ดูแบบคำตอบเดียว
  #3  
เก่า 27-05-2016, 13:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,530
ได้ให้อนุโมทนา: 151,474
ได้รับอนุโมทนา 4,406,599 ครั้ง ใน 34,120 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น...ตัวสักกายทิฐิตัวเดียว ทำให้เกิดสังโยชน์ใหญ่อีกหลายตัวตามมาได้ การที่เราจะตัดสักกายทิฐิ คือความเห็นว่าเป็นเรา เป็นของเรา ก็คือ ต้องพินิจพิจารณาให้เห็นจริงว่า ร่างกายนี้ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เป็นเพียงธาตุ ๔ คือ ดิน น้ำ ไฟ ลม ประกอบขึ้นมา ให้เราอาศัยอยู่ชั่วคราวตามบุญตามบาปที่สร้างมา เมื่อถึงเวลาก็เสื่อมสลายตายพังไป ถ้ายังไม่ถอนความพอใจออก ก็ต้องเกิดมามีร่างกายนี้ใหม่อีก

ถ้าหากว่าเราสามารถที่จะเห็นจริง และคลายความยึดมั่นถือมั่นว่าร่างกายนี้เป็นเราเป็นของเราได้ ตัวอื่นก็จะกลายเป็นของง่าย เพราะว่าเราจะหายจากความลังเลสงสัย เพราะเห็นชัดแล้วว่าร่างกายนี้ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ก็จะตั้งหน้าตั้งตารักษาศีลให้บริสุทธิ์ เคารพพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์อย่างจริงใจ เห็นว่ารูปฌานและอรูปฌานเป็นเพียงเครื่องมือให้เราก้าวล่วงพ้นจากกองทุกข์ไปเท่านั้น

ในบรรดาส่วนที่เกี่ยวข้องกับกามารมณ์ และการกระทบกระทั่งต่าง ๆ เกิดขึ้นเพราะมีร่างกายนี้เป็นเหตุ ถ้าเราละร่างกายนี้เสีย ไม่ยึดมั่นถือมั่น อารมณ์กระทบต่าง ๆ เหล่านั้นก็ไม่มี ถ้าคลายความยึดมั่นถือมั่นในร่างกายได้ ตัวมานะก็ลดลงไป ถ้าหากว่าเราปฏิบัติธรรมมาถึงขึ้นนี้ ตัวอุทธัจจะคือความฟุ้งซ่านก็เหลือน้อยเต็มที ก็เหลืออยู่อย่างเดียวคืออวิชชา ที่เรายังไปยึดถือมั่นหมายอยู่ เพราะว่ายังมีความยินดี ยังมีความพอใจในสิ่งต่าง ๆ ทันทีที่เราเกิดความยินดี ก็จะเกิดความอยากมีอยากได้ตามมา ดังนั้น...ต้องเห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเพียงสมบัติของโลก เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป ไม่มีอะไรให้เรายึดถือมั่นหมายได้ ไม่สามารถที่จะหอบข้ามชาติข้ามภพไปได้

ถ้าสามารถถอนความพอใจ ความยึดมั่นในตรงนี้ลงไปได้ เราก็สามารถที่จะตัดกิเลสเป็นสมุทเฉทปหาน คือละสังโยชน์ใหญ่ทั้งหมดลงได้ ก้าวล่วงพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน ดังนั้น...นักปฏิบัติธรรมทุกคนควรจะรู้ว่า ศัตรูของเราคือสังโยชน์นั้นหน้าตาเป็นอย่างไร และมิตรร่วมรบของเราก็คือบารมี ๑๐ นั้นหน้าตาเป็นอย่างไร แล้วก็ทำการเสริมสร้างบารมี ๑๐ ให้เต็ม ละสังโยชน์ ๑๐ ให้ได้ เราก็สามารถก้าวล่วงพ้นจากกองทุกข์ เข้าสู่พระนิพพานดังใจปรารถนา

ลำดับต่อไปขอให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันอาทิตย์ที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๕๙

(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย รัตนาวุธ)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย นายกระรอก : 27-06-2020 เมื่อ 00:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 43 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา