ดูแบบคำตอบเดียว
  #6  
เก่า 04-05-2012, 09:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,523
ได้ให้อนุโมทนา: 151,451
ได้รับอนุโมทนา 4,406,253 ครั้ง ใน 34,113 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แต่ว่าความจริงแล้ว พระพุทธเจ้าทรงฝากพระพุทธศาสนาไว้กับพุทธบริษัททั้งสี่ คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก และอุบาสิกา ถ้าหากว่าเราแยกแยะดูจะเห็นว่า พุทธบริษัททั้งสี่นั้น จะมีอนาคาริกะ คือผู้ที่ไม่ครองเรือน ได้แก่ ภิกษุ และภิกษุณี กับอาคาริกะ คือผู้ครองเรือน ได้แก่ อุบาสกและอุบาสิกา

ผู้ครองเรือนอย่างอุบาสก อุบาสิกา โอกาสที่จะปฏิบัติธรรมเต็มที่ก็ไม่ได้ เพราะว่าติดการทำมาหากิน จึงเป็นหน้าที่ของอนาคาริกะ ผู้ไม่ครองเรือนอย่างภิกษุหรือภิกษุณี ที่จะต้องเร่งขวนขวายปฏิบัติให้เต็มที่ เข้าถึงธรรมให้ได้ โดยได้รับการสนับสนุนในเรื่องปัจจัยสี่จากอุบาสกและอุบาสิกา เมื่อเข้าถึงธรรมแล้วก็ย้อนกลับมา นำเอาสิ่งที่ตนปฏิบัติด้วยตัวเองแล้ว นำมาบอกกล่าวสั่งสอนแก่อุบาสกและอุบาสิกา เพื่อให้เข้าถึงธรรมให้ได้ง่ายที่สุด ก็คือง่ายกว่าที่อุบาสกและอุบาสิกาจะไปปฏิบัติด้วยตนเอง เนื่องจากว่าบุคคลที่ปฏิบัติด้วยตนเองแล้วได้ผล ถึงเวลาบอกทางก็จะบอกง่าย

เมื่อเป็นดังนั้นเรื่องของพุทธบริษัททั้งสี่จึงเป็นเรื่องของการเกื้อกูลกัน ถ้าต่างคนต่างทำหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มที่ ก็แปลว่าพระพุทธศาสนาจะเป็นไปด้วยดี มีความเจริญรุ่งเรือง คราวนี้ตามที่ท่านเจ้าคุณพระศรีคัมภีรญานท่านบอกว่า ฆราวาสเขาเปิดบ้าน เขาเป็นเจ้าสำนัก เขามีลูกศิษย์เยอะแยะไปหมด แล้วต่อไปพระจะทำอะไร ? คงต้องหุงข้าวเลี้ยงโยมสินะ จะได้ทำหน้าที่สลับกัน ในจุดนี้จะว่าไปแล้วก็คือว่า ความเข้มแข็งของอุบาสกอุบาสิกามีมากขึ้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-05-2012 เมื่อ 10:15
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 168 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา