ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 15-10-2016, 16:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,369 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เราต้องทำใจให้อยู่ในลักษณะของการปล่อยวาง คือให้มีอุเบกขาในการปฏิบัติธรรม ด้วยการวางกำลังใจสบาย ๆ ว่า เรามีหน้าที่ภาวนา เรามีหน้าที่ตามดูตามรู้ลมหายใจเข้าออก ส่วนผลจะเกิดอย่างไรก็ช่าง ถ้าสามารถวางกำลังใจอย่างนี้ได้ ผลที่เราต้องการก็จะเกิดขึ้นได้เร็ว

แต่ถ้าไปใจร้อน ใจเร็ว ไปเร่งรัดการปฏิบัติ อาตมาขอยืนยันว่าทางลัดไม่มีสำหรับนักปฏิบัติ มีแต่ทางตรงที่ใกล้ที่สุด เป็นทางที่เราต้องพากเพียรพยายามบากบั่น ก้าวรุดหน้าไปเรื่อย ๆ ทีละก้าว ๆ เหมือนกับที่เราค่อย ๆ นั่งนับลมหายใจเข้าออกทีละคู่ ๆ เช่นกัน ลมหายใจเข้า ลมหายใจออกคู่หนึ่ง ก็คือเราเดินเข้าใกล้จุดหมายปลายทางของเราไปก้าวหนึ่ง ถ้าเราไม่ใจร้อน ไม่เร่งรัด รู้จักปล่อยวาง อานาปานสติของเราจะก้าวเข้าสู่องค์ฌานได้อย่างง่ายดาย

แต่หลังจากที่ทรงได้แล้ว การปฏิบัติครั้งต่อไปถ้าเรามีความอยากอีก ก็ไม่สามารถที่จะทรงได้อีก หลายท่านมาเสียตรงจุดนี้ เหมือนกับคนที่เคยกินของอร่อยแล้วไม่ได้กิน ก็จะรู้สึกหงุดหงิดกลุ้มใจว่า ทำไมครั้งก่อนยังทำได้ ทำไมครั้งนี้เราทำไม่ได้ ขอย้ำว่าการภาวนานั้น เรามีหน้าที่ตามดูตามรู้ลมหายใจเข้าออกพร้อมกับคำภาวนาเท่านั้น ส่วนผลจะเกิดหรือไม่เกิดอย่างไรก็ช่าง ถ้าวางกำลังใจอย่างนี้ได้ ผลของการปฏิบัติจึงจะบังเกิดขึ้นแก่เรา

ลำดับต่อไปขอให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาหรือพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันศุกร์ที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙

(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยทาริกา)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-10-2016 เมื่อ 17:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 44 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา