ดูแบบคำตอบเดียว
  #493  
เก่า 03-07-2020, 14:49
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,833 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

กุฏิ ศาลา.. พออาศัย

หากจะกล่าวว่า วัดของท่านเป็นเสมือนหนึ่งทำนบน้ำอันกว้างใหญ่.. พร้อมเสมอที่จะให้บุคคลได้อาบ ดื่ม ใช้สอย และเพื่อกิจการประโยชน์อื่นใดได้ทุกขณะก็คงไม่ผิดไป เมื่อมีจตุปัจจัยเข้ามามากน้อยเพียงใด ท่านไม่เคยหวงแหนเก็บงำไว้เพื่อตัวของท่าน หรือเพื่อวัดของท่านเลย มีแต่มุ่งทำประโยชน์ช่วยโลกเรื่อยมา

เหตุนี้เอง ภายในวัดป่าบ้านตาดจึงไม่มีสิ่งก่อสร้าง* สวยสดงดงามหรูหราแต่อย่างใด ดังนี้
“... เงินวัดนี้ เงินเพื่อโลก เราไม่ได้เก็บสำหรับวัดนี้ ใครจะมาสร้างอะไรให้ เราไม่เอา นี่ดูซิ


ศาลาของหลวงตาบัว หลังนี้ก็ ๔ หนแล้วนะ เขามาขอสร้าง.. ขอรื้อสร้างใหม่

เราไม่ให้สร้าง สร้างไปหาประโยชน์อะไร สร้างหัวใจซิ ที่ประเสริฐเลิศโลกอยู่ตรงนี้.. ไม่ได้อยู่กับอิฐ กับปูน กับหิน กับทราย ไปสร้างมันหายุ่งอะไร ถ้าไม่ใช่หมาขี้เรื้อนหาเกาในที่ไม่คัน.. ฟาดกิเลส ตัวมันดิ้นมันดีดให้เกาเอาตรงนั้นซิ ไปที่ไหนก็เลยเป็นทำเล เขาเรียกรีสอร์ทรีแสดไปหมดแล้ว เดี๋ยวนี้วัดต่าง ๆ กลายเป็นรีสอร์ทรีแสดไปละ เป็นอย่างนั้นนะ .. ศาสนธรรมเป็นสิ่งที่มีคุณค่ามากยิ่งกว่าวัตถุ เครื่องก่อสร้างให้ความกังวลวุ่นวาย เราคำนึงถึงเรื่องนั้นต่างหากนะ

กุฏิ .. กุฏิเรา ๘ หนมาขอปลูกใหม่ให้ ขอรื้อใหม่ปลูกใหม่ ถ้าไม่ให้รื้อก็ปลูกใหม่.. ไม่เอาทั้งนั้นเรา ถึง ๘ หน.. หนที่ ๘ ก็ขนาบกันใหญ่ซิถึงได้หยุดมา ว่าครูบาอาจารย์อยู่อย่างนี้มันไม่เหมาะสม .. หลังที่สร้างขึ้นนี้เขาส่งเงินมาก็บอกตรง ๆ เลย เขาเห็นเราอยู่กระต๊อบสูงแค่เข่า พื้นก็สับไม้ไผ่เป็นฟากปู สร้างด้วยฟาง มุงด้วยหญ้า เราอยู่นั้นพังไป ๓ หลัง หลังที่ ๔ ถึงได้ปลูกหลังนี้ขึ้นมา (กุฏิหลังปัจจุบัน) เพราะปลวกกินต้นเสาล้มลงปลูกใหม่ ช่างพอทราบว่าเป็นกุฏิของเราก็มาต่อว่าเราที่ศาลา คนก็ยังอยู่มาก ๆ นี้ เขามาต่อว่าเรา.. ยังร้องไห้อีกด้วย บอกว่า
‘ครูบาอาจารย์ชื่อเสียงโด่งดังทั่วประเทศ มาดูกุฏิแล้วหลังเท่ากำปั้น จะอยู่ได้ยังไง’


‘เอ้า ตั้งแต่อยู่ในท้องของแม่นี้เป็นยังไง ? ท้องของแม่กับกุฏิหลังนี้อะไรใหญ่กว่ากัน ? กุฏิหลังนี้.. ยืนได้ เดินได้ นั่งได้ นอนได้อย่างสะดวกสบาย ไปมาได้ ในท้องแม่ไปไหนได้ไหม ? คับแคบยิ่งกว่านี้ยังอยู่ได้ตั้ง ๙ เดือน ๑๐ เดือน อันนี้ขนาดนี้แล้วทำไมจะอยู่ไม่ได้ ถ้าต้องการกว้าง ๆ ก็ไปอยู่ทุ่งอยุธยานั่นซิ ...’

เขาไม่ยอมซิ กลับไปเขาส่งเงินตูมมา ทีนี้เราไม่ได้มีข้อสั่งเสีย หรือมีข้อแม้อะไรเอาไว้ จะส่งกลับคืนก็เหมือนประชดกันนี่ เลยได้ฝืนปลูกนะ ...

จากนั้นเราก็สั่งเลยเทียว ใครจะส่งสิ่งส่งของ เงินทองมาให้เกี่ยวกับการก่อสร้างในวัดป่าบ้านตาดนี้แล้ว ต้องให้เราทราบเสียก่อน ถ้าส่งมาสุ่มสี่สุ่มห้าก่อนหน้าอย่างนั้นไม่ได้ ถ้ายังไม่ได้ตกลงกันไว้แล้ว ส่งมาเท่าไรก็ไม่สำเร็จ ต้องบอกอย่างนั้นเลย เราก็ถือปฏิบัติอย่างนั้นมา ใครจะมาสร้างหากไม่ได้ขออนุญาตให้เป็นที่ตกลงใจกันเสียก่อน เราไม่ให้ทำ ...

ที่อยู่พออยู่ ๆ ไป แต่ทางจงกรมให้เป็นเหวไปเป็นไร (เดินจงกรมมากกระทั่งทางเดินเป็นร่องลึก) นั่นละ ธรรมเจริญ พระพุทธเจ้า พระสาวก ท่านดำเนินอย่างนั้น ท่านไม่ได้เอาวัตถุออกหน้าออกตาอะไร นี่อยู่ที่ไหนมีแต่เรื่องก่อสร้างถือเป็นใหญ่เป็นโต เป็นหลักศาสนาใหญ่โตเชียว เห่อแข่งขันโน่น จะว่าอะไร ...

ห้องน้ำพระกรรมฐานเรานะ ในห้องน้ำเห็นแปรงถูฟัน เห็นอะไร ๆ ในห้องน้ำนี้.. บอกชัดเจนแล้วว่าไม่เอาไหน นั่นมันชี้บอกนะ มาถูฟงถูฟันกี่ชั่วโมงกว่าจะเสร็จกว่าจะสิ้น แสดงว่าไม่เอาไหน สติสตังไม่ทราบไปไหน ไม่รู้เลยเหมือนคนตายแล้ว ผู้ที่เป็นนักรบไม่ได้มีอะไรมากนะ เอาแต่จำเป็น ๆ จ่อกันอยู่ตลอดเวลา นี่เรียกว่านักรบ ห้องน้ำไม่มีอะไร มีแต่ที่จำเป็นเท่านั้นนอกนั้นไม่มี อันนี้ในห้องน้ำมีทุกสิ่งทุกอย่าง.. เหมือนเครื่องประดับประดาตกแต่ง .. ดูแล้วอิดหนาระอาใจนะ พึ่งมาพูดนี่ล่ะ ไม่เคยพูดนะนี่.. สำหรับพระทั่ว ๆ ไป มันปล่อยอาลัยตายอยากแล้วแหละ ที่ยังจะพอมีหวังหายใจฟอด ๆ อยู่บ้าง คือพระกรรมฐาน ..

ศาลานี่ (ศาลาใน) ศาลาหลังนี้ก็ ๔ หนแล้วนะ เขามาขอรื้อสร้างใหม่บ้าง ขอยกศาลาใหม่บ้าง ยกขึ้นเราก็ไม่ให้ยก สร้างก็ไม่ให้สร้าง ขยายใหม่เราก็ไม่ขยาย จึงอยู่อย่างนี้ ... เขาก็อยากจะมาทำใหม่ให้ เราก็ไม่เอา ตีเพดานให้เราก็ไม่ให้ตี นั่น.. นี่มันเหมาะแล้ว พอดีแล้ว โก้หรูไปอะไรเรื่องโลก ๆ ให้โก้หรูอยู่ภายในหัวใจซิ.. ใสสว่างกระจ่างแจ้งอยู่ภายในใจนั่น ของอัศจรรย์อยู่ตรงนั้นต่างหาก ไม่ได้อยู่กับหิน กับทราย กับอิฐ กับปูน กับเหล็กอะไรนี่ .. ทำพออยู่ได้ พอ ...

ยกศาลา (ใน) ศาลาหลังนี้แต่ก่อนเตี้ย ๆ นะ นี่ยกขึ้นแล้ว เขามาขอสร้างใหม่เราไม่เอา สร้างอะไร ๆ ไม่เอาทั้งนั้น สุดท้ายก็เลยมาขอยกศาลาหลังนี้ขึ้นเป็นสองชั้น ชั้นบนชั้นล่างอยู่มา (เช่นปัจจุบัน) .. แล้วคนก็อยู่ข้างล่าง แล้วแขกคนมาก็ให้นอนข้างบนก็เท่านั้นล่ะ สำหรับวัดป่าบ้านตาดเวลานี้มันก็เลอะเทอะแล้ว มีความจำเป็นตั้งแต่เราช่วยบ้านช่วยเมือง แขกคน พระเณรไปมาทั้งวันทั้งคืน ทีนี้การงานเท่าไรมันก็ทำไปเรื่อย ไอ้เราไม่รู้นะ เขาทำ.. เขาทำของเขาเองเราไม่รู้ สุดท้ายก็เลยเป็นศาลาเดือนเก้าไปเลย ...

=================================================

* พระอาจารย์เส็ง เล่าเป็นข้อมูลบันทึกความจำถึงการก่อสร้างเปลี่ยนแปลงในวัดจะเป็นไปด้วยความจำเป็นและมีเหตุผลเสมอ ซึ่งแต่เดิมศาลาไม้ในวัดป่าบ้านตาดนั้นมีพักชั้นเพียง ๒ ระดับ และส่วนที่เป็นพระประธาน ต่อมาราวปี ๒๕๐๓-๒๕๐๔ เพิ่มพักล่างพื้นไม้รูปตัวยู (U) อีกระดับ รวมเป็น ๓ ระดับจนถึงทุกวันนี้ จากนั้นในปี ๒๕๒๓ ปลวกเริ่มกินเสาไม้เดิมจึงเปลี่ยนเป็นเสาคอนกรีตทั้งหมด ๖๘ ต้น ใช้เวลาดำเนินการเพียง ๓ วัน หลังการปรับปรุงเสาศาลาแล้วเสร็จ ในปี ๒๕๒๔ ก็เปลี่ยนเสาไม้กุฏิองค์หลวงตากับอีก ๒ กุฏิ เป็นเสาคอนกรีตด้วยเช่นกัน ต่อมาในปี ๒๕๓๙ ประชาชนเข้ามาเกี่ยวข้องมากขึ้น จึงยกศาลาขึ้นเป็น ๒ ชั้น และเทพื้นคอนกรีตชั้นล่าง พระเณรจึงย้ายลงมาฉันจังหันด้านล่างศาลานับแต่นั้นมา

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-07-2020 เมื่อ 15:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 11 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา