ดูแบบคำตอบเดียว
  #57  
เก่า 20-02-2013, 19:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,507
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,909 ครั้ง ใน 34,096 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"สำหรับพวกเราก็เอาเรื่องสมาธิเป็นใหญ่ เพราะศีลเรารักษาเป็นปกติอยู่แล้ว เน้นสมาธิของเรา ทำให้ยาวนานขึ้น ทำให้มากขึ้น เคยทำเช้าครึ่งชั่วโมง เย็นครึ่งชั่วโมง ตอนนี้ก็รู้ว่าไม่พอกินแล้ว คนจะไปพระนิพพานต้องทำมากกว่านั้น ก็ขยายระยะเวลา อาจเป็นเช้าครึ่งชั่วโมง กลางวันครึ่งชั่วโมง เย็นครึ่งชั่วโมง

ถ้ารู้สึกว่าไม่พอขยายเวลาเป็น ๔๐ นาที ๔๕ นาที ๕๐ นาที ๑ ชั่วโมงก็ได้ จะกระทั่งท้ายสุดพอสภาพจิตชิน ก็สามารถที่จะขังธรรมะอยู่ในใจได้ตลอด ๒๔ ชั่วโมง พอมีธรรมะมานั่งอยู่ในใจ กิเลสก็เข้ามาไม่ได้แล้ว เพราะใจมีดวงเดียว เมื่อใจมีความดี ความชั่วก็เข้าไม่ได้ คราวนี้ก็เหลืออยู่อย่างเดียวคือพิจารณาให้เห็นว่า ดีจริง ๆ ก็ยังไม่หลุดพ้น ความดีก็ยังทำให้เราติดอยู่แค่เทวดาแค่พรหมเท่านั้น คราวนี้ก็ต้องถอนดีออก ถ้าปัญญาถึง ถอนดีเป็นเรื่องเล็กเลย วางกองอยู่ตรงนั้นแหละ อย่าไปยุ่ง
กับดี อย่าไปยึดดี รู้ว่าดีก็ทำ รู้ว่าชั่วก็ละ ไม่เกาะทั้งดีทั้งชั่ว ก็ไปได้แล้ว ฟังดูง่ายดีนะ

สภาพจิตถ้าปล่อยวาง ความหนักก็ไม่มี ถ้าไม่หนักใจเสียอย่างเดียว ความหนักทางกายย่อมไม่มี ดังนั้น..อาตมาจึงได้บอกหลายครั้งว่า ถ้าปฏิบัติแล้วยังหนักอยู่ ยังไม่ถูกทางจริง ให้พยายามทำไปเรื่อย ๆ ถ้าเบาเมื่อไรก็เริ่มได้ทางแล้ว ถ้าเข้าถึงจริง ๆ คราวนี้วางหมด ไม่มีอะไรให้แบก..สบาย..ทุกอย่างก็สักแต่ว่าทำไปตามหน้าที่ ทำไปตามเวลา อันไหนที่สมมติทางโลกเขาว่าดี เราก็ทำของเราไปเรื่อย อยู่กับสมมติทางโลก ก็เคารพตามสมมติไป ทำถึงที่สุดก็จบกันแค่นี้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-02-2013 เมื่อ 01:52
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 211 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา