ดูแบบคำตอบเดียว
  #1  
เก่า 27-03-2017, 18:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,173 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันอาทิตย์ที่ ๕ มีนาคม ๒๕๖๐

ให้ทุกคนตั้งกายให้ตรง กำหนดสติคือความรู้สึกของเราไว้ที่ลมหายใจเขาออก หายใจเข้า...ให้ความรู้สึกของเราไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก...ให้ความรู้สึกของเราไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ ที่เรามีความถนัดมาแต่เดิม

ในเรื่องของคำภาวนานั้นอย่าเปลี่ยนบ่อย เพราะว่าถ้าเราไม่มีความชำนาญแล้วไปเปลี่ยนคำภาวนาบ่อย สภาพจิตไปยึดโยงกับของเก่าแต่ถูกบังคับให้ใช้ของใหม่ จะเกิดการต่อต้านกัน แล้วการภาวนาก็จะไม่เป็นผล

วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ ๕ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๐ สำหรับการปฏิบัติธรรมของพวกเรานั้น ส่วนใหญ่แล้วเคยมีประสบการณ์ที่ได้รู้ ได้พบ ได้เห็น บางสิ่งบางอย่างจากการปฏิบัติภาวนา หรือว่าเคยมีใจสงบจากการภาวนาไปตามลำดับแล้ว แต่มาภายหลังกลับไม่รู้ไม่เห็น มีจิตใจไม่สงบ เนื่องเพราะว่าส่วนใหญ่แล้วเกิดจากการปฏิบัติแล้วเราอยากได้เหมือนเดิม

ในเมื่อขึ้นต้นด้วยคำว่า "อยาก" ก็แปลว่าเราวางกำลังใจผิดแล้ว ถ้าถามว่าไม่อยากแล้วจะให้ทำไปเพื่ออะไร ? ก็ต้องตอบว่า “อยากได้ แต่ตอนภาวนาให้ลืมความอยากนั้นเสีย เรามีหน้าที่ภาวนาอย่างเดียว กำลังจะทรงตัวหรือไม่ทรงตัวก็ช่าง” ถ้าสามารถวางกำลังใจลักษณะอย่างนี้ได้ ก็จะทำให้อารมณ์ใจของเราทรงตัวได้ง่าย

แต่ว่าส่วนใหญ่แล้วก็ไม่สามารถที่จะทำให้กำลังใจตั้งอยู่ในตัวอุเบกขาลักษณะอย่างนี้ เมื่อทำไปแล้วอยากได้ อยากมี อยากเป็น จึงทำให้ไม่สามารถที่จะเข้าถึงการปฏิบัติที่แท้จริงได้เสียที
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-03-2017 เมื่อ 19:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 45 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา