ดูแบบคำตอบเดียว
  #26  
เก่า 01-05-2016, 14:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงสอนพวกอาตมาไว้อยู่เสมอว่า “ให้เขียนสังโยชน์ ๑๐ กับบารมี ๑๐ ติดหัวนอนไว้ ตื่นเช้าขึ้นมาก็ทบทวนอยู่เสมอ ข้อไหนที่เรายังบกพร่อง วันนี้เราจะทำให้ได้ ถ้าในส่วนของสังโยชน์ ข้อไหนที่เรายังละไม่ได้ วันนี้ต้องละให้ได้” นั่นเป็นการเตือนสติ เตือนใจตนเองไว้เสมอว่าเป้าหมายของเราคืออะไร ? ตอนนี้เราทำอะไรได้บ้าง ? และอะไรที่ยังต้องเร่งรัดพัฒนากันต่อไป ?

ในส่วนของบารมี ๑๐ ที่พวกเราพร่องอยู่นั้น ส่วนใหญ่ก็คือ พร่องในขันติบารมี ขาดความอดทนอดกลั้นในการปฏิบัติธรรม ขาดวิริยบารมี ขาดการพากเพียรอย่างต่อเนื่อง และขาดปัญญาบารมี ไม่รู้ว่าจะรักษาอารมณ์ตนเองให้อยู่ในด้านดีได้อย่างไร ก็ถ้าหากว่า ๑๐ ขาดไปเสีย ๓ แล้ว ก็เท่ากับว่าเราขาดปัญญาบารมี เพราะปัญญาไม่เพียงพอ รักษาอารมณ์ใจตนเองไม่ได้ ในเมื่อเราขาดจาก ๔ ใน ๑๐ แล้ว โอกาสที่ข้ออื่นจะขาดตามก็มีอีกมาก

อย่างเช่นว่า เมื่อขาดความอดทน ขาดความพากเพียร ปฏิบัติไม่ได้ตามที่ตั้งใจเอาไว้ สัจจบารมีของเราก็บกพร่อง ในเมื่อสัจจบารมีของเรายังบกพร่อง ความแน่วแน่มั่นคงของสภาพจิตมีไม่เพียงพอ อุเบกขาบารมีก็ย่อมบกพร่องไปด้วย เพราะปล่อยไม่ได้วางไม่ลงเสียที ถ้าอุเบกขาบารมีของเราบกพร่อง ตัวเมตตาบารมีของเราก็ไม่มี เพราะว่าเมตตาบารมี ต่อด้วยกรุณา มุทิตาและถึงจะเป็นอุเบกขา กลายเป็นว่าเราขาดไป ๖ ใน ๑๐ แล้ว ตายแน่ ๆ ถ้าหากว่าเมตตาบารมีไม่มี ศีลบารมีก็ไม่มี เพราะว่าศีลเกิดจากพื้นฐานของความเมตตา หายไป ๗ ข้อแล้ว ถ้าว่าต่อก็หายไปครบ ๑๐ เลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-05-2016 เมื่อ 17:09
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 75 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา