ดูแบบคำตอบเดียว
  #61  
เก่า 29-06-2012, 10:52
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,554 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

• พรรษาที่ ๓ (พ.ศ. ๒๔๗๙)
จำพรรษาที่วัดท่าช้าง * (ปัจจุบัน วัดป่าคีรีวัลลิ์) ตำบลท่าช้าง อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนครราชสีมา

• พรรษาที่ ๔-๕ (พ.ศ. ๒๔๘๐-๒๔๘๑)
จำพรรษาที่วัดสุทธจินดา ตำบลโพธิ์กลาง อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา

• พรรษาที่ ๖ (พ.ศ. ๒๔๘๒)
จำพรรษาที่วัดศาลาทอง ตำบลหัวทะเล อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา

================================

ตามข้อมูลที่สืบค้นมา ทั้งจากกัณฑ์เทศน์ การสอบถามครูบาอาจารย์ และบุคคลต่าง ๆ ในสถานที่จริง ในระหว่างพรรษาที่ ๓-๖ ยังไม่พบว่า องค์หลวงตาได้เมตตากล่าวชี้ชัดว่า ปีใดจำพรรษาอยู่ที่ใด จึงสันนิษฐานว่า องค์ท่านน่าจะจำพรรษาที่วัดท่าช้าง ๑ พรรษา วัดสุทธจินดา ๒ พรรษา และวัดศาลาทอง ๑ พรรษา ตามลำดับ

ที่ลำดับเช่นนี้ เพราะสันนิษฐานว่า เมื่อบวชทีแรกอ่านประวัติพระพุทธเจ้า พระสาวก ซาบซึ้งอยากออกปฏิบัติเป็นพระอรหันต์ แต่ใจยังรักการเรียน จึงเริ่มต้นที่วัดท่าช้างก่อน เพราะเป็นวัดกรรมฐานที่ไม่ไกลจากสถานที่เรียนปริยัติจนเกินไป อีกเหตุผลหนึ่งท่านเคยกล่าวว่า พักท่าช้างทีแรกฉันข้าวไม่อิ่ม (ชาวบ้านใส่บาตรข้าวเจ้า) ด้วย ๒ เหตุผลนี้ จึงให้น้ำหนักการจำพรรษาที่นี่ก่อนวัดศาลาทองและวัดสุทธจินดา จากนั้นองค์ท่านจึงได้ย้ายเข้ามาพักจำพรรษาที่วัดสุทธจินดา และวัดศาลาทองในที่สุด ซึ่งทั้งสองวัดนี้อยู่ห่างกันไม่ถึง ๒ กิโลเมตรเท่านั้น เมื่อยังต้องเรียนปริยัติที่วัดสุทธจินดาอยู่ ก็ไม่น่าจะพักในที่ไกลออกไปนัก

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-06-2012 เมื่อ 17:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา