ดูแบบคำตอบเดียว
  #25  
เก่า 12-07-2009, 16:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,630 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สิ่งต่าง ๆ ที่รับเข้ามามันมีมาก บางทีก็เพลิดเพลินอยู่กับลักษณะอย่างนั้น เพราะว่ากระแสความดี กระแสความชั่วทุกอย่างที่เราหรือผู้อื่นทำไม่ได้ไปไหน มันยังคงดำรงตนเป็นพลังงานของมันอยู่ โดยเฉพาะในสิ่งที่คนมุ่งไปเป็นจำนวนมากเท่าไหร่ กระแสมันก็จะแรงขึ้น ถ้าหากว่าของเรามุ่งมั่นในด้านดีก็เป็นกระแสในด้านดีมันก็จะเสริมกัน ถ้ามุ่งในด้านไม่ดี ก็เป็นกระแสที่ไม่ดีมันก็จะไปอีกทางหนึ่ง เพราะฉะนั้นสิ่งทั้งหลายเหล่านี้มันมีในที่ที่เราเดินทางไปถึง บางทีสัมผัสได้

ถาม : ผมอ่านประวัติพระที่เป็นยอดพระ ที่ท่านชำนาญทั้งโลกีย์สมาธิ และโลกุตรสมาธิ ก็คือ ผมอยากทราบว่าสมาธิที่เป็นฌานหรือเป็นอะไรก็ตาม เนื่องด้วยโลกีย์หรือโลกุตรเองก็ตาม มันก็คือใจเราไปสัมผัสกับอารมณ์และมีความยึดมั่นถือมั่นในอารมณ์นั้น
ตอบ : มันจัดเป็นการปรุงแต่งอย่างหนึ่ง แต่มันเป็นการปรุงแต่งที่ช่วยให้กิเลสเบาบางลงได้ในบางส่วน ท้ายสุดคือต้องปล่อยวาง

ถาม : แล้วสมมติว่าเราเกี่ยวข้องกับตรงนี้ ข้างนอกมันก็เป็นสิ่งภายนอก แต่ภายในมันก็ไม่ใช่โล่งโปร่งที่จะแก้ทุกอย่างได้ มันก็ตั้งเป็นสมาธิภายในแล้วก็เข้าไปในอีกมิติหนึ่งเลย ตัวนี้เป็นตัวหลอกหรือเปล่าครับ
ตอบ : ไม่ใช่ บางอย่างถ้าหากว่าเบื่อที่จะรับมัน มันก็ไปในด้านที่เราสุดขีดมากกว่า มันก็หมดเรื่องหมดราวกับมัน

ถาม : ยังไงครับ
ตอบ : อย่างเช่นว่า อารมณ์บางอย่างที่เราสัมผัสมา มันเป็นเรื่องที่เราต้องลดกำลังใจ คลายกำลังใจออกไปเพื่อรับรู้ บางทีมันก็สร้างความหนักความเหนื่อยให้แก่เราได้พอสมควร เราเองก็หลบไปอยู่ภายในของเราสบายกว่าเยอะ

ถาม : มันเหมือนกับว่าในจิตในใจมันมีทางเป็นของมันอยู่แล้ว แล้วทางเป็นของมัน มันมีแต่ความโล่งความโปร่ง เบา ๆ แต่เวลาพอติดต่อกับภายนอกมันซึมเข้ามาอยู่ในร่างกาย แล้วเราใช้ร่างกายไปเสพกามคุณ ๕ อย่างนี้ เสพตัณหาอะไรอย่างนี้มันไม่ดี แต่ธรรมชาติของจิต...
ตอบ : ที่พระพุทธเจ้าตรัสว่าสภาพจิตประภัสสรมาตั้งแต่กำเนิด ที่มืดมัวไปเพราะโดนย้อมด้วยกิเลสรัก โลภ โกรธ หลง เราไปคลุกคลีกับมันแทนที่จะถอนตัวออกมาเรียกว่าแต่เนิ่น ๆ แต่กลับกลายหนักขึ้นเรื่อย ๆ สภาพจิตที่เคยผ่องใสมันก็มืดมัวไป โอกาสที่เห็นธรรมมันก็น้อยลง ๆ ทำอย่างไรเราจะค่อย ๆ ปัด ค่อย ๆ ขัด ค่อย ๆ ถู ทำความสะอาดมัน ถอนมันออกมาจากหล่มกิเลสทั้งเหล่านั้น นี่คือหน้าที่ที่เราต้องทำ

ถาม : เวลาพอมันแยก มันจะมีจุดที่แยกออกมาจากกันแบบคนละเรื่องเลย มันสอนตัวเราเองเรื่อย ๆ ตลอดเวลา
ตอบ : อย่างน้อย ๆ ก็มีสติ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-01-2019 เมื่อ 04:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 120 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา