ดูแบบคำตอบเดียว
  #370  
เก่า 10-02-2017, 12:01
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,545 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

ป่วยหนัก ... รักษาด้วยธรรมโอสถ

คราวหนึ่งในระยะไล่เลี่ยกัน ท่านไปพักวิเวกทางบ้านกาหม-โพนทอง ซึ่งอยู่ระหว่างอำเภอบ้านผือ (จังหวัดอุดรธานี) กับอำเภอท่าบ่อ (จังหวัดหนองคาย) ต่อเขตต่อแดนกัน มีแม่น้ำทอนเป็นเขตแดน ชาวบ้านเล่าว่า ในครั้งนั้นท่านวิเวกมาพักวัดร้าง* ห่างป่าช้าประมาณ ๒๐๐ - ๓๐๐ เมตร สมัยนั้นเป็นป่าดงดิบบริบูรณ์มาก มีสัตว์ป่าชุกชุมจนเป็นที่หลบหลีกของเหล่านักเลง ที่ขโมยปล้นจี้หนีอาญาแผ่นดิน เลยป่าช้าไปเล็กน้อยเป็นบ้านหนองกระด้ง หนองกระติ้ว ซึ่งท่านก็เคยแวะพักเช่นกัน

เมื่อท่านมาพักภาวนาอยู่ในป่าแห่งนี้ ชาวบ้านหมู่บ้านกาหม-โพนทองจำนวนมากต่างพากันล้มป่วย ด้วยโรคเจ็บขัดในหัวอกดาดาษกันไปหมดเหมือนโรคอหิวาต์หรือฝีดาษ ถึงขนาดที่วันหนึ่ง ๆ เป็นกันตายกันวันละ ๓ - ๔ คนบ้าง ๕ คนบ้าง บางวันก็มีถึง ๗ - ๘ คนบ้าง เขาก็ไปนิมนต์ท่านมาสวดกุสลาฯ มาติกาบังสุกุลให้คนตายเพราะแถวนั้นไม่มีพระ วันทั้งวันมีแต่กุสลาฯ มาติกาฯ อุทิศส่วนบุญให้คนตายไม่หยุดหย่อน เดี๋ยวมีคนนั้นตายแบกเข้ามาแล้ว สักพักเดี๋ยวแบกเข้ามาใหม่อีกแล้ว ท่านจึงไม่ได้หนีห่างจากป่าช้าเลย จนสุดท้ายโรคร้ายที่คร่าชีวิตคนมากมายนี้ก็มาเป็นขึ้นกับตัวท่านเอง

อาการของโรคเจ็บเหมือนกับเหล็กแหลนหลาวทิ่มแทงประสานกันเข้าไปในหัวอกในหัวใจ จะหายใจแรงก็ไม่ได้ ยิ่งถ้าหากว่าจามด้วยแล้วแทบจะสลบไปในตอนนั้นเลยทีเดียว เมื่ออาการเกิดขึ้นเช่นนี้ ทำให้ท่านทราบได้ทันทีว่า ถ้าขืนเป็นเช่นนี้แล้วไม่นานคงต้องตายอย่างแน่แท้ เพราะแม้แต่การหายใจก็จะไม่ได้ มันคับเข้าแน่นเข้าเรื่อย ๆ หายใจแรงแทบไม่ได้เลย เมื่ออาการเช่นนี้ปรากฏขึ้น ท่านจึงบอกชาวบ้านว่าเป็นโรคแบบเดียวกันนี้แล้ว ต้องขอหลบตัว

ท่านเล่าว่า ระยะนั้นจิตของท่านละเอียดมากทีเดียว เรื่องร่างกายเป็นอันว่าปล่อยวางกันไปหมดแล้ว.. ไม่มีอะไรเหลือ เหลือแต่นามธรรม ความคิดความปรุงที่ฟัดเหวี่ยงกันอยู่ตรงนั้น จิตก็รู้สึกละเอียดมาก ผ่องใสมาก กล้าหาญมาก

-------------------------------------------------------------------------------------

* ปัจจุบันเป็นทุ่งนา มีเพียงต้นโพธิ์เป็นสัญลักษณ์หรือร่องรอยไว้ ป่าช้าเดิมได้ขยับขยาย ปัจจุบันโล่งเตียนเป็นพื้นโดยการฝันน้ำจากฝายน้ำทอนที่ไหลสู่แม่น้ำโฮงและแม่น้ำโขงตามลำดับ บ้านกาหม (เดิมเรียกบ้านกาโฮม หรือกาหม-โพนทอง เพราะมีฝูงกามานอนเป็นจำนวนมากที่ดงแห่งนี้) อยู่ใกล้บ้านโพนทอง ห่างกันประมาณ ๘ กิโลเมตร เดิมทั้งสองหมู่บ้านอยู่ติดกัน แต่เกิดน้ำท่วมจึงย้ายหมู่บ้านห่างกันออกไป

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-02-2017 เมื่อ 13:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 22 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา