"เมื่อพระพุทธเจ้าทรงใช้วิธีการปรับอย่างนี้ พวกเราแทนที่ยึดหลักธรรมในการปฏิบัติ เพื่อให้ตนเองได้เป็นเทวดา ได้เป็นพระพรหม ได้เป็นพระวิสุทธิเทพ เรากลับไปใช้วิธีการของศาสนาฮินดู ก็คือบนบานศาลกล่าวร้องขอ เพราะศาสนาฮินดูเชื่อว่า ถ้าทำอย่างนั้นจะทำให้เทวดาโปรดปราน แล้วก็จะประทานพรให้ ก็เลยทำให้พระธรรมบริสุทธิ์ที่พระพุทธเจ้าท่านมอบให้แก่พวกเรา กลายเป็นสัทธรรมปฏิรูป ก็คือโดนปลอมปนกับหลักการปฏิบัติของศาสนาอื่น ด้วยการกระทำที่เราก็ไม่รู้ว่า เราทำให้ศาสนาพุทธเสื่อมลงไปเอง
ไปนึกถึงที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสเอาไว้ว่า บุคคลต้องการแก่นไม้ แต่ไม่รู้จักแก่นไม้ เมื่อไปถึงก็ตัดเอากิ่งและใบไป คิดว่านั่นเป็นแก่นไม้ แต่ไม่รู้จักแก่นไม้ ไปถึงก็ถากเอาเปลือกไปแล้วถือว่านั่นเป็นแก่นไม้ บุคคลอีกผู้หนึ่งต้องการแก่นไม้ ไม่รู้จักแก่นไม้ ก็ถากเอากระพี้ไปคิดว่าเป็นแก่นไม้ จนกระทั่งท้ายสุด บุคคลผู้รู้จักแก่นไม้ ถึงเวลาก็ถากเอาไปแต่แก่นไม้ สรุปก็คือว่าจะติดอยู่ในระดับของศีล สมาธิ ต่าง ๆ ลงไป ตราบใดที่ยังเข้าไม่ถึงวิมุติญาณทัศนะ พระพุทธเจ้ายังไม่ถือว่าเข้าถึงแก่นของพุทธศาสนา ก็แปลว่าบุคคลที่เข้าถึงแก่นของพุทธศาสนา ต่ำสุดต้องเป็นพระโสดาบันขึ้นไป
เพราะวิมุติญานทัศนะเป็นเครื่องรู้เห็นเพื่อความหลุดพ้น ถ้ายังไม่ใช่พระโสดาบันขึ้นไป ถือว่ายังคลุกอยู่กับโลกเต็มที่ โอกาสหลุดพ้นมีน้อยมาก ดังนั้นหาแก่นไม้กันไว้ ถ้าผิดก็เอามาตีหัวกันเอง ถ้าหาถูกจะได้เอาไปใช้งาน"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-03-2013 เมื่อ 17:27
|