เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันอาทิตย์ที่ ๓ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๕
ทุกคนขยับตัวนั่งในท่าที่สบายของเรา จะนั่งขัดสมาธิ นั่งซ้อนขา ขัดสมาธิเพชร หรือพับเพียบ ก็แล้วแต่ความถนัดของเรา เอาความรู้สึกทั้งหมดอยู่ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก..ให้ความรู้สึกไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอย่างไรก็ได้ ตามที่เราเคยมีความถนัดมาแต่เดิม
สำหรับวันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ ๓ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๕ ยังอยู่ในช่วงสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา หรือที่เรียกง่าย ๆ ว่าสัปดาห์วันวิสาขบูชา จากที่เมื่อวานได้กล่าวแล้วว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา ทรงทรมานพระวรกายอยู่ถึง ๖ ปีเต็ม ๆ กว่าจะตรัสรู้ธรรม แล้วนำเอาธรรมทั้งหลายเหล่านั้น มาสั่งสอนต่อพระเถระในครั้งพุทธกาล จนกระทั่งบรรลุมรรคผลเป็นจำนวนมากต่อมากด้วยกัน แล้วพระเถระทั้งหลายก็ได้สืบทอดหลักธรรมนั้นสืบเนื่องกันมาจนกระทั่งถึงเราในปัจจุบันนี้
ดังที่ได้กล่าวไปแล้วว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น ต้องทนลำบากแทบล้มประดาตาย เพื่อแสวงหาธรรมมะมาสงเคราะห์พวกเรา พระองค์ท่านบำเพ็ญพุทธกิจตลอด ๔๕ พรรษา ทุกวันไม่เคยว่างเว้น แต่ละคืนบรรทมไม่น่าจะเกิน ๓ ชั่วโมงเท่านั้น พระองค์ทำดังนี้เพราะเห็นประโยชน์ในจุดที่ว่า พวกเราทั้งหลายมีโอกาสที่จะบรรลุมรรคผล องค์สมเด็จพระทศพลบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงยอมตรากตรำพระวรกายเหนื่อยยากอยู่ ๔๕ ปีเต็ม ๆ เผยแผ่ในสิ่งที่พระองค์ท่านได้ตรัสรู้มาสู่พวกเราทั้งหลาย เพราะด้วยความหวังดีปรารถนาดีอย่างแท้จริงว่า ต้องการให้พวกเราทั้งหลายนี้ได้พ้นทุกข์เช่นเดียวกับพระองค์ท่าน
แม้กระทั่งพระมหาเถระทั้งหลายตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบันมาถึงหลวงปู่ หลวงพ่อของเราก็ดี เมื่อเสวยอมตสุขของการสัมผัส เข้าถึง รู้แจ้ง ในพระนิพพานแล้ว ก็อยากให้พวกเราได้มีโอกาสลิ้มรสของความเป็นอิสระ พ้นจากบ่วงของความทุกข์ทั้งปวงด้วย หลวงปู่หลวงพ่อของเรา จึงได้ลำบากตรากตรำ สั่งสอนพวกเราสืบมา
โดยเฉพาะหลวงพ่อวัดท่าซุงนั้น สุขภาพของหลวงพ่อไม่ดีมาตลอด เพราะในอดีตแทบทุกชาติท่านเป็นทหาร ต้องรบราฆ่าฟันกับข้าศึกอยู่ตลอดเวลา แม้ว่าการฆ่านั้นจะเป็นไปเพื่อส่วนรวมก็ตาม โทษใหญ่ก็ยังเกิดแก่ตนเสมอ แม้ว่าต้นทุนทั้งหมดได้ชดใช้ไปแล้วในเบื้องล่าง แต่ว่าเศษกรรมนั้นก็ยังคงตามรังควานท่านอยู่ตลอดเวลา พูดได้เต็มปากเต็มคำว่าไม่มีวันใดที่ท่านจะไม่ป่วย
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-06-2012 เมื่อ 19:51
|