"เนื่องจากว่าบรรดาเชื้อพระวงศ์ ลูกหลานเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน ไปรวมอยู่ที่วัดเหนือ ก็เลยตั้งชื่อว่าวัดเทวสังฆาราม คือวัดรวมเทวดา
วัดใต้ก็เป็นวัดไชยชุมพลชนะสงคราม เพราะว่าทหารทั้งหมดไปรวมกันตรงนั้น ส่วนวัดท่ามะขามก็เลยกลายเป็นวัดราษฎร์ประชุมชนาราม เพราะชาวบ้านไปรวมกันที่นั่น
แต่วัดท่ามะขามไม่ได้ขอยกเป็นพระอารามหลวง คาดว่าถ้าหากมัวแต่ปล่อยอยู่ เดี๋ยววัดท่าขนุนจะขอก่อน เพราะวัดท่าขนุนเกี่ยวข้องกับรัชกาลที่ ๗ พระองค์ท่านพระราชทานธรรมาสน์กับพระพุทธรูป ๒ องค์ถวายแก่หลวงปู่พุก อดีตเจ้าอาวาสวัดท่าขนุนรูปแรก
กลายเป็นว่าพิธีการเสกน้ำศักดิ์สิทธิ์กำหนดไว้เลยว่าต้องเป็นพระอารามหลวงเท่านั้น และมีต่อท้ายคำสั่งว่า น้ำศักดิ์สิทธิ์ที่เหลือ ห้ามนำแจกจ่ายให้ผู้อื่นโดยเด็ดขาด เพราะเป็นการทำเพื่อทูลเกล้าฯ ถวายโดยเฉพาะ พูดง่าย ๆ ก็คือใครเอาไปใช้ก็เท่ากับตีเสมอ สมัยก่อนก็เท่ากับกบฏ
พอเริ่มพิธีอาตมาตั้งใจอาราธนาบารมีพระ เห็นสมเด็จองค์ปฐมเสด็จมาแวบเดียวแล้วก็ไป หลังจากนั้นสมเด็จองค์ปัจจุบันก็มา กราบทูลขอบารมีพระองค์ท่านช่วยสงเคราะห์ในหลวง ขอให้มีพระวรกายแข็งแรง และอยู่ได้อีกหลายปี ปรากฏว่าการตั้งพิธีนั้นทางจังหวัดเอาพระพุทธนวราชบพิตรประจำจังหวัดกาญจนบุรีมาเป็นประธาน สมเด็จองค์ปัจจุบันท่านจึงยกพระพุทธนวราชบพิตรจุ่มใส่ขันน้ำศักดิ์สิทธิ์ไปทั้งองค์ นี่อาตมาเห็น...คนอื่นไม่เห็น"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-12-2011 เมื่อ 14:45
|