พระอาจารย์เล่าว่า "วันก่อนไปปฐมนิเทศนักศึกษาปริญญาเอก มีรุ่นพี่ปริญญาเอกรุ่นที่แล้วแต่ว่ายังเรียนไม่จบ มาสร้างความสนิทสนมและสนุกสนานกับรุ่นน้อง เขาบอกว่าให้พูดเลียนแบบสิ่งที่เขาพูด แต่ว่าให้พูดเฉพาะคำสุดท้าย อย่างเช่น เขาบอกว่า กรุงเทพฯ รถไม่ติด เราต้องพูดว่า “ติด” ถึงติดก็ไม่มาก “มาก” ถึงมากก็ไม่นาน “นาน” ถึงนานก็ไม่ท้อ “ท้อ” ถึงท้อก็ไม่ถอย “ถอย” สรุปแล้วค้านทุกเรื่อง รุ่นน้องกลายเป็นพรรคฝ่ายค้านไปเลย
ต้องบอกว่าเรื่องพวกนี้เป็นพรสวรรค์ของเขา เรื่องธรรมดา ๆ ก็เอามาทำให้สนุกได้ พระพุทธเจ้าท่านถึงต้องมีเอตทัคคะ คือบุคคลที่เป็นยอดในทางใดทางหนึ่งที่พระองค์ทรงตั้งไว้ มีบางท่านได้เอตทัคคะเกินกว่า ๑ ตำแหน่ง อย่างเช่น พระสุภูติเถระ เป็นเอตทัคคะ ผู้เป็นเลิศกว่าบุคคลอื่นในการอยู่อรณวิหาร ก็คืออยู่โดยปราศจากกิเลส และในด้านทักขิไณยบุคคล ถ้าเข้านิโรธสมาบัติตลอดก็ต้องเป็นทักขิไณยบุคคล บุคคลที่สมควรแก่ของที่เขามาถวาย ท่านได้เอตทัตคคะ ๒ อย่าง
พระอานนท์ได้เอตทัตคคะ ๕ อย่าง เช่น เป็นผู้เลิศกว่าผู้อื่นทางด้านเป็นผู้มีสติ คือกำหนดจดจำได้มาก ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์พระอานนท์จำได้หมด และเป็นผู้มีคติ ก็คือรู้ที่มารู้ที่ไป ที่เหมาะที่สมทุกอย่าง บุคคลที่มามาจากที่ไหน ใกล้หรือไกลเพียงไร ควรพาเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าเมื่อไร สุดยอดเลขานุการเลย เพราะฉะนั้น..ใครทำหน้าที่เลขานุการ บริการเจ้านายอยู่ ให้บูชาพระอานนท์เยอะ ๆ ขอบารมีท่านช่วยสงเคราะห์"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-07-2012 เมื่อ 11:33
|