ดูแบบคำตอบเดียว
  #3  
เก่า 26-09-2018, 21:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,015 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในส่วนของปัญญานั้น คือรู้ตัวอยู่เสมอว่าเราจะต้องตาย ถ้าหากว่าเราตายลงไป ไม่ว่าจะเป็นเพราะหมดอายุขัยก็ดี หรือเกิดอุบัติเหตุอันตรายถึงแก่ชีวิตก็ตาม เราขอมีพระนิพพานเป็นที่ไปแห่งเดียวเท่านั้น

นี่เป็นหนทางที่ตรงที่สุดซึ่งจะนำเราหลุดพ้นจากห้วงวัฏสงสาร ที่เวียนว่ายตายเกิดนับชาติไม่ถ้วน แล้วถ้าหากไม่รู้จักทางออก ก็ยังคงเวียนว่ายตายเกิดกันไม่รู้จบ มีแต่ความทุกข์ไม่รู้จักจบจักสิ้น

ในเมื่อเรารู้แล้วว่าเราเดินทางวนเวียนอยู่มามากพอแล้ว ก็ควรที่จะพอเสียทีกับการ เกิด แก่ เจ็บ ตาย เช่นนี้ ให้มุ่งไปตามทางตรงคือมรรค ๘ ย่อลงมาเหลือ ศีล สมาธิ ปัญญา ดังที่ได้กล่าวไปแล้ว พยายามตั้งหน้าตั้งตาทำจริง ๆ ซ้อมแล้วซ้อมอีก ย้ำแล้วย้ำอีกอยู่ทุกวันทุกเวลาโดยไม่เบื่อไม่หน่าย ถ้าหากว่ากำลังความดีใน ศีล สมาธิ ปัญญา ของเราสมบูรณ์พร้อม เราก็จะก้าวล่วงจากวัฏสงสาร ซึ่งประกอบไปด้วยความทุกข์อันเอนกอนันต์นี้ เข้าสู่พระนิพพานซึ่งเป็นที่พ้นจากความทุกข์ทั้งปวง

ลำดับต่อไปก็ให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม,ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
วันอาทิตย์ที่ ๒ กันยายน ๒๕๖๑

(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 27-09-2018 เมื่อ 08:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา