ดูแบบคำตอบเดียว
  #159  
เก่า 26-12-2012, 12:56
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,871 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

ลวดลายพุทธภูมิหลวงปู่มั่น

ในช่วงที่อยู่ศึกษากับหลวงปู่มั่น ท่านมีโอกาสได้สอบถามเกี่ยวกับสีผ้าของพระในครั้งพุทธกาล ตลอดถึงความรู้อัศจรรย์ของหลวงปู่มั่น ดังนี้

“...เรื่องหลวงปู่มั่นที่เราเรียนถามท่าน เวลาท่านพิจารณา นั่นเห็นไหม ท่านพิจารณาตลอดสีผ้า เราอยากทราบก็ซอกแซก ท่านบอกว่า
สีผ้ามีอยู่ ๓ ขั้น สีแก่นขนุนอ่อน สีแก่นขนุนปานกลาง สีแก่นขนุนแก่


ทีนี้ก็มีช่องที่จะถาม ‘แล้วสีเหลืองอย่างธรรมดาที่พระใช้อยู่ในปัจจุบันนี้มีไหม

ท่านบอก ‘ไม่มี ไอ้สีเจ้าชู้ สีขุนนาง มันจะมีในพระพุทธเจ้าได้ 'ยังไง’

ใส่เด็ดมากเลยนะ พิจารณา ๆ แล้วมีอยู่ ๓ แก่นขนุนสีอ่อน สีกลาง สีแก่ ท่านว่าอย่างนั้น ท่านใช้นี้รู้สึกจะเป็นกลาง ๆ นะ สีที่ท่านครองเป็นสีกลาง สีอ่อนก็มีบ้างเป็นบางระยะ ผ้าที่ย้อมใหม่ก็เป็นสีแก่นขนุนอ่อนอยู่บ้าง จากนั้นที่ท่านใช้เป็นประจำก็สีกลางหรือแก่ มีอยู่สาม ท่านบอกเวลาที่ท่านพิจารณาดูถึงเรื่องอดีต โห...น่าอัศจรรย์นะ เห็นไหมล่ะ ความรู้ของท่าน เพราะแต่ก่อนท่านปรารถนาพุทธภูมิ ท่านพูดเองจึงชัดเจนซิ

เพราะฉะนั้น ลวดลายของพุทธภูมิหรือของศาสดาจึงมี ถึงไม่มีเต็มที่ก็มีปรารถนาพุทธภูมิ เวลาภาวนาไปเท่าไรจิตมันก็ยิ่งเข้มข้นเข้า จะเข้าด้ายเข้าเข็มทีไร.. เรื่องโพธิสัตว์ โพธิญาณจะแย็บเข้ามาเลยทุกครั้ง ท่าน ‘ว่างั้น’ นะ ทุกครั้งพอจะเข้าด้ายเข้าเข็ม คือเวลาจะพุ่งสายโพธิญาณโพธิสัตว์ผ่านเข้ามาเลยถอย เพราะผ่านเข้ามาก็เป็นสมบัติของตัวเอง ท่านว่าสายโพธิสัตว์ก็คือเรื่องของท่านเอง ผ่านเข้ามา ท่านก็ถอย ท่าน ‘ว่างั้น’

ทีนี้ความอยากพ้นจากทุกข์ก็หนักเข้าเป็นลำดับ เลยมาประมวล ท่านว่า ‘งี้นะ’ เรื่องเป็นพระพุทธเจ้าก็เลิศเลอ ปรารถนามา ก็ปรารถนาเพื่อเป็นพระพุทธเจ้า ทรงสั่งสอนสัตว์โลกได้มากเต็มภูมิของศาสดาแต่ละพระองค์ ๆ เวลาท่านจะออกนะ แต่ความบริสุทธิ์หลุดพ้นจากทุกข์นั้นเสมอกัน ท่านว่า ‘งี้นะ’

‘เออ...เอาละ ทีนี้ถอยนะ แนะนำสั่งสอนใครไม่ได้ ก็สั่งสอนเจ้าของให้หลุดพ้นจากทุกข์นี้ก็พอแล้ว’


ท่านว่า ‘งั้น’ เลยตั้งเป็นคำสัตย์ขอหยุด ขอพัก ของดเลย เรื่องสายโพธิสัตว์โพธิญาณ จะมุ่งเฉพาะสาวกภูมิ เพื่อความหลุดพ้นจากทุกข์โดยถ่ายเดียวเท่านั้น แล้วก็ปลงใจลง ปลงใจลงในสาวกภูมิ จากนั้นมาจิตมันก็พุ่ง ๆ เลยเชียว ท่านบอกว่า แต่ก่อนพอจะเข้าด้ายเข้าเข็มทีไร สายพุทธภูมิก็ผ่านเข้ามา ผ่านเข้ามาอยู่อย่างนั้น

ท่านประมวลทุกอย่างแล้วมาลงในสายสาวกภูมิ คือความหลุดพ้นจากทุกข์ เป็นจิตที่บริสุทธิ์เสมอกันหมด ไม่ว่าพระพุทธเจ้า สาวก ท่านเลยเอาจุดนี้ เออ...เอาอันนี้แหละ จากนั้นมาจิตมันก็พุ่งเลย ท่านว่า อันนี้หมายความว่า ท่านยังไม่ได้รับพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าพระองค์ใดองค์หนึ่งนะ ... เลยผ่านออกได้ ...

ถ้าลงพระพุทธเจ้าได้ทรงทำนายแล้วว่า ต่อจากนี้ไปเท่านั้น ๆ ท่านจะได้เป็นพระพุทธเจ้าพระนามว่าอย่างนั้น สาวกข้างขวาว่านั้น สาวกข้างซ้ายว่าอย่างนี้แล้วเท่านั้น จะแก้ ‘ยังไง’ ก็ไม่ตก ถ้าลงพระพุทธเจ้าทรงทำนาย ... ถ้าเข้าเขตพยากรณ์แล้ว ‘ยังไง’ ก็มีแต่ไปข้างหน้า แก้ไม่ตก นี่เรียกว่าญาณของพระพุทธเจ้า ถ้าลงได้เล็งดูจุดไหนแล้วเป็นอื่นไปไม่ได้ ต้องเป็นอย่างนั้น นี่... เช่นอย่างได้รับพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าพระองค์ใดแล้ว ‘ยังไง’ ก็ต้องไปเป็นแบบนั้น...”

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-12-2012 เมื่อ 16:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา