ดูแบบคำตอบเดียว
  #70  
เก่า 22-02-2010, 13:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,523
ได้ให้อนุโมทนา: 151,448
ได้รับอนุโมทนา 4,406,280 ครั้ง ใน 34,113 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าให้ฟังว่า "ทางศาสนาฮินดู เขามีความเชื่อว่า คนที่ไม่มีลูกหรือไม่แต่งงาน จะตกนรกขุมที่ชื่อว่า ปุตตะ แต่เราดูไปดูมามันน่าจะกลับข้างกัน คือ ถ้าคนมีลูกแล้วมันน่าจะตกนรกขุมนี้..! เมื่อเขาเชื่อว่าถ้าไม่มีลูกแล้วจะตกนรก เขาก็เลยกลัว ผลิตลูกกันใหญ่"

ถาม : แล้วคนที่ตายไป ที่มีความเชื่อว่าตกนรกขุมนี้ แล้วเขาจะไปอยู่ที่ไหน ?
ตอบ : ถ้าจิตหมองก็เรียบร้อย ไปตามกำลังตน

แต่ฮินดูดีอยู่อย่างหนึ่ง เรื่องฆ่าสัตว์ตัดชีวิตของเขาไม่มี เพราะฮินดูเป็นมังสวิรัติ อย่างน้อย ๆ ศีลของเขาก็ได้ข้อหนึ่งแล้ว

ถ้าดูในหลักการของศาสดาเจ้าลัทธิทั้ง ๖ ที่ดังมาก ๆ ในสมัยนั้นเลย ก็มีแต่ศาสดามหาวีระ (นิครนถ์นาฏบุตร) หลักการของเขาคล้ายศาสนาพุทธมาก มีศีลลักษณะคล้ายศีลห้ามาก แม้กระทั่งการจำพรรษาในฤดูฝน ก็เริ่มมาจากศาสนานี้ ท่านเป็นศาสดาร่วมสมัยพระพุทธเจ้าก็จริง แต่เป็นรุ่นพี่ อายุมากกว่า และมรณภาพก่อน

ถ้าไปดูในสังคีติสูตรหรือทสุตตรสูตร จะกล่าวถึงศาสดามหาวีระ พอตายแล้วลูกศิษย์ก็แตกแยกกัน เพราะไม่ได้ร้อยกรองสังคายนาวินัยไว้ พระสารีบุตร พระจุนทะไปกราบทูลพระพุทธเจ้าให้ทรงทราบ พระพุทธเจ้าก็บอกว่า เพราะไม่ได้ร้อยกรองสังคายนาพระวินัย ลูกศิษย์จึงได้เป็นอย่างนั้น

พระสารีบุตรจึงได้ดำริ ว่าควรจะร้อยกรองสังคายนาพระวินัย อย่างเช่นว่า กำหนดเป็นหมวด ๆ ไป สมมติถ้ามีหลักธรรมสามหัวข้อ ก็จัดเป็นหมวดสาม กุศลมูล ๓ อกุศลมูล ๓ วจีสุจริต ๓ วจีทุจริต ๓ ถ้าอย่างไหนมี ๔ หัวข้อ เช่น อิทธิบาท ๔ สัมมัปธาน ๔ สติปัฏฐาน ๔ ก็จัดอยู่ในหมวดสี่ เป็นแนวทางในการสังคายนาพระวินัยมาตั้งแต่แรกแล้ว เพียงแต่ว่าตอนนั้นยังไม่ได้ทำเป็นรูปธรรม เพราะพระพุทธเจ้าเห็นว่ายังไม่ใช่เวลา แต่ว่าพระสูตรทั้งสองพระสูตรนี้ก็ปรากฏขึ้นชัดแล้ว

เพราะฉะนั้น...พระมหากัสสปะท่านมาทำร้อยกรองสังคายนาพระวินัย ก็ทำตามนี้ และที่แน่ที่สุดก็คือว่า แบบอย่างที่เรียนนักธรรมทุกวันนี้ของพระ นักธรรมตรี นักธรรมโท นักธรรมเอก ก็มาจากทสุตตรสูตรที่พระสารีบุตรท่านร้อยกรองไว้ มาแยกเป็น ทุกะ หมวด ๒ ติกะ หมวด ๓ จตุกกะ หมวด ๔ ฯลฯ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-02-2010 เมื่อ 16:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 141 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา