ดูแบบคำตอบเดียว
  #64  
เก่า 24-01-2011, 00:19
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,619
ได้ให้อนุโมทนา: 151,818
ได้รับอนุโมทนา 4,413,424 ครั้ง ใน 34,209 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"สันโดษขี้ขอ เป็นนิสัยเฉพาะคน แหม..เราเองเป็นผู้สละแล้วซึ่งกิเลส แต่ว่าโยม..วัดยังไม่มีอย่างนั้น โยม..วัดยังขาดอย่างนี้ โยม..วัดต้องการสร้างอย่างโน้น กลายเป็นสภาพที่ควรที่จะต้องยินดีตามมีตามได้ กลับไม่เป็นเช่นนั้น เที่ยวขอเขาดะไปหมด

แต่จริง ๆ แล้ว สันโดษ ไม่ใช่ว่าไม่เอาอะไรเลยนะ เพราะว่าสันโดษนั้น พระพุทธเจ้าทรงแยกออกว่ามี ยถาลาภสันโดษ ยินดีตามที่ได้มา ได้แค่ไหน พอใจแค่นั้น ไม่ไปดิ้นรนให้มากกว่านั้น

ยถาพลสันโดษ ยินดีตามกำลังที่ตนหาได้ จะได้เป็นพันล้าน หมื่นล้าน ก็พอใจแค่นั้น เพราะฉะนั้น..สันโดษไม่ใช่จนนะ สันโดษก็รวยได้

และท้ายสุด ยถาสารุปปสันโดษ ยินดีตามฐานะของตน ในเมื่อคุณรวย คุณจะขี่เบนซ์ ขี่บีเอ็ม ท่านก็ไม่ได้ว่าอะไร

ดังนั้น..อย่าไปเข้าใจผิดว่า สันโดษจะต้องจน อย่างที่ในหลวงทรงตรัสว่า เศรษฐกิจพอเพียงไม่ได้หมายความว่าต้องจน แต่เศรษฐกิจพอเพียง คือ ให้ตัวเองพอกินพอใช้ก่อน หลังจากนั้นค่อยคิดถึงเรื่องการค้าขาย ถ้ามีเหลือมากก็รวยได้ ไม่ใช่ว่าพอเพียงแล้วต้องเอานิดเดียว

ส่วนอุเบกขาบ้ายอ คือ บุคคลที่กำลังใจยังไม่เป็นอุเบกขาจริง ๆ ยังวางไม่ได้จริง ๆ ถึงเวลาคนนั้นชมนิด คนนี้ชมหน่อย ก้นเราก็ค่อย ๆ กระดกโดยไม่รู้ตัว คือ ตัวลอย

เพราะฉะนั้น..ถ้าหากว่าได้ยินประโยคนี้ขึ้นมา ต้องตีความให้ถูกนะ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวจะโกรธกันตาย เขาบอกว่า วิปัสสนาขี้โกรธ สันโดษขี้ขอ อุเบกขาบ้ายอ ถ้าเราได้ยินแล้วไปโกรธไฟแลบ ก็จะกลายเป็นนักปฏิบัติขี้โกรธจริง ๆ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-01-2011 เมื่อ 03:01
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 159 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา