ถาม : ภาวนาไปเรื่อย ๆ แล้วเห็นภาพพระ จำเป็นต้องจับลมหายใจไหมคะ ?
ตอบ : ถ้าจับลมหายใจได้ ความชัดเจนแจ่มใสจะมีมากกว่า แต่พอจับลมหายใจแล้ว ถ้าแบ่งความรู้สึกไม่เป็นก็จะหนักไปข้างใดข้างหนึ่ง ถ้าเราไปหนักตรงภาพพระก็จะลืมลมหายใจ ถ้าหนักที่ลมหายใจก็จะลืมภาพพระ เพราะฉะนั้นต้องซ้อมแยกให้ได้เท่า ๆ กัน ก็แค่แยกความรู้สึกออกไปหลาย ๆ ส่วนเท่านั้นเอง
ถาม : พอจับลมหายใจ ก็ลงมาอีก ?
ตอบ : ขึ้นไปใหม่ ตื๊อเอาไว้บ่อย ๆ ก็ชินไปเอง เขาเรียกว่ากีฬาสมาธิ ทำให้ความมั่นคงของสมาธิมีมากขึ้น เพราะได้ซักซ้อมอยู่บ่อย ๆ
ถาม : แล้วอย่างนี้จะได้สมาธิระดับไหน ?
ตอบ : ท้ายสุดจะระดับไหนก็ช่าง เราเอาผลก็คือ รัก โลภ โกรธ หลง เกิดไม่ได้ ทำอย่างไรก็ได้ให้ใจเราเกาะอยู่กับพระ เกาะอยู่กับความดี แล้วรัก โลภ โกรธ หลง กินเราไม่ได้ ถ้าสามารถยืดระยะเวลาได้ยาวนานเท่าไร ความผ่องใสของใจมีมากเท่านั้น ปัญญาก็จะเกิดขึ้น แล้วก็จะเห็นช่องทางเองว่า การที่เราจะหลีกไปให้พ้นจากวัฏสงสารควรจะทำอย่างไร โดยเฉพาะสภาพการณ์ที่เผชิญอยู่เฉพาะหน้าตอนนั้นควรจะทำอย่างไร
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-03-2013 เมื่อ 02:49
|