่ได้เลย เขาถือกันมาก
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-04-2015 เมื่อ 02:17 |
สมาชิก 87 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#26
|
||||
|
||||
ก่อนหน้านี้อาตมามีสมเด็จคำข้าว สมเด็จหางหมากเยอะ เดี๋ยวนี้จะค้นให้ได้สัก ๕ องค์ ๑๐ องค์ยังยากเลย ก่อนหน้านี้มีเยอะ เพราะเวลาอยู่วัดท่าซุงได้เงินมา จะคิดว่า "เงินอยู่กับเราเดี๋ยวก็หมด แต่ถ้าเราถวายหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านไป เดี๋ยวท่านก็เอาไปก่อสร้างเป็นถาวรวัตถุในพระพุทธศาสนา โยมที่ถวายมาก็ได้บุญด้วย เราเองยังได้พระเป็นที่ระลึกด้วย"
อาตมามักจะทำบุญหมด ได้พระมาก็ไปขนเก็บทีละ ๕๐ องค์ ทีละ ๑๐๐-๒๐๐ องค์ เคยสูงสุด ๗๐๐ องค์ ตอนนั้นราคาจำหน่ายองค์ละ ๑๐ บาทเอง แล้วก็จะโดนคนอื่นตำหนิ ส่วนใหญ่ก็เพื่อนพระด้วยกันที่ตำหนิ "จะเก็บไปทำซากอะไรเยอะแยะ ของมีบานตะเกียง" พอถึงเวลาขึ้นราคาเป็นองค์ละร้อย พวกที่ตำหนิอาตมานี่แหละมาขนจากอาตมาไปองค์ละ ๑๐ บาท เอาทีหนึ่งหลาย ๆ ร้อยองค์ด้วย จนอาตมาเองแทบจะเหลือแต่ตัว จริง ๆ แล้ววัตถุมงคลของทางวัดเหลือทุกรุ่น หลวงพ่อท่านให้เก็บไว้ทุกรุ่น บางรุ่นก็เก็บไว้ ๑๐๐-๒๐๐ องค์ บางรุ่นก็เก็บไว้เป็นพันองค์ ท่านบอกว่าถึงเวลาพวกแกจะได้สร้างพิพิธภัณฑ์ ปรากฏว่าตอนหลวงพ่อมรณภาพ ของขึ้นราคา พระปลัดวิรัชของพวกเราเพลินมาก ขายทุกอย่างที่ขวางหน้า จะมีวัตถุมงคลอยู่รุ่นหนึ่งที่เป็นรูปพระวิสุทธิเทพ ต้องเป็นอย่างหนานะ ถ้าบาง ๆ ไม่ใช่ อาตมาสร้างเอง กะว่าขว้างหัวหมาแล้วพระไม่แตกแน่นอน ลงส่วนผสมในอัตราชนิดที่ว่าไม่อั้น คนอื่นอาจจะผสมผงถังหนึ่ง มีเกศาหลวงพ่อสักสองเส้น ของอาตมาผสมผงครกเล็ก ๆ แค่นี้ แต่ใส่เกศา จีวร เป็นหยิบมือเลย พยายามช่วยกันสร้าง หลังจากทำกรรมฐานแล้ว ตกกลางคืนพี่ ๆ น้อง ๆ รุ่นที่บวชมีอยู่ ๑๒ รูป ช่วยกันตำผง ช่วยกันกดพิมพ์ ก็ได้คืนละ ๒๐๐-๓๐๐ องค์ กว่าจะเสร็จทำอยู่ทั้งพรรษาได้แค่หมื่นองค์ แล้วก็ขออนุญาตหลวงพ่อวัดท่าซุงชำระหนี้สงฆ์ ทำเพื่อตัวเองกันคนละครกก็ได้ประมาณ ๖๐ องค์ แล้วเอาหมื่นองค์นั้นไปถวายหลวงพ่อ บอกว่า "หลวงพ่อครับ ผมทำถวายหลวงพ่อ ขออนุญาตตั้งราคา" ท่านถามว่า "แกจะเอาเท่าไร ?" "ขอองค์ละร้อยบาทครับ ไม่อย่างนั้นหลวงพ่อมาตรฐาน ๑๐ บาทยันเตเลย" ถามหลวงพ่อว่า "๑๐ บาทมีกำไรหรือครับ ?" หลวงพ่อบอกว่า "ส่วนมากข้าได้ฟรี คนเขาทำมาให้" เพราะฉะนั้น ๑๐ บาท ท่านก็ได้ ๑๐ บาทถ้วน ๆ "ผมทำหมื่นองค์ อยากหาเงินถวายหลวงพ่อสักล้านหนึ่ง" พอดีหลวงพ่อท่านทำพิธีเป่ายันต์เกราะเพชรครั้งที่ ๙ ท่านบอกว่าพิธีนี้พระบอกว่าสมบูรณ์ที่สุด ท่านบอกว่าให้เอาไปเก็บไว้บนช่องเก็บของที่ใต้หลังคาวิหารร้อยเมตร เอาไว้เวลาวัดพังจะได้มีทุนไว้หาเงินซ่อมวัด ปรากฏว่าไม่ได้หาหรอก พอสิ้นหลวงพ่อก็โดนจำหน่ายหมดเกลี้ยง ถาม : เป็นพระสี่เหลี่ยมหรือครับ ? ตอบ : เป็นพระสี่เหลี่ยมที่ด้านหน้าเป็นรูปพระวิสุทธิเทพ ด้านหลังเป็นยันต์เกราะเพชร แต่หนาประมาณนิ้วมือนี่แหละ สีค่อนข้างจะเข้ม ถ้าสีขาว ๆ แบบสมเด็จคำข้าวที่ไม่ใช่เนื้อกล้วยหอมนะ อันนั้นจะเป็นรุ่นที่ปู่เหม่ทำ แต่คราวนี้ปู่เหม่ทำแล้วเพื่อความบริสุทธิ์ใจ ท่านยกแบบมาทิ้งไว้ให้ทางวัดเลย ส่วนของอาตมาไม่มีแบบก็ทำไปเรื่อย ขอเกศาหลวงพ่อ ขอจีวร ขอสารพัด รุ่นนั้นใครได้ไปจะมีคุณค่ามาก อาตมายืนยันว่าแช่น้ำเดือนหนึ่งก็ไม่ละลาย เพราะตากแดดไว้สองเดือนยังไม่แห้งดีเลย ใช้น้ำมันตังอิ๊วเป็นตัวประสาน ใส่ไปเยอะ ตำกันชนิดเหนียวหนับ ยืดเป็นเส้นไม่ยอมขาด ถามว่าตอนนี้ตัวเองมีไหม ? ไม่เหลือสักองค์ ตอนที่ทำ ครกสุดท้ายของใครของมัน จะได้คนละประมาณ ๖๐ องค์ ชำระหนี้สงฆ์คนละ ๕๐๐ บาท คุ้มจริง ๆ พระครูวิลาศกาญจนธรรม สนทนาธรรม ณ เกาะพระฤๅษี ๑๔ เมษายน ๒๕๔๙ (ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยเถรี)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 05-04-2015 เมื่อ 20:22 |
สมาชิก 96 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|