ดูแบบคำตอบเดียว
  #3  
เก่า 31-05-2010, 11:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในเมื่อเราทำแล้ว ผลกรรมที่มันเกิดขึ้นนี่ บางส่วนที่อยู่ในส่วนของความเป็นทิพย์ เช่น พวกผี พวกเปรต อสุรกายอะไรเหล่านี้ เขารู้วาระกรรม เมื่อรู้...ถ้าหากว่าจังหวะที่พวกนี้เขาทวงได้ เพราะอดีตเคยเป็นเจ้ากรรมนายเวรมาก่อน เขาจะฉวยโอกาสทวงตอนนั้น

ในเมื่อเขารู้วาระ เขาก็รู้ว่าจะย่องมาตอนไหนที่เจ้าของบ้านเผลอ พอเขาทวงได้เราก็เดือดร้อน ดังนั้น จำเป็นที่เราจะต้องทำความดีให้ต่อเนื่องกันไว้ อย่าเผลอให้ขาดช่วงลง ถ้าขาดช่วงลงจะเหมือนกับท่านก้อง พอขาดช่วงลง อกุศลกรรมก็จะทำให้คิดผิด ก็สึกหาลาเพศไป

ที่คิดนะถูก..แต่ถูกของเขา ถ้าหากว่าในความรู้สึกของผมนั้น ผมว่าเขาคิดผิด เพราะว่าออกไปก็เดือดร้อนอีก แล้วก็ต้องย้อนกลับเข้ามาใหม่ ให้ดูท่านโจ๊กเป็นตัวอย่าง ตอนนี้ตีก็ไม่ไป ไล่ก็ไม่หนี เพราะออกไปเจอมาจนเข็ดแล้ว

ถ้าหากว่าเราเปิดโอกาสให้อกุศลกรรมแทรกได้ ต่อไปเราก็จะคิดผิด พูดผิด ทำผิด เพราะฉะนั้น..ต้องสร้างความดีให้ต่อเนื่อง โดยเฉพาะความดีของศีล สมาธิ ปัญญา

เราเป็นนักบวช เป็นนักปฏิบัติกันทั้งนั้น ถ้าหากว่าความดีของศีลนั้น เราสามารถรักษาได้สมบูรณ์ ไม่ล่วงศีลด้วยตนเอง ไม่ยุยงให้คนอื่นทำ ไม่ยินดีเมื่อคนอื่นทำ ต้องถือว่าช่วยลดกรรมไปแล้ว ๒๕ % เพราะเราสามารถควบคุม กาย วาจา ของเราได้

ในเรื่องของสมาธิ ถ้าเราสามารถทำได้ สมาธิทรงตัวตั้งแต่ปฐมฌานขึ้นไป ลดไปได้อีก ๕๐ % เพราะว่ากำลังของสมาธิสูงกว่าศีลเป็นเท่าตัว ถ้าหากว่า ศีล สมาธิ ของคุณทรงตัว กรรมเก่าจะตามได้ไม่เกิน ๒๕ % เพราะหมดไปด้วยอำนาจของ ศีลและสมาธิ แล้ว ๗๕ % ด้วยกัน

เพราะฉะนั้น..พวกเราแต่ละคน ไม่ว่าจะอดีตหรือปัจจุบัน ล้วนแล้วแต่สร้างกรรมมาทั้งนั้น จะด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจอะไรก็ตาม กรรมทั้งหลายเหล่านี้จะคอยส่งผลอยู่ ตราบใดที่ยังไม่หลุดพ้น ตราบนั้นกรรมก็ยังส่งผลอยู่ตลอดเวลา

พระพุทธเจ้าถึงบอกให้กลัวการเกิด ไม่ใช่กลัวการตาย เพราะว่าเกิดเมื่อไรผลกรรมก็จะตามส่งอยู่เสมอ ท่านถึงได้เตือนเอาไว้ว่า อย่าประมาทว่าเป็นกรรมเพียงเล็กน้อยแล้วไปทำ ขณะเดียวกันก็อย่าคิดว่าเป็นบุญเพียงเล็กน้อยแล้วไม่ทำ

ท่านบอกว่า บุญกรรมไม่ว่าจะเล็กน้อยขนาดไหนก็ตาม ถึงวาระก็ส่งผลให้ทันที พระพุทธเจ้าเมื่อปลงอายุสังขาร เสด็จจากปาวาลเจดีย์ไปเมืองกุสินารา** ปกติพระพุทธเจ้าเสด็จได้วันละ ๑๒๐ โยชน์ ไปได้กลางทางก็ไม่น่าจะเกิน ๖๐ โยชน์


หมายเหตุ :
**พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๐ : พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒ : ทีฆนิกาย : มหาวรรค : มหาปรินิพพานสูตร
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 01-06-2010 เมื่อ 15:52
สมาชิก 107 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา