ดูแบบคำตอบเดียว
  #56  
เก่า 26-03-2013, 10:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,677 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ส่วนใหญ่แล้วพวกเราจะเป็นอย่างนั้น ก็คือสภาพของสังคม กระแสบริโภคนิยมทำให้คนใจร้อนใจเร็ว ไม่สามารถจะค่อย ๆ สั่งสมอะไรได้ ถึงเวลาปฏิบัติธรรมก็อยากจะบรรลุตอนนั้นเลย การไปหาพระหาเจ้าในความหมายของพวกเขา โดยเฉพาะพวกที่มาจากมาเลเซีย สิงคโปร์ อาตมาเบื่อที่สุด มาลักษณะจะให้เราเสกเพี้ยงเดียวให้เขาเป็นพระอริยเจ้าไปเลย ถ้าทำอย่างนั้นได้ พระพุทธเจ้าพาเราไปหมดแล้ว ท่านเสกทีเดียวก็ไปหมดแล้ว คงไม่เหลือพืชเหลือพันธุ์มาถึงเราหรอก ไปพระนิพพานกันเกลี้ยงแล้ว..!

แต่เขาเข้าใจอย่างนั้นจริง ๆ ก็เลยกลายเป็นคนรุ่นใหม่ไม่มีความอดทน แล้วถ้าความอดทนไม่พอ การที่จะเข้าถึงธรรมจะน้อย เราต้องดูว่าโอวาทปาฏิโมกข์ ก็คือคำสั่งสอนที่ประกาศอุดมการณ์ หลักการ และวิธีการของพระพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าท่านขึ้นมาประโยคแรกก็ ขันตี ปรมัง ตะโป ตีติกขา

ขันตี คือ ความอดทน ความอดกลั้น เป็นตบะอย่างยิ่งของนักปราชญ์ ก็คือใช้ความอดทนอดกลั้นในการเผาผลาญกิเลส ถามว่าต้องทำถึงขนาดไหน ต้องถึงขนาดเผาเหล็กละลาย ไม่อย่างนั้นเผากิเลสไม่ตายหรอก

คราวนี้พอเผาไปชั่วนาตาปี ความร้อนที่เผากิเลส ก็ทำให้กิเลสดิ้นรน จะตายแล้วนี่ แต่คราวนี้พอกิเลสโวยวายว่าจะตาย กิเลสรัก โลภ โกรธ หลง อาศัยตัวเราอยู่ เราก็ไปหลงประเด็นว่าเราเองจะตาย เราก็เลยเลิกปฏิบัติ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวเราจะตาย แต่ความจริงเราโดนกิเลสหลอก ดังนั้น..ต่อไปอย่าไปเชื่อกิเลสนะ ถ้ากิเลสบอกว่าจะตาย เออ..! ให้ตายไปเลย แล้วก็ลุยต่อไป หลวงปู่หลวงพ่อสายวัดป่าท่านถึงได้บอกอยู่เสมอว่า ธรรมะอยู่ฟากตาย ถ้าข้ามความตายไม่ได้เข้าไม่ถึงธรรมหรอก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-03-2013 เมื่อ 16:15
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 193 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา