๕๐. ตามรอยเท้าพ่อ
บวชมาทั้งที มีครูบาอาจารย์สุดวิเศษอย่าง
หลวงพ่อ ก็ตาม แต่กิเลสมารมักมาล่อหลอกอยู่เรื่อย ๆ มันคอยชวนให้สึกซะร่ำไป...
ตอนกุศลกรรมค้ำจุนหนุนเสริม ก็สามารถจะอยู่ในผ้าเหลืองอย่างมีความสุข พออกุศลกรรมเข้าแทรกก็นำให้ทุกข์ อยากสึกมันวันละร้อยหนพันหน... มีทางเดียวคือใจต้องมั่นคง ตั้งเป้าหมายไว้อย่างไรก็ต้องมุ่งหน้าลูกเดียว
ไปตายข้างหน้าอย่างคนกล้า ยังดีกว่าถอยหลังมาตายแบบคนขลาด ถ้าบ้าขนาดนี้ก็พอสู้ไหว...
แต่บางทีเหตุการณ์ที่ปรากฏขึ้น ก็ชวนให้ใจฝ่อเหมือนกัน พอพรรษาแรกผ่านพ้นจะเริ่มเข้าพรรษาสอง บรรดาพระเก่าที่บวชมาเป็นสิบ ๆ พรรษา ยกขบวนสึกซะหก เจ็ดรูป... แบบนี้ก็แย่ซิครับ...พระใหม่ ๆ กำลังหารุ่นพี่ ๆ เป็นหลักยึด อยู่ ๆ หลักก็มาจมหายวับไป ก็วิเวกโหวงเหวงไปตาม ๆ กัน โดยเฉพาะอาตมานอนละเมอเลยล่ะ...!
กลับจากกรรมฐานคืนหนึ่ง ขณะเดินรักษาอารมณ์จะกลับกุฏิ พอผ่านตึกกลางน้ำที่ หลวงพ่อ พัก อาตมายกมือไหว้ พลางนึกถามในใจว่า
น้ำหน้าอย่างลูกนี้ จะไปนิพพานชาตินี้กับเขาไหวหรือเปล่าครับ...? ทันใดนั้น...ทั้งแผ่นดินแผ่นฟ้า หมู่ไม้และตัวอาคารก็หายวับไปกับตา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในพระวรกายแก้วสว่างไสว ปรากฏขึ้นใหญ่เต็มจักรวาล... พระหัตถ์ซ้ายจูงมืออาตมา พระหัตถ์ขวาชี้ไปเบื้องหน้าลิบ ๆ ที่ไกลเหลือประมาณ เห็นแสงสว่างสุกสกาวเป็นจุดเล็ก ๆ อยู่สุดขอบฟ้าตรัสว่า
พระนิพพานคอยอยู่ข้างหน้า ไปให้ถึงนะลูกนะ ตรัสจบทุกอย่างก็คืนสภาพเดิม...
อาตมาเกิดความมั่นใจอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน กลับถึงกุฏิเขียนกลอนขึ้นมา ๑ บท ใจความมีว่า...
...หนทางแม้สุดไกล ขอมุ่งไปกว่าจะถึง
ยากเข็ญมิคำนึง ถึงทุกข์ทนสักเพียงไร
เดินตามรอยเท้าพ่อ มั่นคงต่อธรรมวินัย
พ่อชี้หนทางใด จะมุ่งไปไม่ลังเล
จิตมั่นด้วยศรัทธา ทุกเวลามิหันเห
ผู้ใดจะรวนเร มิชวนเซตามเขาไป
พ่อนำทางให้ลูก มีแต่ถูกลูกมั่นใจ
ขอเดินตามพ่อไป ตราบจนถึงซึ่งนิพพาน...
กำลังใจตอนนั้นมันหนักแน่นมั่นคงขนาดนี้จริง ๆ นึกเมื่อไรภาพพระพุทธลีลา พระหัตถ์ซ้ายจูงมืออาตมา พระหัตถ์ขวาชี้ไปยังเมืองแก้ว ก็ปรากฏชัดในห้วงนึกทุกครั้งไป
สมเด็จพ่อขอรับ ขอปณิธานของลูกจงสำเร็จ สมดังมโนรถปรารถนา จงทุกประการด้วยเถิด..
๘ เมษายน ๒๕๓๓
พระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ