ถ้าเราฝึกการเข้าออกฌาน จนกระทั่งสามารถเข้าออกได้ตามลำดับที่ตนเองต้องการ เมื่อมีความคล่องตัวแล้ว เราก็รักษากำลังใจไว้ที่ระดับอุปจารสมาธิขั้นปลาย หรือที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง เรียกว่าอุปจารฌาน หรือว่าทรงเอาไว้ที่ปฐมฌานเลย ถ้าทำเช่นนั้นได้ ท่านจะประกอบไปด้วยสติที่แจ่มชัดมาก
ถ้าวิสัยเดิมมีการกระทำในทิพจักขุญาณมา บางทีรถจะเกิดอะไรขึ้น ก็รู้ตัวล่วงหน้าได้ด้วย หรือแม้กระทั่งจะหลบจะแซง ต่อให้เป็นทางโค้ง มองอะไรข้างหน้าไม่เห็น สภาพจิตก็รายงานได้อย่างชัดเจนว่ามีรถสวนมาหรือไม่ ? แต่ว่าเรื่องนี้ไม่ควรที่จะไปเสี่ยง เพราะว่าถ้าหากว่าพลาด จิตเฝือขึ้นมา เราอาจจะเดือดร้อน บาดเจ็บล้มตาย หรือทรัพย์สินเสียหายมากกว่าที่คิด
ดังนั้น...การเดินทางไม่ว่าจะกลับภูมิลำเนาหรือว่าไปเที่ยวเตร่ก็ตาม ส่วนที่ต้องระมัดระวังอย่างที่สุดก็คืออุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นได้ จึงไม่ควรที่จะละทิ้งการภาวนา ถ้าหากว่าไปรถโดยสารประจำทาง ไม่ว่าจะเป็นรถเมล์ร้อน รถปรับอากาศ หรือว่ารถตู้ก็ตาม ตลอดจนกระทั่งการเดินทางทางเรือ หรือว่าทางเครื่องบิน ให้เราตั้งใจภาวนารักษากำลังใจให้สูงสุด อุทิศส่วนกุศลให้แก่เจ้าที่เจ้าทางที่รักษาตลอดเส้นทางที่เราเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นอากาสเทวดา รุกขเทวดา ภุมมเทวดาก็ดี ตลอดถึงสัตว์เดรัจฉานมีฤทธิ์ต่าง ๆ ขอให้เขาอนุโมทนาในส่วนกุศลที่เราได้กระทำและอุทิศให้ และขอให้ช่วยรักษาเราให้อยู่รอดปลอดภัยตลอดการเดินทางทั้งไปและกลับ
ส่วนท่านที่ขับขี่ยานพาหนะด้วยตนเอง ให้ภาวนาจนกำลังใจทรงตัวสูงสุด แล้วก็ตั้งใจอุทิศส่วนกุศลเช่นเดียวกัน หลังจากนั้นแล้วค่อยคลายออกมาที่อุปจารสมาธิ หรือพูดแบบง่าย ๆ ก็คือ ทิ้งการภาวนาไปเลย เพื่อที่เราจะได้อยู่กับหน้าที่การงาน..คือการขับขี่ยานพาหนะของเรา โดยที่ตั้งกำลังใจเอาไว้ว่า เวลางาน..ใจให้มุ่งอยู่กับงาน เวลาว่างจากงาน..ใจให้มุ่งอยู่กับกรรมฐาน เพื่อที่จะได้ช่วยสร้างสติให้เกิด รู้ระมัดระวัง มีสติว่าตอนนี้เรากำลังบังคับรถอยู่ ถ้าหากว่ามีความประมาทแม้แต่นิดเดียว อาจจะทำให้ตัวเราหรือคนที่เรารักต้องลำบาก เดือดร้อน บาดเจ็บ ล้มตาย แล้วแต่ความหนักเบาของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-09-2020 เมื่อ 17:18
|