ดูแบบคำตอบเดียว
  #46  
เก่า 10-04-2011, 11:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,779 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อาตมาเองตอนแรกโดนยัดเยียดหน้าที่ให้ดูแลพ่อที่ป่วย ตั้งแต่ยังเรียนอยู่ชั้น ป.๕ พ่อมาตายตอนอาตมาเรียน มศ. ๓ เทอมปลาย แปลว่า อาตมาดูแลท่านอยู่ ๖ - ๗ ปี รู้สึกเหมือนกับตกนรกทั้งเป็น เพราะเด็กวัยรุ่นกำลังกินกำลังนอน แล้วต้องมาอดนอนทั้งคืน เพื่อต้องดูแลพ่อที่ป่วย

เนื่องจากท่านมีอาการกล้ามเนื้อแข็งเกร็ง ประมาณ ๓ - ๕ นาทีก็ต้องนวดขยำให้คลาย ไม่อย่างนั้นท่านจะปวดทรมานมาก ท่านก็จะต้องคอยเรียกอยู่ตลอดเวลา ตอนนั้นรู้สึกเหมือนตกนรกทั้งเป็น แต่หลังจากที่สิ้นพ่อไปแล้ว ความคิดค่อย ๆ เปลี่ยนไปว่า เราโชคดีที่ได้ทำหน้าที่ตรงนั้น

หลังจากนั้นก็ได้ดูแลแม่อีกสามปี ตอนที่ดูแลพ่อเพราะว่าเราเป็นลูกผู้ชายคนโตที่สุด ที่ยังเรียนอยู่ ไม่มีงานทำ พี่ ๆ เขาทำงานกันหมดแล้ว แต่ตอนที่ดูแลแม่ เพราะว่าพี่ ๆ ทุกคนมีครอบครัวหมดแล้ว เขาก็บอกว่า "เอ็งยังไม่มีครอบครัว ให้ดูแลแม่ไป"

อาตมาดูแลพ่อ ๖ ปี ดูแลแม่ ๓ ปี ดูแลหลวงปู่มหาอำพันอีก ๔ ปี สรุปแล้วชีวิตอาตมาอยู่โรงพยาบาลมา ๑๐ กว่าปี ถึงเวลาหมอมา อาตมาสามารถรายงานทุกอย่างได้ชนิดที่เหมือนพยาบาลมืออาชีพ มีหมอคนหนึ่งถามว่า "เคยเรียนพยาบาลมาหรือ ?" อาตมาก็บอกว่า "ไม่ใช่ครับ ดูอยู่ทุกวันจนจำได้หมดแล้ว" พูดง่าย ๆ ว่า ถ้าหมอยอมให้ฉีดยา อาตมาทำได้แน่นอน เพราะเห็นอยู่ทุกวัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-04-2011 เมื่อ 15:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 176 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา