ดูแบบคำตอบเดียว
  #1  
เก่า 07-06-2010, 14:59
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,886 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default ของจริงในพุทธศาสนา ต้องถูกกระทบก่อน

ของจริงในพุทธศาสนา ต้องถูกกระทบก่อน



เมื่อวันอังคารที่ ๒๙ มิ.ย. ๒๕๓๖ เพื่อนผู้ร่วมปฏิบัติธรรมของผม ท่านเล่าให้ผมฟังเกี่ยวกับเรื่องอารมณ์ของท่านกดไม่อยู่ เมื่อถูกกระทบ ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่ว่าไม่ดี จึงถูกอุปกิเลสเล่นงานเอาครบเครื่อง คือ ทั้งเสือก ทั้งซ่า ทั้งหลง ทั้งเป็นตำรวจและชอบเป็นผู้แทน ผมจะไม่ขอเขียนรายละเอียด สรุปว่าสอบตกตลอด สมเด็จองค์ปฐม ท่านก็ทรงพระเมตตาตรัสสอนให้ ดังนี้

๑. ทรงตรัสถามว่า “ระงับความฟุ้งซ่านไม่อยู่หรือ” (ก็รับว่า ไม่อยู่ ซ้ำร้ายบางครั้งจิตมันคัดค้าน และปรามาสพระรัตนตรัยอย่างไม่มีเหตุผลด้วย) ทรงตรัสว่า “ก็เป็นธรรมดาของกิเลสมารแทรก เจ้าก็จงหมั่นขึ้นมากราบขอขมาพระรัตนตรัยให้ทุกครั้ง มีธรรมนิมิตเตือนแล้ว ให้เจ้าระวังโทสะจริตไว้ให้ดี ๆ จักพาจิตเจ้าหลงทาง เป็นมิจฉาทิฏฐิได้”

๒. “ราคะเบาลง ปฏิฆะก็จักเล่นงาน เพราะฉะนั้น กรรมฐานแก้อารมณ์ทั้ง ๒ อย่าง ห้ามทิ้งเป็นอันขาด แล้วจงหมั่นนึกถึงอุปสมานุสติ อันเป็นจุดหมายปลายทางของการปฏิบัติพระกรรมฐานทั้งหมดด้วย”

๓. “ฟุ้งก็ให้รู้ว่าฟุ้งด้วยสาเหตุอันใด แล้วจงหมั่นระงับที่สาเหตุอันนั้น”

๔. “อย่ากลัวอารมณ์กระทบ เพราะจักเป็นเครื่องวัดทดสอบจิต ว่าปฏิบัติธรรมไปได้ถึงระดับใดแล้ว หากไม่มีอารมณ์กระทบ ไฉนเลยจักทราบอารมณ์หวั่นไหวของจิตตนได้ ธรรมของตถาคตมิใช่สิ่งเนิ่นช้า ยิ่งกระทบมากเท่าไหร่ จักได้ล่วงรู้การปฏิบัติธรรมมีผลหรือไม่ มากขึ้นเท่านั้น จักละราคะ ราคะกระทบ จักละปฏิฆะ ปฏิฆะกระทบเป็นเรื่องธรรมดา ทรงสติไว้ให้ดี ๆ กรรมฐานแก้จริตมีอยู่แล้ว ต้องหมั่นใช้ให้ถูกกอง

เหมือนดาบคมอยู่ในฝัก ไม่หมั่นลับ ไม่หมั่นซ้อม จักชักออกมาฟาดฟันศัตรู คือ ข้าศึกกิเลสของใจได้ว่องไวทันการณ์หรือไฉน มัวแต่อืดอาด ดาบก็เป็นสนิมเขรอะ สิ้นคม สิ้นกระบวนท่า ฉะนั้นและเจ้า เข้าใจไหม” (ก็ยอมรับว่าเข้าใจ แต่ทำไมตอนนั้น ทำไมเราจึงไม่คิดอย่างนี้)

๕. ทรงตรัสว่า “ก็เป็นเรื่องธรรมดา จิตเจ้ายังมีกิเลส คบกับกิเลสมานานนับอสงไขยกัปไม่ถ้วน จู่ ๆ จักให้ออกจากห้วงกิเลสเหล่านี้ได้อย่างง่ายดายนั้น มันเป็นไปไม่ได้ เจ้าจักต้องพยายามกำหนดรู้อารมณ์ของจิต เพียรใช้กรรมฐานแก้อย่างหนัก ไปจนกว่าอารมณ์นั้นถูกละ ถูกวาง ถูกตัดออกไปจากจิตจริง ๆ มันก็ต้องใช้เวลา อย่าใจร้อนให้เสียผลของการปฏิบัติก็แล้วกัน จำไว้ ความใจร้อนคืออารมณ์ปฏิฆะอันหนึ่งนั่นแหละ”

๖. “ขอให้ระวังอารมณ์ใจร้อนเอาไว้ให้ดี ๆ มันทำให้เสียผลของการปฏิบัติธรรมมามากต่อมากรายแล้ว คิดมันไว แต่ใจมันไม่ได้มรรคผลจริงก็ไม่มีประโยชน์ ต้องใจเย็นคิดใคร่ครวญด้วยปัญญา ที่เห็นความจริงตามอริยสัจ จนจิตยอมรับ ปฏิบัติไปตามนั้นอย่างมั่นคง แน่วแน่ไม่แปรปรวน นั่นแหละจึงจักเป็นของแท้ ของจริง”
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 75 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา