ถาม : (โยมแจ้งว่าหลวงพี่โอป่วย)
ตอบ : ตอนไปเยอรมันท่านก็ป่วยหนักเข้าโรงพยาบาลไปครั้งหนึ่ง จะว่าไปท่านก็อายุมากแล้ว เพราะท่านอายุมากกว่าท่านเจ้าคุณเจ้าอาวาสอีก อาตมากับเจ้าคุณเจ้าอาวาสนี่ต่างกันรอบหนึ่งพอดี เพราะฉะนั้น..อายุตัวเองบวกไป ๑๒ ก็จะได้อายุท่าน
อาตมา ๕๕ ปี ของท่านก็ต้อง ๖๗ ปีแล้ว หลวงพี่โอท่านแก่กว่าอีก หลวงพี่โอนี่รุ่นไล่เลี่ยกับหลวงตาวัชรชัย น่าจะประมาณ ๗๐ แล้ว ทางด้านพี่วิรัชก็ ๖๔-๖๕ ปี หลวงตาชลอก็ไล่ ๆ กัน
ถาม : เป็นกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรง ?
ตอบ : แสดงว่าน่าจะเป็นเส้นเลือดบางส่วนตีบ อาการเจ็บไข้ได้ป่วยของพระจริง ๆ แล้ว ทำให้เรารู้ว่าตัวเองมีต้นทุนเท่าไร เหตุการณ์ฉุกเฉินอย่างหนึ่ง การเจ็บไข้ได้ป่วยอย่างหนึ่ง กำลังใจที่ทำไว้จะมารวมตัวกัน ทำให้เรารู้ว่าเรามีต้นทุนเท่าไร ? เพียงพอหรือเปล่า ? ตายตอนนี้เราจะไปพระนิพพานได้จริงไหม ? จะบอกชัดเลย
ถาม : เคยไม่สบายแล้วรู้สึกว่าอยากตาย ?
ตอบ : ถ้าอยากตายยังไปพระนิพพานไม่ได้หรอก บางคนปฏิบัติธรรมมาถึงระดับที่รู้สึกว่าอยากตาย อาตมาขอยืนยันว่า ดีไม่ดีลงข้างล่างไปเลย เพราะตัวอยากตายนี่จิตหมอง ต้องทำไปปัญญาเห็นแจ้ง ไม่มีความปรารถนาในร่างกาย แต่ก็ไม่ได้คิดจะตาย จะอยู่ในลักษณะอยู่ก็ได้ตายก็ดี ถ้าอยู่เรายังได้สร้างบุญสร้างบารมี ถ้าตายเราก็ไปนิพพาน กำลังใจจะอยู่ในระหว่างอยู่ก็ได้ตายก็ดี ไม่จำเป็นต้องไปอยากตาย
พุทธภูมิก็เป็นนะ แล้วต้องเป็นมากกว่าด้วย ไม่ใช่ว่าพุทธภูมิไม่แตะอารมณ์พระอริยเจ้าเลย พุทธภูมินี่เน้นอารมณ์พระอริยเจ้ามากกว่าปกติสาวกหลายเท่า เพราะถ้ารู้ไม่ละเอียดก็สอนคนอื่นไม่ได้ พุทธภูมิเขามีกำลังใจเทียบเท่าพระโสดาบัน เทียบเท่าพระอนาคามี เทียบเท่าพระอรหันต์ได้
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-11-2014 เมื่อ 01:58
|