ไปนึกถึงที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า ในสังสารวัฏอันยาวไกลที่หาต้นหาปลายไม่เจอ เมื่อตถาคตปรารถนาพระโพธิญาณไว้ ขึ้นชื่อคำว่าท้อถอยแม้แต่น้อยหนึ่งไม่เคยเกิดขึ้นในใจ ได้ยินแล้วอยากจะยกท่านขึ้นเหนือหัวไว้ตรงนั้นเลย ของเราเองห่างจากท่านจนประมาณไม่ได้ ยังบ้าได้ขนาดนี้
แล้วกำลังใจที่มุ่งเพื่อคนส่วนใหญ่ พระองค์ท่านตรัสว่าต่อให้เห็นจักรวาลที่ไฟลุกท่วมปราศจากช่องว่าง ยังกล้าเดินลุยไปเพื่อช่วยคนอื่นที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งได้ ถ้าอย่างนั้นจึงควรปรารถนาโพธิญาณ ของอาตมาไม่ได้เศษเสี้ยวของพระองค์ท่านคนเขายังว่าบ้าเลย ของพระองค์ท่านต้องสุดยอดอยู่แล้ว พอได้ยินตรงนี้อยากจะยกพระองค์ท่านไว้เหนือเศียรเหนือเกล้าเดี๋ยวนั้นเลย กำลังใจของพระองค์ท่านไม่มีอะไรเปรียบได้จริง ๆ พระองค์จึงเป็นพระพุทธเจ้าได้ ประสบความสำเร็จในสิ่งที่ปรารถนาได้
ดังนั้น..กำลังใจของพวกเราในปัจจุบันนี้ มีอุปสรรคอะไรเกิดขึ้นก็ตาม ให้คิดว่าอย่างน้อย ๆ เราเกิดมาทั้งทีได้พบพระพุทธศาสนา กำลังใจเราไม่ได้อย่างองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ขอสักส่วนหนึ่งก็ยังดี ๑ เปอร์เซ็นต์ของมหาเศรษฐี คนจนอาจจะใช้ไปทั้งชาติ ดังนั้น..เอาแค่ ๑ เปอร์เซ็นต์นี่แหละ เอาให้รู้ไปเลยว่าจะมีงานอะไรที่เราจะทำไม่ได้
งานทางธรรมยากเสียยิ่งกว่ายาก เรายังตั้งหน้าตั้งตาทำ งานทางโลกจะไปยากอะไร ดังนั้น..กลับไปเข็นข้างฝาไม่ได้ก็เดินให้ทะลุไปเลย ถ้ามั่นใจว่าเราทำดีแล้ว ทำถูกต้องแล้ว พิจารณารอบคอบแล้ว ลุยทำให้เต็มที่ ถึงไม่สำเร็จก็ยังตอบตัวเองได้ว่าเราทุ่มเทสุดชีวิตแล้ว แต่ถ้าสำเร็จจะเป็นความภาคภูมิใจ เป็นความปีติของตัวเอง แล้วจะส่งให้เรามีกำลังใจกระทำในสิ่งที่ยากกว่านั้นขึ้นไปอีก
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-08-2014 เมื่อ 10:08
|