ดูแบบคำตอบเดียว
  #55  
เก่า 20-02-2013, 19:47
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,775 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"สติต้องแหลมคม ว่องไว หยุด รัก โลภ โกรธ หลง ให้ทัน ปัญญาต้องเห็นโทษว่า ถ้าไปปรุงแต่งแล้ว รัก โลภ โกรธ หลง จะเกิดขึ้นเผาผลาญเราอย่างไร ในเมื่อสติกับปัญญารู้เท่าทัน ไม่ไปปรุงไม่ไปแต่ง สิ่งต่าง ๆ ที่มากระทบก็สักแต่ว่ามาเท่านั้น เป็นธรรมชาติของมันอย่างนั้น ในเมื่อเห็นธรรมชาติของมันอย่างนั้น เราไม่ไปยินดียินร้ายด้วย สภาพจิตก็เบาสบาย ไม่ต้องไปเกลือกกลั้วกับกิเลสต่าง ๆ

เรื่องพวกนี้จริง ๆ ยากที่จะอธิบายเป็นคำพูดได้ คำพูดของเราหยาบเกินกว่าสภาวธรรม สภาวธรรมต้องบอกว่าเดินไปจนสุดคำพูด ไม่สามารถที่จะอธิบายสิ่งทั้งหลายเหล่านั้นได้ ถึงใช้คำว่า "ปัจจัตตัง" คือเป็นสิ่งที่รู้เฉพาะตน สิ่งที่พูดมาเป็นเพียงสิ่งหยาบ ๆ ส่วนเดียวเท่านั้น

หลวงปู่บุดดาบอกว่า "เมื่อจิตเลิกปรุงแต่ง ทุกอย่างก็หยุดหมด ดับหมด นิโรธก็อยู่ตรงนั้น" ท่านพูดง่าย แต่เราต้องทำกันแทบเป็นแทบตาย ที่เราทำกันแทบตาย อยากจะบอกว่าทำเกินไปเยอะ ตราบใดที่เราทำเพราะอยากดี ก็ถือว่าธรรมฉันทะ คือตัวอยากดีนี้ เป็นเครื่องมือในการนำทางเรา โบราณาจารย์เปรียบเหมือนเวลาเราจะข้ามน้ำ ก็ต้องมีเรือมีแพนำเราข้ามไป แต่พอถึงฝั่งแล้ว ไม่มีใครแบกเรือแบกแพไปด้วย

ตรงจุดนี้แหละที่หลายคนที่ยังทำไม่ถึง มองไม่เห็น เกิดความงงว่าแล้วตกลงจะให้ทำดีหรือเปล่า ? เพราะดีก็ติด ชั่วก็ติด ก็ต้องบอกว่าสิ่งใดก็ตามที่สมมติทางโลกเขาว่าดี ให้เราทำให้มากไว้ สิ่งใดก็ตามที่สมมติทางโลกเขาว่าชั่ว เราก็ละเสียให้หมด ถ้าสภาพจิตไม่เกาะทั้งดีทั้งชั่วก็จะหลุดไปเอง เพื่อความปลอดภัยต้องเกาะดีไว้ก่อน ขึ้นที่สูงต้องหาที่เกาะให้มั่นคง พอไปถึงที่สุดเราก็ไม่ต้องเกาะอะไรอีกแล้ว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-02-2013 เมื่อ 19:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 218 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา