ภัยอันตรายอันเกิดจากการเดินทาง
สมเด็จองค์ปัจจุบัน ทรงมีพระเมตตาตรัสสอนเรื่องนี้ไว้ดังนี้
๑. “การเดินทางไปไหนในทางโลกเต็มไปด้วยภัยอันตราย จิตมีกังวลอยู่กับความปลอดภัยของร่างกาย เกรงกลัวอุบัติเหตุ
ต่างกับการใช้จิตเดินทางไปพระนิพพานมีแต่ความปลอดภัย หาอันตรายไม่ได้เพราะไม่ต้องนำร่างกายมาใช้ให้เป็นห่วง”
๒ “การเดินทางทางโลก ตราบใดที่ยังไม่ถึงจุดหมายปลายทาง จิตจักมีกังวลเรื่องอุบัติเหตุ อย่างนี้เป็นสุขหรือเป็นทุกข์”
(ก็ตอบว่า เป็นทุกข์)
๓. “เมื่อรู้ว่าเป็นทุกข์ ก็จงอย่าได้เบียดเบียนตนเองอีก”
๔. “การใช้จิตไปไหน ๆ สามารถใช้ได้ตลอดเวลา ไม่ว่าในขณะนั้นร่างกายจะอยู่ที่ไหน กำลังทำอะไรอยู่ก็ไปได้หมด”
สาเหตุ : ที่พระพุทธองค์ทรงมีพระเมตตามาตรัสสอน ก็เพราะมีหญิงชราอายุ ๗๐ กว่าปีแล้ว อยากจะเอากายไปกราบพระพุทธบาท ๔ รอย ที่จังหวัด... ซึ่งอยู่บนเขา การเดินทางลำบากมาก ระยะทางประมาณ ๑ ก.ม. ต้องใช้เวลาเดินทางหลายชั่วโมง
ความอยากได้บุญจากการเอากายซึ่งเต็มไปด้วยความทุกข์อยู่แล้ว ไปกราบพระพุทธบาทจำลองหรือเป็นของสมมุติและไม่เที่ยง จึงเท่ากับเอาเปลือกของปลอม ของสมมุติ ของไม่จริง (ร่างกายนี้มันหาใช่เรา หาใช่ของเราไม่ จิตเรามาอาศัยกายอยู่ชั่วคราว แล้วหลงยึดติดว่ากายนี้เป็นเรา เป็นของเรา)
ไปกราบของสมมุติเช่นกัน จึงเท่ากับเอาตัวปลอมไปกราบของปลอมเพราะขาดปัญญานั่นเอง
บุคคลผู้ฉลาดเขาใช้ของจริง คือเอาจิตหรืออาทิสมานกายไปกราบของจริง คือพระพุทธเจ้าทั้ง ๔ พระองค์แทบพระบาทของพระพุทธเจ้าทั้ง ๔ พระองค์บนพระนิพพาน เขาสามารถไปกราบได้ในขณะจิตเดียวทั้งไปทั้งกลับโดย
ใช้วิชามโนมยิทธิให้เกิดประโยชน์ กายมิได้เหนื่อยเลย ส่วนจิตนั้นเหนื่อยไม่เป็นอยู่แล้ว คนโง่ขาดปัญญาไม่เห็นทุกข์และภัยจากการเดินทาง
คนฉลาดรู้ว่ากรรมหรือธรรมทั้งหลายมีใจเป็นหัวหน้า มีใจเป็นใหญ่หรือใจเป็นประธาน ทุกสิ่งสำเร็จได้ที่ใจ คนโง่ได้บุญน้อยแต่ทำมาก เหนื่อยมากเพราะทำด้วยกาย หากกายตอนนั้นเกิดตายก็ไปได้แค่สวรรค์ คนฉลาดทำน้อยแต่ได้บุญมากเพราะเอาจิตไปกราบพระ หากกายเกิดตายขณะนั้น จิตก็อยู่บนพระนิพพานแล้ว ผมก็ขอเขียนไว้แค่เป็นตัวอย่างให้ผู้อ่านได้ใช้ปัญญา คือธัมมวิจยะนั่นแหละ คือ ต้นเหตุที่ทำให้เกิดปัญญา
ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่ม ๗
รวบรวมโดย พล.ต.ท. นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน
ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่
www.tangnipparn.com