ดูแบบคำตอบเดียว
  #54  
เก่า 15-06-2009, 00:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,238 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อทินนกปุพพกพราหมณ์พอได้ยินเข้าก็ได้สติ ยกมือไหว้บอกว่า "พ่อมาณพพูดจาเป็นภาษิตแท้ บ้านช่องอยู่ที่ไหนอยากรู้จัก" มัฏฐกุณฑลีเทพบุตรก็เลยแสดงให้เห็นเป็นวิมานทองคำของเทวดา แล้วบอกว่าตัวเขาก็คือมัฏฐกุณฑลีลูกชายของท่านเอง แต่ว่าตายแล้วขึ้นไปสวรรค์มีวิมานทองคำอยู่ อานิสงส์เกิดจากการที่ระลึกถึงพระสมณโคดมด้วยความเลื่อมใสก่อนตายเท่านั้นเอง

อทินนกปุพพกพราหมณ์ถามว่าได้ขนาดนั้นจริง ๆ หรือ? มัฏฐกุณฑลีเทพบุตรก็บอกว่า "ใช่..ขนาดนั้น แล้วถ้าหากพ่ออยากได้อานิสงส์ยิ่งกว่านี้นะ ให้เลิกขี้เหนียว ให้ทำบุญใส่บาตรกับพระในพุทธศาสนาบ้าง"

อทินนกปุพพกพราหมณ์ก็ถามว่า "จะทำได้อย่างไร?" มัฏฐกุณฑลีเทพบุตรก็บอกว่า "ให้ไปนิมนต์พระพุทธเจ้าพร้อมกับพระสงฆ์ที่เชตวันมหาวิหารมาเลี้ยงเพลที่บ้าน จัดอาหารถวายท่าน อานิสงส์ที่ได้จะมหาศาลจนประมาณมิได้"

อทินนกปุพพกพราหมณ์ก็เลยตกลง เพราะเห็นกับตาแล้วว่าลูกแค่นึกถึงยังได้บุญขนาดนี้ ตัวเองอยากได้บุญ ตอนนี้หายขี้เหนียวแล้ว ก็เลยไปนิมนต์พระพุทธเจ้า แต่ก็ยังสงสัยอยู่ ไปนิมนต์พระพุทธเจ้าแล้วก็ทูลถามว่า "ข้าแต่พระสมณโคดม
..บุคคลที่เพียงแค่ระลึกถึงนามพระองค์ท่าน ตายแล้วไปสู่สุคติมีหรือไม่"

พระพุทธเจ้าตรัสว่า "พราหมณะ..ดูก่อนพราหมณ์ บุคคลที่ระลึกถึงนามของตถาคตตายไปแล้วไปสู่สุคตินั้น ไม่ได้มีเป็นร้อยเป็นพัน แต่มีนับโกฏิ เธอก็ได้เห็นตัวอย่างจากมัฏฐกุณฑลีเทพบุตรลูกชายของเธอแล้วไม่ใช่หรือ?"

พระพุทธเจ้าท่านทราบ อทินนกปุพพกพราหมณ์ก็เลยเกิดเลื่อมใสนิมนต์พระพุทธเจ้าไปฉันเพล พระพุทธเจ้าก็เรียกมัฏฐกุณฑลีเทพบุตรมาพร้อมกับวิมานให้เป็นที่ประจักษ์ ตั้งแต่นั้นมาอทินนกปุพพกพราหมณ์คงต้องเปลี่ยนชื่อ เพราะชื่อ
อทินนกปุพพกพราหมณ์ แปลว่า ผู้ไม่เคยให้มาในปางก่อน ก่อนหน้านี้ไม่เคยให้ใคร เพิ่งจะมาให้ตอนนี้เท่านั้น

ดังนั้น..พูดถึงเรื่องต่างหู ท่านมัฏฐกุณฑลีเทพบุตร คือท่านผู้มีต่างหูเกลี้ยงใช่ไหม? ทีนี้พอขึ้นไปข้างบนตุ้มหูไม่ได้เป็นไม้แล้ว แต่เป็นทอง ถ้าพระพุทธเจ้าท่านไม่มาเทศน์โปรด มัฏฐกุณฑลีเทพบุตรจะมีอายุอยู่แค่ ๗ วันข้างบนเท่านั้น พอพระพุทธเจ้าเทศน์โปรดท่านก็กลายเป็นพระโสดาบัน ก็เลยอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ เพราะฉะนั้น..อย่านินทาแรง ท่านได้ยิน..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 23-06-2015 เมื่อ 13:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 111 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา