ดูแบบคำตอบเดียว
  #32  
เก่า 13-03-2018, 22:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,124 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"เหมือนกับการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ ๒ แม่ทัพพม่า ๒ นาย คือ มังมหานรธากับเนเมียวสีหบดีต้องเลี้ยงลูกน้องมาก พวกเบี้ยหวัดผ้าปีอะไรที่ทางกษัตริย์พระราชทานให้ไม่เพียงพอ ก็คิดว่าตีเมืองชายขอบของอโยธยาดีกว่า ถ้าหากว่าได้สักเมืองหนึ่ง ก็จะมีทรัพย์สินตลอดจนเสบียงอาหาร เลี้ยงกองทัพของตัวเองไปหลายเดือน มาตีมะริดก็ได้ ทวายก็ได้ ตะนาวศรีก็ได้ เอ๊ะ...ไม่ยากนี่หว่า ก็เลยต่อด้วยกาญจนบุรี สุพรรณบุรี ไปยันอยุธยาเลย

ในเมื่อเจตนาเพื่อหาทรัพยากรมาเลี้ยงกองทัพของตัวเอง ก็ต้องกวาดไปให้ได้มากที่สุด พอยึดอยุธยาได้จึงขนสมบัติทุกอย่างไป ฉะนั้น...เราจะเห็นว่าเจตนาต่างกัน

สมัยพระเจ้าอลองพญามาตีกรุงศรีอยุธยา ตั้งทัพอยู่ที่วัดหน้าพระเมรุ ไม่แตะอะไรแม้แต่ชิ้นเดียว เพราะว่านั่นเป็นทัพกษัตริย์ มาเพื่อแสดงพระราชอำนาจ ถ้ารบชนะอยุธยาก็จะมีชื่อเสียงเกียรติคุณว่าเป็นกษัตริย์นักรบ มีข้าขอบขัณฑสีมาหลายประเทศ

แต่คราวนี้กองทัพที่มาตีกรุงศรีอยุธยาจนเสียกรุงครั้งที่ ๒ ไม่ใช่ทัพกษัตริย์ แต่เป็นแม่ทัพที่มาหาเสบียงและทรัพย์สมบัติเพื่อเลี้ยงทหารในกองทัพตนเอง ต้องโทษว่าเมืองไทยตอนนั้นอ่อนแอจนเกินไป เขาตีเมืองไหนก็ได้เมืองนั้น เลยลุกลามมาจนถึงเมืองหลวง แล้วก็ได้เมืองหลวงไปด้วย ในเมื่อเขาตีได้ เจตนาของเขาก็คือต้องกอบโกยไปให้มากที่สุด ก็ขนกันเพลินไปเลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-03-2018 เมื่อ 01:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 202 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา