ดูแบบคำตอบเดียว
  #7  
เก่า 04-05-2012, 09:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,523
ได้ให้อนุโมทนา: 151,448
ได้รับอนุโมทนา 4,406,282 ครั้ง ใน 34,113 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

มหาวิทยาลัยพุทธศาสนาใหญ่ ๒ แห่งของประเทศไทย คือ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย เปิดโอกาสให้ญาติโยมเข้าศึกษาสาขาวิชาต่าง ๆ องค์ผู้ให้กำเนิดมหาวิทยาลัย ก็คือ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ทรงระบุไว้เป็นพระราชพินัยกรรมว่า ให้สอนพระไตรปิฎกและวิชาการศึกษาชั้นสูง

เมื่อเปิดมหาวิทยาลัยมาโดยมีพระราชประสงค์ดังนั้น ก็ยังมีการมาตีความกันอีกว่า วิชาการชั้นสูงคืออะไร ? หลายคนก็บอกว่าเปิดหลักสูตรปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอกไปเลย ก็ใช่นะ..แต่ก็ไม่น่าจะใช่มหาวิทยาลัยของพระ ดังนั้น..มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยก็เลยตีความว่า วิชาการชั้นสูงก็คือ วิปัสสนากรรมฐาน จึงมีการบังคับนักศึกษาให้ต้องปฏิบัติธรรมทุกปี

เมื่อเป็นดังนี้มหาวิทยาลัยของพระจึงมีจุดต่างกับของญาติโยมอยู่ ก็คือ มีการบังคับการปฏิบัติธรรม ไม่ว่าคุณจะเป็นหรือไม่เป็นเราก็จะสอนจนเป็นให้ได้ เพียงแต่ว่าเป็นแล้วจะเข้าถึงได้แค่ไหนเท่านั้น มีญาติโยมบางคนที่จบการศึกษาปริญญาโทแล้วมาเปิดใจว่า วิชาการที่เขาเรียนไปก็อย่างนั้นแหละ ที่อื่นก็มีเหมือน ๆ กัน ไปเรียนจากที่ไหนก็ได้ แต่สิ่งที่เขาได้ และได้ใช้ไปตลอดชีวิตก็คือวิปัสสนาภาวนา

ทางประเทศฮังการีเที่ยวมาสืบหามหาวิทยาลัยในประเทศไทย เพื่อที่จะเข้าร่วมเป็นสถาบันการศึกษาสมทบในระดับปริญญาโทและปริญญาเอก เขากางรายชื่อมหาวิทยาลัยต่าง ๆ แล้วไล่สอบถามทีละมหาวิทยาลัย พอไปถึงมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ถามว่าหลักสูตรที่จะต้องศึกษามีอะไรบ้าง ? ท่านเจ้าคุณอธิการรูปปัจจุบัน (พระธรรมโกศาจารย์) ก็ร่ายยาวไปเลยว่า หลักสูตรปริญญาโทมีอย่างนี้ ปริญญาเอกมีอย่างนี้ ถึงเวลาต้องสะสมวันปฏิบัติธรรมเท่านี้ จึงจะให้จบ

ปรากฏว่าอธิการบดีมหาวิทยาลัยฮังการีบอกว่าใช่..ที่เขาต้องการคือแบบนี้ ต้องการให้ผู้เรียนได้ศึกษาภายในด้วย ไม่ใช่ศึกษาแต่ภายนอกอย่างเดียว ในเมื่อเป็นดังนี้ เราจะเห็นชัดว่าแม้กระทั่งต่างประเทศก็เน้นเกี่ยวกับเรื่องวิปัสสนาภาวนากันแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-05-2012 เมื่อ 03:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 165 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา