ดูแบบคำตอบเดียว
  #146  
เก่า 18-05-2013, 21:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,530
ได้ให้อนุโมทนา: 151,474
ได้รับอนุโมทนา 4,406,690 ครั้ง ใน 34,120 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ทำไมเรื่องราวในประวัติศาสตร์แลดูแปลก ๆ ไม่รู้ว่าตัดออกหรือเปล่า ?
ตอบ : คนเราพออยู่ในอำนาจไประยะหนึ่งก็จะเกิดอาการเมา พอเมาอำนาจก็พยายามรักษาอำนาจเอาไว้ ถ้าใครมีวี่แววว่าจะทำให้ตนเองต้องสูญเสียอำนาจไป เพื่อรักษาอำนาจของตนก็จะไม่คำนึงถึงวิธีการที่ใช้ ดังนั้น..ส่วนใหญ่แล้วบุคคลที่อยู่ในบันทึกประวัติศาสตร์ เมื่อได้รับอำนาจอยู่ในมือ ถ้าไม่ใช่บุคคลที่เห็นแก่ส่วนรวมมากกว่าส่วนตนแล้ว ส่วนใหญ่จะเสียคนหมด

บาลีเขาบอกว่า ยโส ลทฺธา น มชฺเชยฺย บุคคลได้ยศแล้วไม่พึงเมา พระพุทธเจ้าท่านก็ตรัสไว้แล้วว่า การกิน การนอน การเสพกาม การเสวยอำนาจ ถ้าไม่ใช่บุคคลที่เห็นภัยในวัฏฏสงสารจริง ๆ จะไม่เบื่อหน่ายเด็ดขาด ใครลองกินจนบอกว่าเบื่อดูสิ..รุ่งขึ้นจะกินอีกไหม ? ก็กินจนได้ การนอนก็เหมือนกัน บอกว่านอนจนเบื่อ แต่เดี๋ยวก็นอนอีกแล้ว

อีกอย่างหนึ่งก็คือ การบันทึกประวัติศาสตร์ต่าง ๆ บันทึกตามมุมมองของตนเองอย่างหนึ่ง มุมมองของตนเองไม่แน่ว่าจะถูกต้อง ขณะเดียวกันอีกอย่างหนึ่งก็คือบันทึกตามที่ผู้มีอำนาจสั่งการ ถ้าเป็นฝ่ายเราก็เขียนจนดีเลิศลอยไปเลย อีกฝ่ายหนึ่งก็เละเป็นโจ๊กไปเลย ประวัติศาสตร์ที่ไม่มีใส่สีใส่ไข่หาไม่ได้หรอก มีทั้งนั้น เพียงแต่ว่าจะซื่อตรงต่อข้อมูลเท่าไรก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

พูดง่าย ๆ ว่านักบันทึกประวัติศาสตร์ที่ได้รับคำชมเชยนั้น ถึงจะประเภทใส่สีตีไข่อย่างไรก็ตาม แต่แก่นแท้เนื้อเรื่องที่เป็นจริงจะไม่ทิ้ง ในเมื่อว่ากันตามเนื้อเรื่อง จะชมใครอาจจะชมเลิศลอยเกินไป จะด่าใครอาจจะด่ารุนแรงเกินไป แต่ความชัดเจนก็คือฝ่ายนั้นผิด ฝ่ายนี้ถูก ตรงนี้จะไม่ทิ้ง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-05-2013 เมื่อ 02:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 151 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา